อินชัวรันซ์ ออสเตรเลีย กรุ๊ป เดินหน้าขยายตลาดประกันภัยในทวีปเอเชีย ประเดิม 2 ประเทศหลัก “มาเลเซีย-อินเดีย” อัดฉีดเงินทุนเต็มทีหวังโตก้าวกระโดด
นายจัสติน เบรนนี่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารภูมิภาคเอเชีย อินชัวรันซ์ ออสเตรเลีย กรุ๊ป หรือ ไอเอจี เปิดเผยถึงการรุกตลาดธุรกิจประกันภัยในมาเลเซีย ว่า ไอเอจี ได้ตัดสินใจเข้าถือหุ้นเพิ่มในส่วนธุรกิจประกันภัยของ บริษัท แอมแอสชัวรันซ์ ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนในประเทศมาเลเซีย โดยขยายสัดส่วนจากร้อยละ 30 เป็นร้อยละ 49 เพื่อเสริมความแข็งแกร่งด้านธุรกิจประกันภัยของกลุ่มในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งเป็นอัตราส่วนสูงสุดที่กฎหมายมาเลเซียกำหนด โดยได้ตั้งบริษัทใหม่ภายใต้ชื่อ แอมจี อินชัวรันซ์ (AmG Insurance) โดยยังได้สิทธิ์ในการใช้แบรนด์ของ แอมแอสชัวรันซ์ เช่นเดิม
“ตั้งแต่บริษัทได้เข้าถือหุ้นร้อยละ 30 ในบริษัทร่วมทุนสัญชาติมาเลเซียแห่งนี้ ในปี 2549 บริษัทได้ร่วมทำงานกับ ธนาคารเอเอ็มแบงก์ กรุ๊ป อย่างใกล้ชิด ในการเพิ่มมูลค่าให้ธุรกิจผ่านการให้บริการ และถ่ายทอดประสบการณ์ความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจประกัน อันนำไปสู่ผลการดำเนินธุรกิจที่น่าพอใจจนถึงปัจจุบัน และในปี 2551 สามารถเพิ่มยอดเบี้ยประกันภัยขึ้นร้อยละ 15 เมื่อคิดเป็นมูลค่าจากเงินสกุลท้องถิ่น และก็มีการคาดหมายว่า ยอดเบี้ยประกันจะเพิ่มขึ้นจากเดิมอีกร้อยละ 10 ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า และเมื่อเราได้ทำการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้น จาก 30% เป็น 49% เราก็พร้อมเดินหน้าไปกับพาร์ทเนอร์ของเราในการขยายธุรกิจ และเสริมความแข็งแกร่งในธุรกิจประกันภัย ผ่านทางเครือข่ายและความหลากหลายของสินค้าที่เราสร้างสรรค์ขึ้น”
ทั้งนี้ ไอเอจี กรุ๊ป ได้รับการอนุมัติทางกฏหมายเรียบร้อยแล้วในการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการถือหุ้น โดยคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ภายในเดือนธันวาคมปี 2008 และเมื่อเร็วๆ นี้ แอมจี อินชัวรันซ์ ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงที่จะเข้าถือหุ้นใน มาเลเซียน แอสชัวรันซ์ อัลลานแอนซ์ หรือ เอ็มเอเอ (MAA) ซึ่งการลงทุนดังกล่าว ส่งผลให้แอมจี อินชัวรันซ์ กลายเป็นบริษัทประกันภัยรายใหญ่ระดับ 1 ใน 3 ของประเทศมาเลเซีย นอกจากนี้ แอมจี อินชัวรันซ์ ยังมีแผนเข้าถือหุ้นร้อยละ 4.9 ใน MAA Takaful Bhd ซึ่งเป็นธุรกิจบริษัทประกันภัยสำหรับชาวอิสลามอีกด้วย โดยคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในปี 2552
ด้านการรุกธุรกิจประกันภัยในประเทศอินเดียนั้น ไอเอจี กรุ๊ป ได้ประกาศร่วมทุนกับ ธนาคาร State Bank of India หรือ SBI โดย นายไมเคิล วิลคินส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ ของ ไอเอจี กรุ๊ป กล่าวถึงรายละเอียดดังกล่าว ว่า ไอเอจี กรุ๊ป และธนาคาร State Bank of India หรือ SBI ได้ลงนามในข้อตกลงที่จะลงทุนร่วมกันในบริษัทร่วมทุนเพื่อดำเนินธุรกิจประกันภัยในประเทศอินเดีย โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินธุรกิจได้ในปี 2552 โดยการร่วมทุนดังกล่าวเป็นไปตามประกาศที่ออกมาก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2551 ที่ได้มีการเลือกให้ SBI เป็นพาร์ทเนอร์ในการตั้งบริษัทร่วมทุนในอินเดีย
“ประเทศอินเดียถือเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ และยังคงมีอัตราการขยายตัวอยู่ตลอด ซึ่งถือเป็นโอกาสของอุตสาหกรรมประกันภัยที่จะเข้ามามอบบริการที่เหมาะสม ซึ่งคาดว่าจะมีการเติบโตอย่างน้อยร้อยละ 15-20 ต่อปี”
นายไมเคิล วิลคินส์ กล่าวอีกว่า การลงทุนของ ไอเอจี ในบริษัทร่วมทุนจะอยู่ที่ 5,421 ล้านรูปี หรือประมาณ 170 ล้านเหรียญออสเตรเลีย โดยการลงทุนของเราจะทุ่มไปที่บริษัทร่วมทุนทั้งหมด เพื่อถือหุ้นร้อยละ 26 ตามแผนที่วางเอาไว้โดยเราไม่จำเป็นจะต้องเพิ่มทุนอีกเป็นเวลาอย่างน้อย 4 ปี ซึ่งการลงทุนของเราสะท้อนให้เห็นถึงความโดดเด่นในการสร้างโอกาส ซึ่งก็เชื่อว่าจะสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้นได้ในระยะกลาง และระยะยาวได้ตามแผนที่วางไว้
นายจัสติน เบรนนี่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารภูมิภาคเอเชีย อินชัวรันซ์ ออสเตรเลีย กรุ๊ป หรือ ไอเอจี เปิดเผยถึงการรุกตลาดธุรกิจประกันภัยในมาเลเซีย ว่า ไอเอจี ได้ตัดสินใจเข้าถือหุ้นเพิ่มในส่วนธุรกิจประกันภัยของ บริษัท แอมแอสชัวรันซ์ ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนในประเทศมาเลเซีย โดยขยายสัดส่วนจากร้อยละ 30 เป็นร้อยละ 49 เพื่อเสริมความแข็งแกร่งด้านธุรกิจประกันภัยของกลุ่มในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งเป็นอัตราส่วนสูงสุดที่กฎหมายมาเลเซียกำหนด โดยได้ตั้งบริษัทใหม่ภายใต้ชื่อ แอมจี อินชัวรันซ์ (AmG Insurance) โดยยังได้สิทธิ์ในการใช้แบรนด์ของ แอมแอสชัวรันซ์ เช่นเดิม
“ตั้งแต่บริษัทได้เข้าถือหุ้นร้อยละ 30 ในบริษัทร่วมทุนสัญชาติมาเลเซียแห่งนี้ ในปี 2549 บริษัทได้ร่วมทำงานกับ ธนาคารเอเอ็มแบงก์ กรุ๊ป อย่างใกล้ชิด ในการเพิ่มมูลค่าให้ธุรกิจผ่านการให้บริการ และถ่ายทอดประสบการณ์ความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจประกัน อันนำไปสู่ผลการดำเนินธุรกิจที่น่าพอใจจนถึงปัจจุบัน และในปี 2551 สามารถเพิ่มยอดเบี้ยประกันภัยขึ้นร้อยละ 15 เมื่อคิดเป็นมูลค่าจากเงินสกุลท้องถิ่น และก็มีการคาดหมายว่า ยอดเบี้ยประกันจะเพิ่มขึ้นจากเดิมอีกร้อยละ 10 ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า และเมื่อเราได้ทำการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้น จาก 30% เป็น 49% เราก็พร้อมเดินหน้าไปกับพาร์ทเนอร์ของเราในการขยายธุรกิจ และเสริมความแข็งแกร่งในธุรกิจประกันภัย ผ่านทางเครือข่ายและความหลากหลายของสินค้าที่เราสร้างสรรค์ขึ้น”
ทั้งนี้ ไอเอจี กรุ๊ป ได้รับการอนุมัติทางกฏหมายเรียบร้อยแล้วในการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการถือหุ้น โดยคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ภายในเดือนธันวาคมปี 2008 และเมื่อเร็วๆ นี้ แอมจี อินชัวรันซ์ ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงที่จะเข้าถือหุ้นใน มาเลเซียน แอสชัวรันซ์ อัลลานแอนซ์ หรือ เอ็มเอเอ (MAA) ซึ่งการลงทุนดังกล่าว ส่งผลให้แอมจี อินชัวรันซ์ กลายเป็นบริษัทประกันภัยรายใหญ่ระดับ 1 ใน 3 ของประเทศมาเลเซีย นอกจากนี้ แอมจี อินชัวรันซ์ ยังมีแผนเข้าถือหุ้นร้อยละ 4.9 ใน MAA Takaful Bhd ซึ่งเป็นธุรกิจบริษัทประกันภัยสำหรับชาวอิสลามอีกด้วย โดยคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในปี 2552
ด้านการรุกธุรกิจประกันภัยในประเทศอินเดียนั้น ไอเอจี กรุ๊ป ได้ประกาศร่วมทุนกับ ธนาคาร State Bank of India หรือ SBI โดย นายไมเคิล วิลคินส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ ของ ไอเอจี กรุ๊ป กล่าวถึงรายละเอียดดังกล่าว ว่า ไอเอจี กรุ๊ป และธนาคาร State Bank of India หรือ SBI ได้ลงนามในข้อตกลงที่จะลงทุนร่วมกันในบริษัทร่วมทุนเพื่อดำเนินธุรกิจประกันภัยในประเทศอินเดีย โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินธุรกิจได้ในปี 2552 โดยการร่วมทุนดังกล่าวเป็นไปตามประกาศที่ออกมาก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2551 ที่ได้มีการเลือกให้ SBI เป็นพาร์ทเนอร์ในการตั้งบริษัทร่วมทุนในอินเดีย
“ประเทศอินเดียถือเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ และยังคงมีอัตราการขยายตัวอยู่ตลอด ซึ่งถือเป็นโอกาสของอุตสาหกรรมประกันภัยที่จะเข้ามามอบบริการที่เหมาะสม ซึ่งคาดว่าจะมีการเติบโตอย่างน้อยร้อยละ 15-20 ต่อปี”
นายไมเคิล วิลคินส์ กล่าวอีกว่า การลงทุนของ ไอเอจี ในบริษัทร่วมทุนจะอยู่ที่ 5,421 ล้านรูปี หรือประมาณ 170 ล้านเหรียญออสเตรเลีย โดยการลงทุนของเราจะทุ่มไปที่บริษัทร่วมทุนทั้งหมด เพื่อถือหุ้นร้อยละ 26 ตามแผนที่วางเอาไว้โดยเราไม่จำเป็นจะต้องเพิ่มทุนอีกเป็นเวลาอย่างน้อย 4 ปี ซึ่งการลงทุนของเราสะท้อนให้เห็นถึงความโดดเด่นในการสร้างโอกาส ซึ่งก็เชื่อว่าจะสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้นได้ในระยะกลาง และระยะยาวได้ตามแผนที่วางไว้