ธปท.การันตีฐานะสาขาธนาคารต่างชาติยังปึ๊ก เหตุเงินกองทุนยังสูง พร้อมปฏิเสธไม่มีปัญหาปลดลดพนักงานออกเหมือนสถาบันการเงินต่างชาติ ขณะเดียวกันไม่เห็นสัญญาณขนเงินกลับประเทศ
นายสรสิทธิ์ สุนทรเกศ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่า แม้วิกฤตการเงินโลกที่เกิดขึ้นในขณะนี้ก็ไม่ได้สร้างปัญหาให้แก่สาขาธนาคารต่างชาติที่เข้ามาดำเนินธุรกิจในไทย รวมถึงยังไม่มีข่าวจะปลดพนักงานออกเหมือนในสถาบันการเงินต่างชาติหลายแห่งประสบปัญหาอยู่ เนื่องจากการทำธุรกิจในไทย ธปท.ได้กำหนดเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง(บีไอเอส เรโช)ที่สะท้อนฐานะซึ่งในส่วนนี้ก็ยังดีอยู่
“ขณะเดียวกันไม่ต้องห่วงว่าจะมีการขนเงินกลับออกไป เพราะธปท.มีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนในการขออนุญาตและรายงานก่อนนำเงินออกไป ซึ่งรวมถึงการนำส่งกำไรกลับไปด้วย แต่ในขณะนี้เท่าที่ตรวจสอบยังไม่มีสาขาธนาคารต่างชาติใดมีปัญหานี้”นายสรสิทธิ์กล่าวว่า
ทั้งนี้ ในปัจจุบันการดำเนินธุรกิจของสาขาธนาคารต่างประเทศก็ยังดำเนินการตามปกติ โดยส่วนใหญ่จะปล่อยกู้แก่ลูกค้าที่เป็นนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาติดต่อการค้าในไทย จึงเป็นฐานลูกค้าคนละกลุ่มเป้าหมายกับธนาคารพาณิชย์ไทย ซึ่งแม้ว่าธนาคารพาณิชย์ไทยมีความได้เปรียบมากกว่าสาขาธนาคารต่างชาติตรงที่สามารถปล่อยกู้ลูกค้ารายใหญ่หรือบริษัทในเครือได้มากกว่า คือ รายละไม่เกิน 25%ของเงินกองทุน ทำให้ขณะนี้อัตราการขยายตัวสินเชื่อของระบบธนาคารพาณิชย์ไทยดีกว่า
สำหรับในภาวะที่เศรษฐกิจตกต่ำจนธนาคารพาณิชย์ต้องมีการระมัดระวังในการปล่อยกู้มากขึ้นแก่ลูกค้า และมีบางรายต้องหันไปพึ่งเงินกู้นอกระบบมากขึ้นหรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องติดตามดูต่อไป เนื่องจากการ การปรับหลักเกณฑ์ของผู้กู้ให้มีความเข้มงวดมากขึ้นนั้นเป็นเรื่องปกติที่ตัวธนาคารต้องดูแลความเสี่ยงของตัวเอง
นายสรสิทธิ์ สุนทรเกศ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่า แม้วิกฤตการเงินโลกที่เกิดขึ้นในขณะนี้ก็ไม่ได้สร้างปัญหาให้แก่สาขาธนาคารต่างชาติที่เข้ามาดำเนินธุรกิจในไทย รวมถึงยังไม่มีข่าวจะปลดพนักงานออกเหมือนในสถาบันการเงินต่างชาติหลายแห่งประสบปัญหาอยู่ เนื่องจากการทำธุรกิจในไทย ธปท.ได้กำหนดเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง(บีไอเอส เรโช)ที่สะท้อนฐานะซึ่งในส่วนนี้ก็ยังดีอยู่
“ขณะเดียวกันไม่ต้องห่วงว่าจะมีการขนเงินกลับออกไป เพราะธปท.มีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนในการขออนุญาตและรายงานก่อนนำเงินออกไป ซึ่งรวมถึงการนำส่งกำไรกลับไปด้วย แต่ในขณะนี้เท่าที่ตรวจสอบยังไม่มีสาขาธนาคารต่างชาติใดมีปัญหานี้”นายสรสิทธิ์กล่าวว่า
ทั้งนี้ ในปัจจุบันการดำเนินธุรกิจของสาขาธนาคารต่างประเทศก็ยังดำเนินการตามปกติ โดยส่วนใหญ่จะปล่อยกู้แก่ลูกค้าที่เป็นนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาติดต่อการค้าในไทย จึงเป็นฐานลูกค้าคนละกลุ่มเป้าหมายกับธนาคารพาณิชย์ไทย ซึ่งแม้ว่าธนาคารพาณิชย์ไทยมีความได้เปรียบมากกว่าสาขาธนาคารต่างชาติตรงที่สามารถปล่อยกู้ลูกค้ารายใหญ่หรือบริษัทในเครือได้มากกว่า คือ รายละไม่เกิน 25%ของเงินกองทุน ทำให้ขณะนี้อัตราการขยายตัวสินเชื่อของระบบธนาคารพาณิชย์ไทยดีกว่า
สำหรับในภาวะที่เศรษฐกิจตกต่ำจนธนาคารพาณิชย์ต้องมีการระมัดระวังในการปล่อยกู้มากขึ้นแก่ลูกค้า และมีบางรายต้องหันไปพึ่งเงินกู้นอกระบบมากขึ้นหรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องติดตามดูต่อไป เนื่องจากการ การปรับหลักเกณฑ์ของผู้กู้ให้มีความเข้มงวดมากขึ้นนั้นเป็นเรื่องปกติที่ตัวธนาคารต้องดูแลความเสี่ยงของตัวเอง
