แฉเบื้องลึกปลด "วสันต์" พ้นเก้าอี้ ผอ.อสมท เป็นแผนยึดสื่อของระบอบทักษิณ คนในวงการข่าวเชื่อ "เจ๊เพ็ญ-เจ๊มิ่ง" เดินเกมให้นายใหญ่ชักธงรบเต็มตัว เตรียมแปลงสภาพช่อง 9 เป็น NBT หวังใช้เป็นกระบอกเสียงเต็มตัว พร้อมเปิดโปงสายสัมพันธ์ ลูก ปธ.บอร์ด เป็นคนใกล้ชิด "จักรภพ" ผู้ถือหุ้นรายย่อยหวั่น พปช. เข้าแทรก นำองค์กรเข้าไปรับใช้นักการเมือง
นายพิเชียร อำนาจวรประเสิรฐ ผู้ถือหุ้นรายย่อย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงกรณีการปลดนายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ อสมท ให้ยุติหน้าที่ หลังจากเข้าไปทำงานได้เพียง 5 เดือน โดยคำแถลงของคณะกรรมการ (บอร์ด) อสมท ที่เห็นพ้องร่วมกันกับนายวสันต์ ให้ยุติการทำหน้าที่ โดยที่นายวสันต์ไม่ได้หย่อนประสิทธิภาพในการทำงาน แต่มีสไตล์การทำงานแตกต่างกัน มีความหมายที่เข้าใจได้ว่า อสมท ต้องถูกการเมืองครอบงำ ในการยุติหน้าที่ของกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และเป็นเกมการเมืองที่บีบให้ออกจากตำแหน่ง
นายพิเชียร ระบุว่า ตั้งแต่บอร์ดชุดนี้เข้ามาทำงาน เป้าหมายหลัก คือ การหาเรื่องนายวสันต์เพื่อจะปลดออก แทนที่จะมุ่งเรื่องการบริหารองค์กร อสมท แต่ที่ล่วงเลยมาถึงวันนี้ เพราะไม่สามารถหาความผิดจังๆ หรือไม่มีน้ำหนักกดดันให้นายวสันต์ออกได้ ซึ่งผลสรุปที่เกิดขึ้นในวันนี้ ไม่ได้เกินความคาดหมายของผู้ถือหุ้นรายย่อย และต้องยอมรับกันว่าบอร์ดชุดนี้ถูกแต่งตั้งโดยนายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่มีเป้าหมายตั้งแต่ต้นว่าจะปลดนายวสันต์ ที่มองว่าถูกสรรหามาในยุคคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) และวันนี้ ก็ได้พิสูจน์ชัดเจนแล้ว
"มันก็เร็วมาก เพราะนายวสันต์เพิ่งบริหารงานได้แค่ปีเศษ ยังเหลือเวลาอีกเกือบ 2 ปีกว่าจึงจะครบเทอม ผลงานก็มีให้เห็น มองว่าบอร์ดชุดนี้เข้ามา เหมือนกับได้รับคำสั่งจาก การเมืองเพื่อให้มาเล่นงานหรือปลดนายวสันต์ อยู่แล้ว โดยเร็วๆนี้ จะมีการประชุมของกลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อยเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อเตรียมทำหนังสือยื่นถึงประธานบอร์ด อสมท ขอคัดค้านการกระทำผ่านมติดังกล่าว"
ทั้งนี้บอร์ด อสมท ชุดนี้ กำลังทำผิดหน้าที่และจริยธรรม รวมทั้งขาดธรรมาภิบาลอย่างยิ่งเพราะว่า บอร์ด อสมท ต้องดูแลผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นและสาธารณะ และตอบสนองต่อผู้บริโภคประชาชน แต่กลับกระทำเหมือนขัดต่อผลประโยชน์ผู้ถือหุ้น ซึ่งบอร์ดชุดนี้ต้องรับผิดชอบการกระทำที่เกิดขึ้นด้วย
"เราไม่ต้องการให้ อสมท เป็นเหมือนกับ ช่อง 11 ที่วันนี้เปลี่ยนมาเป็นเอ็นบีทีแล้ว เป็นกระบอกเสียงของภาครัฐ เป็นสื่อที่โฆษณาชวนเชื่อของรัฐและพรรคการเมืองอย่างไม่ชอบธรรม อสมท วันนี้กำลังจะกลับคืนไปสู่สภาพเดิมเป็นแดนสนธยา อีกครั้ง ด้วยฝีมือของบอร์ดชุดนี้ ทั้งๆที่ได้ข้ามจุดนั้นไปแล้ว"
อย่างไรก็ตาม ภารกิจที่สำคัญของบอร์ด น่าจะต้องมีมากกว่านี้ ไม่ใช่แค่จะมานั่งจ้องปลดนายวสันต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องของสัมปทานกับภาคเอกชน คือ ยูบีซีและช่อง 3 ซึ่งก่อนหน้านี้ บอร์ด อสมท ก็ออกมาให้ข่าวใหญ่โตว่าจะจัดการทุกอย่าง แต่เรื่องก็เงียบหายไป
โดยในส่วนของช่อง 3 ที่เตรียมแผนงานจะเปิดช่องใหม่ขยายอีก 2-3 ช่อง ปีหน้านั้น ทำได้หรือไม่ได้อย่างไรและต้องให้ผลตอบแทน อสมท เพิ่มขึ้นมากน้อยอย่างไร หรือกรณีของ ทรูวิชั่นส์ยูบีซี ที่มีการโฆษณาหารายได้เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ก่อนหน้านี้ไม่สามารถโฆษณาได้ มีการเจรจาคืบหน้าอย่างไรบ้าง เพราะ อสมท เสียประโยชน์อย่างมาก
ขณะที่มีรายงานข่าวว่า ล่าสุดทางทรูวิชั่นส์ออกมายืนยันหนักแน่นว่า จะไม่ให้ผลตอบแทนรายได้สัมปทานเพิ่มกับ อสมท เพราะถือว่าผลประโยชน์เดิมก็เป็นเงินจำนวนมากแล้ว
โดยก่อนหน้านี้ แหล่งข่าวจากบอร์ด อสมท ได้ออกมายอมรับกับสื่อมวลชนว่า กรณีการปลดนายวสันต์ ซึ่งมีข่าวว่า อสมท ต้องจ่ายเงินชดเชยให้นายวสันต์ 5 ล้านบาท เนื่องจากให้ออกก่อนครบสัญญาจ้าง 4 ปี และมีการปล่อยข่าวว่า นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ เป็นอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ เพื่อกลบกรณีทุจริตเมื่อครั้งเป็น ผอ.อสมท และนำคนนอกมาร่วมผลิตรายการ เช่น บริษัท ไร่ส้ม และบริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป ทั้งนี้ ทราบว่านายมิ่งขวัญได้ผลักดันนายอนุสรณ์ ธรรมใจ มาเป็น ผอ.อสมท คนใหม่ และขณะเดียวกันมีอีกกระแสว่า พปช. พยายามดันนายจักรภพ เพ็ญแข มาเป็น ผอ.อสมท เช่นกัน
แนวทางการการบริหาร อสมท หลังจากนี้ ผู้ถือหุ้นรายย่อยกำลังมีความวิตกกังวล และเชื่อว่า อสมท จะถูกการเมืองโดยเฉพาะพรรคพลังประชาชน (พปช.) เข้ามาแทรกแซง เพื่อใช้สื่อของ อสมท ทั้งช่อง 9 และเครือข่ายวิทยุทั่วประเทศ ไปรับใช้การเมืองมากเกินไป และจะสร้างความเสียหายให้กับองค์กร อสมท และราคาหุ้น ที่ปัจจุบันได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจอยู่แล้ว และยังต้องตกอยู่ในช่วงสุญญากาศการบริหาร ระหว่างการสรรหากรรมการผู้อำนวยการใหญ่คนใหม่อีก
นายพิเชียร กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ถือหุ้นรายย่อยจะหารือกันเพื่อทำหนังสือถึงบอร์ด อสมท ให้ชี้แจงเหตุผลการยุติหน้าที่การทำงานของนายวสันต์ และประเด็นความห่วงใยต่อการบริหารงาน อสมท ในอนาคต และพร้อมจับตาขั้นตอนการสรรหา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่คนใหม่อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะบุคคลที่มีความเชื่อมโยงทางการเมืองกับพรรค พปช.
ทั้งนี้ คนในวงการสื่อสารมวลชน เคยตั้งข้อสังเกตุว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา อสมท ถูกเรียกขานว่าเป็นแดนสนธยา เพราะฝ่ายการเมืองในทุกรัฐบาล เมื่อเข้ามามีอำนาจแล้ว ก็พยายามจ้องเข้ามาฮุบองค์กรแห่งนี้ เพราะนอกจากจะเป็นแหล่งขุมทรัพย์ขนาดใหญ่แล้ว ยังเป็นกระบอกเสียงอันทรงอิทธิพล เพราะนอกจากจะดูแลช่อง 9 โมเดิร์นไนน์ทีวีแล้ว ยังรวมถึงสถานีวิทยุที่เป็นเครือข่ายในสังกัดอีกจำนวนมาก
นอกจากนี้ ยังมีการตั้งข้อสังเกตอีกว่า บอร์ด อสมท ชุดนี้ แต่งตั้งในยุคที่นายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำคนสำคัญของพรรคพลังประชาชน (พปช.) และผู้อยู่เบื้องหลังกลุ่มประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ (นปก.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง ช่วงที่ดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีอำนาจหน้าที่กำกับดูแลสื่อของรัฐทั้งหมด ทั้งสถานีโทรทัศน์ช่อง 11กรมประชาสัมพันธ์ (NBT)และช่อง 9 อสมท
โดยช่วงที่เข้ามารับตำแหน่งในรัฐบาลชุดก่อน นายจักรภพ ก็ได้รับการสนับสนุนจาก นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี และได้ประกาศนโยบายที่จะรื้อสื่อของรัฐทั้งหมด เพื่อใช้เป็นกระบอกเสียงของฝ่ายรัฐบาล ซึ่งนายจักรภพ ได้สั่งรื้อทีมงานและผังรายการของช่อง 11 ทั้งหมด แล้วแปลงสภาพเป็นช่อง NBT จนกลายเป็นสื่อกระบอกเสียงโฆษณาชวนเชื่อของรัฐบาลตัวแทนของระบอบทักษิณแบบเต็มตัว
กรณีล่าสุด ในการเข้ามาแทรกแซงช่อง 9 อสมท ของระบอบทักษิณ คนในวงการสื่อสารมวลชน ยังได้ประเมินกันว่า นายจักรภพ มีเป้าหมายเข้าไปล้างบางให้สิ้นซาก เพื่อผลักดันคนของรัฐบาลสมชาย เข้าไปยึดกุมองค์กรแบบเบ็ดเสร็จ โดยเริ่มจากบอร์ด อสมท จากนั้นวางแผนที่จะเปลี่ยนตัวกรรมการผู้อำนวยการ ซึ่งรัฐบาลตัวแทนในระบอบทักษิณ มีความพยายามมาตลอดที่จะปลด นายวสันต์ แต่ยังไม่ทันดำเนินการสำเร็จ นายจักรภพ ต้องลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ไปเสียก่อน ในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
สำหรับรายชื่อบอร์ดบริษัท อสมท ชุดปัจจุบัน พบว่ามีรายชื่อ นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีตปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นประธาน และกรรมการประกอบด้วย นายธงทอง , นายนที เปรมรัศมี , นายดนุชา ยินดีพิธ , นายนฤนารถ , พระปัญญา , นายประสาน หวังรัตนปรานี , นายวิทยาธร ท่อแก้ว , นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ , นายอนุสรณ์ ธรรมใจ , นายพงษ์ชัย อมตานนท์ และนายปราโมทย์ โชคศิริกุลชัย
ขณะที่ นักวิเคราะห์การเมือง เชื่อว่า รัฐบาลตัวแทนระบอบทักษิณ มีความพยายามที่จะปลดนายวสันต์ มาโดยตลอด แต่เพิ่งจะสานต่อภารกิจของนายจักรภพได้สำเร็จ ด้วยฝีมือของบอร์ด อสมท ชุดนี้ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า นายจารุวงศ์ เรืองสุวรรณ อดีตเลขานุการของนายจักรภพ เมื่อครั้งเป็น รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ มีความเกี่ยวโยงเป็นบุตรชายของนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ ประธานบอร์ด อสมท ชุดปัจจุบัน
ดังนี้ การบีบนายวสันต์ ออกจากตำแหน่ง ผอ.อสมท. จึงถูกมองว่าเป็นหนึ่งในแผนการยึดสื่อของนายจักรภพ ที่กำลังได้รับการสานต่อ และผลักดันภารกิจรุกคืบมาจนใกล้สำเร็จ ทั้งช่อง 11 NBT และช่อง 9 อสมท เพื่อใช้เป็นกระบอกเสียงของรัฐบาลตัวแทนระบอบทักษิณ เพื่อเดินแผนให้นายใหญ่ชักธงรบเต็มรูปแบบ ตามที่ประกาศไว้