รบ.สหรัฐฯ เผยตัวเลข GDP ไตรมาส 3 หดตัว 0.3% รุนแรงสุดในรอบ 7 ปี ผู้บริโภคลดการใช้จ่าย-เอกชนลดการลงทุน ฉุดราคาน้ำมันร่วง 1.54 ดอลลาร์/บาเรล และทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับขึ้นไม่แรง
วันนี้ (31 ต.ค.) กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ รายงานว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 หดตัวลง 0.3% ซึ่งเป็นการติดลบรุนแรงที่สุดในรอบ 7 ปี เนื่องจากผู้บริโภคลดการใช้จ่ายและภาคธุรกิจลดการลงทุน ซึ่งเป็นหลักฐานชิ้นใหม่ที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจเข้าสู่ระยะถดถอยแล้ว
กระทรวงพาณิชย์ระบุว่า ในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 2 ใน 3 ของกิจกรรมเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐ ร่วงลง 3.1% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2 ของปีพ.ศ.2523 และนับเป็นครั้งแรกที่ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคปรับตัวลดลง โดยส่วนใหญ่ผู้บริโภคลดการซื้อสินค้าจำพวกรถยนต์ เฟอร์นิเจอร์ อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน และเสื้อผ้า
นอกจากนี้ ภาคธุรกิจลดการใช้จ่ายจำพวกอุปกรณ์เครื่องใช้และซอฟท์แวร์ลงประมาณ 5.5% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกนับตั้งแต่ช่วงไตรมาสแรกของปี พ.ศ.2545 ขณะที่ตัวเลขการใช้จ่ายด้านที่อยู่อาศัยร่วงลง 19.1%
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า จีดีพีไตรมาส 3 ของสหรัฐที่หดตัวลงอย่างรุนแรง เป็นปัจจัยสำคัญที่ฉุดราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์ก (NYMEX) เมื่อคืนนี้ ปิดร่วงลง 1.54 ดอลลาร์/บาเรล หรือคิดเป็น -2.28% ปิดที่ระดับ 65.96 ดอลลาร์/บาร์เรล และยังสกัดกั้นแรงบวกในตลาดหุ้นนิวยอร์ก เมื่อคืนนี้ด้วย