ไอเอ็มเอฟ คาดการณ์ ศก.โลกปีหน้า ติดลบ 0.4% เป็นครั้งแรกในรอบ 50 ปี ยุโรปลงหนักสุด รองมาได้แก่ สหรัฐฯ และญี่ปุ่น ส่วนตลาดเกิดใหม่ ขยายตัวลดลงเล็กน้อย
รายงานข่าวบนเวบไซต์ บลูมเบิร์ก ดอทคอม ระบุว่า กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอไอเอฟ) คาดเศรษฐกิจโลกปีหน้าจะติดลบ 0.4% นับเป็นการเข้าสู่ภาวะถดถอยครั้งแรกในรอบเกือบ 50 ปี หลังเศรษฐกิจประเทศอุตสาหกรรมถดถอย ขณะตลาดเกิดใหม่ชะลอหนัก โดยประเมินว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่ น่าจะชะลอลงเกือบครึ่งหนึ่ง
ไอไอเอฟ ยอมรับว่า เศรษฐกิจของโลกได้รับผลกระทบ 3 ประการจากปัญหาการเงิน ได้แก่ ภาคธนาคารต้องประสบผลขาดทุนจำนวนมากเนื่องจากมูลค่าสินทรัพย์ลดลง มีเงินทุนไม่เพียงพอที่จะอุดช่องโหว่ของงบดุลของธนาคาร และกำลังเผชิญปัญหากับการเพิ่มทุน
ทั้งนี้ ไอไอเอฟ คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกปีหน้าจะติดลบ 0.4% ซึ่งเป็นการติดลบครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1960 หลังจากที่คาดการณ์ว่าในปีนี้จะขยายตัว 2% ขณะที่เศรษฐกิจประเทศพัฒนาแล้วซึ่งรวมถึงสหรัฐฯ กลุ่มยูโรโซน และญี่ปุ่นในปีหน้าจะติดลบ 1.4% หลังจากคาดการณ์ว่าในปีนี้จะขยายตัว 0.9%
หากมองเฉพาะในส่วนของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปีหน้า คาดว่าจะติดลบ 1.3% ส่วนในปีนี้จะขยายตัว 1.2% เศรษฐกิจกลุ่มยูโรโซนจะติดลบ 1.5% ส่วนในปีนี้จะขยายตัว 0.9% และเศรษฐกิจญี่ปุ่นจะติดลบ 1.2% ขณะในปีนี้จะเกิดภาวะชะงักงัน
สำหรับเศรษฐกิจของตลาดเกิดใหม่ ในปีหน้า ไอเอ็มเอฟคาดว่าจะขยายตัวได้ 3.1% หลังจากคาดการณ์ว่า ในปีนี้จะขยายตัวได้ถึง 5.9% ขณะที่ในเดือนพฤษภาคม 2551 ไอไอเอฟ เคยคาดว่า เศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่ปีหน้าจะขยายตัว 6.5% ส่วนเศรษฐกิจของจีน ในปีหน้าจะขยายตัวเหลือ 6.5% โดยปีนี้จะขยายตัว 9.3%
