เวบกระปุกดอทคอม เตรียมแต่งตัวเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น mai ภายในปี 2553 เผยทุนจดทะเบียน 48 ล้านบาท เล็งแตกพาร์ 0.25-0.50 บาท ก่อนเพิ่มทุนเป็น 100 ล้านบาท พร้อมคาดการณ์รายได้ปีนี้ 60 ล้านบาท โดยมีเม็ดเงินจากการขายโฆษณาเป็นหลัก ผู้บริหารฯ แย้มแผนดึงผู้ประกอบการเวบไซต์เข้าเทคโอเวอร์ เพื่อขยายขนาดโตแบบก้าวกระโดดภายใน 1-2 เดือนนี้
วันนี้ (15 ต.ค.) นายปรเมศวร์ มินศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บัณฑิตเซ็นเตอร์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ดูแลและจัดทำเวบไซต์กระปุกดอมคอม (www.kapook.com) กล่าวว่า บริษัทมีแผนจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เพื่อนำเงินที่ได้มาขยายธุรกิจเพิ่มขึ้น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมการและปรับโครงสร้างภายในองค์กรต่างๆ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของการเข้าจดทะเบียน
บริษัทยังเป็นผู้ดำเนินธุรกิจให้ความปรึกษา ออกแบบพัฒนา และดูแลเว็บไซต์แบบครบจร รวมทั้งเป็นสื่อกลางให้บริการและประชาสัมพันธ์ข้อมูลอิเล็คทรอนิกส์ในลักษณะของการจัดการข้อมูลข่าวสาร และสาระบันเทิงต่างๆ เผยแพร่ผ่านสื่อมัลติมีเดีย เช่น อินเตอร์เน็ต และโทรศัพท์มือถือ
ปัจจุบัน บริษัทบัณฑิตเซ็นเตอร์ มีทุนจดทะเบียน 48 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้ 10 บาทต่อหุ้น โดยจะมีการแตกพาร์เหลือ 0.25-0.50 บาท ก่อนที่จะยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเพิ่มสภาพคล่องของหุ้น ซึ่งการแตกพาร์จะทำให้ทุนจดทะเบียนเพิ่มขึ้นเป็น 100-110 ล้านบาท
นายปรเมศวร์ กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจราจากับผู้ประกอบการเวบไซต์ ในการเข้าไปเทคโอเวอร์หรือทยอยเข้าไปร่วมทุน เพื่อให้บริษัทมีอัตราเติบโตแบบก้าวกระโดด เพื่อรองรับกับการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในเอ็มเอไอในช่วงไตรมาส 3 ในปี 2553 ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุป และเห็นการเทคโอเวอร์ภายในปีนี้
อีกทั้งยังสอดคล้องกับเป้าหมายการเติบโตของบริษัทในปี 2552-2553 ที่จะเติบโตเฉลี่ยปีละ 50% จากปี 2551 คาดว่าจะมีรายได้ที่ 60 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตจากการลงโฆษณาผ่านเวบไซต์ที่มีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง รวมทั้งพฤติกรรมของผู้บริโภคปรับมาให้ความสนใจในการใช้เวบไซต์มากขึ้น
"คาดว่าจะยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต.ในการเข้าตลาดเอ็มเอไอ ในปีหน้า โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้บริษัทจะนำไปใช้ในการเพิ่มบริการที่มากขึ้น ขณะที่เม็ดเงินที่ได้จากร่วมลงทุนของ บลท.ข้าวกล้า จำกัดจำนวน 20 ล้านบาทนั้น เพื่อใช้ในการพัฒนาและเพิ่มช่องทางรายได้ เพื่อปรับพื้นฐานโครงสร้างธุรกิจสำหรับการพัฒนาช่องทางการสร้างรายได้แบบยั่งยืนในอนาคต และการเป็นผู้นำด้านสื่ออินเตอร์เน็ตของประเทศไทยนับแต่ปี 2551 เป็นต้นไป" นายปรเมศวร์ กล่าว
โดยในปี 2550 บริษัทมีรายได้ประมาณ 34 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจ Advertising and Innovative Marketing Solution Division, Enterprise Internet Solution Division และ Valuated Service โดยในปี 2551 บริษัทคาดว่าจะมียอดรายได้เพิ่มขึ้นจากปี 2550 มากกว่าเท่าตัว
ล่าสุด บริษัทร่วมทุน เค-เอสเอ็มอี จำกัด ซึ่งบริหารงานโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการเงินร่วมลงทุน (บลท.) ข้าวกล้า จำกัด ได้เข้ามาร่วมลงทุนในครั้งนี้ โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการร่วมลงทุนครั้งนี้ 20 ล้านบาทเพื่อใช้ในการพัฒนาบริการและเพิ่มเติมช่องทางรายได้ รวมทั้งลงทุนเพื่อปรับพื้นฐานโครงสร้างธุรกิจสำหรับการพัฒนาช่องทางการสร้างรายได้แบบยั้งยืนในอนาคต โดยผู้บริหารบริษัทฯ มีวิสัยทัศน์ที่จะสร้างคุณค่า และรูปแบบธุรกิจใหม่ ให้กับลูกค้าด้วยสื่ออินเตอร์เน็ต และมีเป้าหมายในการนำบริษัทก้าวขึ้นไปเป็นผู้นำด้านสื่ออินเตอร์เน็ตของประเทศไทย นับแต่ปี 2551 เป็นต้นไป
นางสาวปฐมาพร ไชยกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการเงินร่วมลงทุน ข้าวกล้า จำกัด ในฐานะผู้บริหารจัดการเงินร่วมลงทุนบริษัทร่วมทุน เค-เอสเอ็มอี จำกัด (K-SME Venture Capital) กล่าวว่า บริษัทได้ให้ความสำคัญกับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่มีศักยภาพ สามารถแข่งขันในธุรกิจได้ และมีความต้องการเงินทุนเพื่อขยายกิจการ
K-SME Venture Capital มีนโยบายเข้าร่วมลงทุนประมาณ 10-50% ของทุนจดทะเบียนภายหลังการร่วมลงทุน ซึ่งบริษัทที่ได้เข้าไปร่วมทุนนั้น ถือว่าเป็นบริษัทที่มีศักยภาพในการเติบโตที่สูง และเป็นธุรกิจที่น่าสนใจ เช่นเดียวกันกับบริษัทบัณฑิต เซ็นเตอร์ จำกัด
ด้านนายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทโปร แมเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า ขณะนี้บริษัท บัณฑิต เซ็นเตอร์ อยู่ระหว่างการเตรียมการและปรับโครงสร้างภายในองค์กรต่างๆ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของการเข้าจดทะเบียน