แบงก์กสิกรไทย เดินเครื่องลุยธุรกิจบัตรเครดิต หั่นเกณฑ์รายได้ขั้นลูกค้าบัตรแพลตินัมเป็นรอบที่ 2 จากเดิมต้องมีรายได้ 7 หมื่นบาทต่อเดือน เหลือ 5 หมื่นบาทต่อเดือน ชี้หลังปรับเกณฑ์แล้วลูกค้าตอบรับดี ระบุ ยังไม่สามารถประเมินผลกระทบจากการว่างงานได้ว่าจะกระทบธุรกิจบัตรเครดิตขนาดไหน
นางสาวอัญชลี จรัสยศวุฒิชัย ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์และการตลาดบัตรเครดิต ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK เปิดเผยว่า ธนาคารได้ทำการปรับเกณฑ์รายได้ต่อเดือน สำหรับผู้ที่จะสมัครบัตรเครดิตแพลตินัมลง จาก 70,000 บาท มาอยู่ที่ 50,000 บาทต่อเดือน เนื่องจากต้องการขยายฐานของลูกค้าที่จะสามารถทำบัตรดังกล่าวให้มีมากขึ้นโดยในช่วงที่ผ่านมาธนาคารได้ออกแคมเปญ เพื่อกระตุ้นบัตรยอดบัตร และการใช้จ่ายผ่านบัตรดังกล่าวด้วย
ทั้งนี้ เกณฑ์รายได้ขั้นต่ำของผู้ที่จะถือบัตรแพลตินัมของธนาคารนั้นกำหนดไว้ค่อนข้างสูงโดยอยู่ที่ 1 แสนบาทต่อเดือน และในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ธนาคารได้ทำการปรับเกณฑ์รายได้ดังกล่าวลงมาอยู่ที่ 7 หมื่นบาท ก่อนที่จะมาปรับใหม่อีกครั้ง โดยมีเป้าหมาย คือ ธนาคารอยากให้ลูกค้าที่อยู่ในฐานบัตรเครดิตเดิมของธนาคารที่ถือบัตรเครดิตธรรมดาที่เป็นลูกค้าดี เช่น บัตรเงิน บัตรทอง สามารถอัปเกรดเป็นแพลตินัมได้ ซึ่งธนาคารได้มีการปรับเปลี่ยนเกณฑ์รายได้ขั้นต่ำต่อเดือนกับลูกค้าที่จะสมัครบัตรเครดิตแพลตินัมเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ธนาคารได้ปรับเกณฑ์รายได้นั้น ก็ได้รับผลตอบรับที่ดีทั้งจากลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ ทำให้มีจำนวนลูกค้าที่เข้าเกณฑ์ที่ธนาคารกำหนดไว้มาสมัครบัตรซึ่งจะเป็นในส่วนของลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น 10% ส่งผลให้ธนาคารมีฐานลูกค้าบัตรเครดิตแพลตินัมทั้งหมดในปัจจุบัน 200,000 ใบ ซึ่งจะแบ่งเป็นลูกค้าเดิม 100,000 ราย
ส่วนที่เหลือจะเป็นลูกค้าใหม่ที่เข้าเกณฑ์
“หลังจากที่ธนาคารได้ปรับเกณฑ์รายได้ขั้นต่ำเหลือ 50,000 บาทต่อเดือน ทำให้มีลูกค้าใหม่สนใจสมัครบัตรเครดิตมากขึ้น ส่วนลูกค้าที่ธนาคารอัปเกรดให้ คือ ลูกค้าเดิมที่เคยถือบัตรเงิน บัตรทอง มีรายได้ต่อเดือนที่บันทึกอยู่ในระบบตามที่กำหนดไว้อีกทั้งมีประวัติการใช้จ่ายผ่านบัตร และมีการชำระคืนที่ดี ก็ให้การตอบรับที่ดีมาก ทำให้ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเฉลี่ยมีการเติบโตเพิ่มขึ้น” นางอัญชลี กล่าว
ส่วนบัตรเครดิตธรรมดาประเภทอื่น ธนาคารยังไม่มีแผนที่จะปรับเกณฑ์รายได้ขั้นต่ำ เพราะธนาคารยังมีการใช้ระบบเครดิตสะกอริ่ง เพื่อสะท้อนภาพออกมาในเรื่องของการใช้วงเงินและการอนุมัติกับลูกค้า สำหรับลูกค้าของธนาคารที่จะได้รับผลกระทบจากการว่างงานในปีหน้านั้นมองว่า ไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าเป็นเท่าไร เนื่องจากมีบางอุตสาหกรรมเท่านั้นที่ได้รับผลจากการเลิกจ้าง
นางสาวอัญชลี จรัสยศวุฒิชัย ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์และการตลาดบัตรเครดิต ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK เปิดเผยว่า ธนาคารได้ทำการปรับเกณฑ์รายได้ต่อเดือน สำหรับผู้ที่จะสมัครบัตรเครดิตแพลตินัมลง จาก 70,000 บาท มาอยู่ที่ 50,000 บาทต่อเดือน เนื่องจากต้องการขยายฐานของลูกค้าที่จะสามารถทำบัตรดังกล่าวให้มีมากขึ้นโดยในช่วงที่ผ่านมาธนาคารได้ออกแคมเปญ เพื่อกระตุ้นบัตรยอดบัตร และการใช้จ่ายผ่านบัตรดังกล่าวด้วย
ทั้งนี้ เกณฑ์รายได้ขั้นต่ำของผู้ที่จะถือบัตรแพลตินัมของธนาคารนั้นกำหนดไว้ค่อนข้างสูงโดยอยู่ที่ 1 แสนบาทต่อเดือน และในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ธนาคารได้ทำการปรับเกณฑ์รายได้ดังกล่าวลงมาอยู่ที่ 7 หมื่นบาท ก่อนที่จะมาปรับใหม่อีกครั้ง โดยมีเป้าหมาย คือ ธนาคารอยากให้ลูกค้าที่อยู่ในฐานบัตรเครดิตเดิมของธนาคารที่ถือบัตรเครดิตธรรมดาที่เป็นลูกค้าดี เช่น บัตรเงิน บัตรทอง สามารถอัปเกรดเป็นแพลตินัมได้ ซึ่งธนาคารได้มีการปรับเปลี่ยนเกณฑ์รายได้ขั้นต่ำต่อเดือนกับลูกค้าที่จะสมัครบัตรเครดิตแพลตินัมเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ธนาคารได้ปรับเกณฑ์รายได้นั้น ก็ได้รับผลตอบรับที่ดีทั้งจากลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ ทำให้มีจำนวนลูกค้าที่เข้าเกณฑ์ที่ธนาคารกำหนดไว้มาสมัครบัตรซึ่งจะเป็นในส่วนของลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น 10% ส่งผลให้ธนาคารมีฐานลูกค้าบัตรเครดิตแพลตินัมทั้งหมดในปัจจุบัน 200,000 ใบ ซึ่งจะแบ่งเป็นลูกค้าเดิม 100,000 ราย
ส่วนที่เหลือจะเป็นลูกค้าใหม่ที่เข้าเกณฑ์
“หลังจากที่ธนาคารได้ปรับเกณฑ์รายได้ขั้นต่ำเหลือ 50,000 บาทต่อเดือน ทำให้มีลูกค้าใหม่สนใจสมัครบัตรเครดิตมากขึ้น ส่วนลูกค้าที่ธนาคารอัปเกรดให้ คือ ลูกค้าเดิมที่เคยถือบัตรเงิน บัตรทอง มีรายได้ต่อเดือนที่บันทึกอยู่ในระบบตามที่กำหนดไว้อีกทั้งมีประวัติการใช้จ่ายผ่านบัตร และมีการชำระคืนที่ดี ก็ให้การตอบรับที่ดีมาก ทำให้ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเฉลี่ยมีการเติบโตเพิ่มขึ้น” นางอัญชลี กล่าว
ส่วนบัตรเครดิตธรรมดาประเภทอื่น ธนาคารยังไม่มีแผนที่จะปรับเกณฑ์รายได้ขั้นต่ำ เพราะธนาคารยังมีการใช้ระบบเครดิตสะกอริ่ง เพื่อสะท้อนภาพออกมาในเรื่องของการใช้วงเงินและการอนุมัติกับลูกค้า สำหรับลูกค้าของธนาคารที่จะได้รับผลกระทบจากการว่างงานในปีหน้านั้นมองว่า ไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าเป็นเท่าไร เนื่องจากมีบางอุตสาหกรรมเท่านั้นที่ได้รับผลจากการเลิกจ้าง