ปตท.ดิ้นออกหุ้นกู้ 3 หมื่นล. รีไฟแนนซ์หนี้เก่า-เสริมสภาพคล่อง ลั่นเดินหน้าแผนการลงทุนในประเทศ ส่วนการลงทุนในต่างประเทศ ยังต้องประเมินอีกครั้ง คาดเศรษฐกิจสหรัฐฯ และยุโรป ชะลอตัวอย่างชัดเจน ล่าสุดกำลังศึกษาในการซื้อหุ้นคืนช่วงภาวะตลาดหุ้นซบ ส่วนราคาน้ำมันภายในประเทศมองปลายสัปดาห์ มีโอกาสลดลงได้อีก
วันนี้ ( 2 ต.ค.) นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยว่า ภายในปีนี้กลุ่มบริษัท ปตท.มีแผนออกหุ้นกู้ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท เพื่อรีไฟแนนซ์และเป็นการเสริมสภาพคล่องให้กับบริษัทฯ โดยในส่วนของเฉพาะ ปตท.เอง มีแผนออกหุ้นกู้ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท
อย่างไรก็ตาม การออกหุ้นกู้ดังกล่าวก็ต้องจับตาดูปัจจัยต่างๆ ประกอบด้วย โดยเฉพาะผลการลงมติของรัฐสภาสหรัฐฯ เกี่ยวกับแผนการฟื้นฟูสถาบันการเงินสหรัฐฯ 7 แสนล้านเหรียญ แต่ในเบื้องต้นมองว่าแผนดังกล่าวน่าจะมีแนวโน้มในทางที่ดี หลังจากที่วุฒิสภาสหรัฐฯ ได้ผ่านแผนดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
"หากแผนดังกล่าวผ่านก็จะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจโลก แต่ถ้าไม่ผ่านก็จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก รวมถึงราคาน้ำมันก็จะต่ำลง เพราะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวชัดเจนจะทำให้การใช้น้ำมันไม่เพิ่มมากขึ้น"
โดยปัจจุบัน ปตท.กำลังอยู่ระหว่างการศึกษาในการซื้อหุ้นคืนในช่วงที่ภาวะตลาดหุ้นซบเซา แต่ก็ยังไม่ได้มีการดำเนินการแต่อย่างใด ทั้งนี้หากปตท.จะดำเนินการดังกล่าวก็สามารถทำได้ เนื่องจากมีสภาพคล่องเพียงพอ อีกทั้งปัจจุบันราคาตามมูลค่าทางบัญชีของบริษัทบางบริษัทในเครือปตท.ก็ปรับลดลงไปต่ำกว่า 1 บาท รวมถึงอัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E) ของบริษัทในกลุ่มก็ปรับลดลงมาเหลือ 3-4 เท่า และในตัวปตท.เอง P/E ประมาณ 6 เท่า ถือว่าอยู่ในระดับต่ำ ถ้าเป็นช่วงที่ภาวะปกติจะเป็นจุดที่น่าลงทุน ซึ่งหากจะมีการดำเนินการซื้อคืนจริงก็จะเริ่มจากปตท.ก่อน
"นักลงทุนต่างประเทศยังคงขายหุ้น แต่วันนี้พอร์ตนักลงทุนต่างประเทศยังเป็น net buy แสนกว่าล้าน ก็น่าจะยังอยู่เพราะเป็นนักลงทุนระยะยาว"
สำหรับการลงทุนของ ปตท.ในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจโลกผันผวนนี้ในส่วนของการลงทุนในประเทศก็ยังคงเดินหน้าต่อไป ทั้งในส่วนของโรงแยกก๊าซโรงที่ 6 รวมถึงการซ่อมแซมโรงแยกก๊าซโรงที่ 2 โรงที่ 3 รวมถึงโครงการของปตท.เคมีคอล ที่มีการลงทุนเอทธิลีนก็ยังคงเป็นไปตามกำหนดการเดิมที่จะแล้วเสร็จในปลายปี 2552 ถึงต้นปี 2553 ด้านการลงทุนต่างประเทศในการขยายงานก็จะต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบมีการติดตามภาวะเศรษฐกิจโลกก่อน ซึ่งทางบริษัทฯ มีการประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง
"'ตอนนี้มีความชัดเจนว่าเกิดวิกฤตในสหรัฐฯ และยุโรป แต่ก็ยังไม่ลุกลามมาถึงเอเชีย ซึ่งถ้าหากมีการลงทุนในต่างประเทศก็ต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบ แต่ฐานะทางการเงินของบริษัทฯ ก็ยังมีความเข้มแข็งหนี้สินต่อทุนต่ำ มีเงินสดเหลืออยู่ การกู้เงินก็เป็นการกู้ระยะยาวจึงไม่มีปัญหา"
นายประเสริฐ กล่าวเพิ่มเติมว่า ภายในปลายสัปดาห์นี้ราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศมีโอกาสปรับลดลงได้อีก หลังจากที่เมื่อคืนที่ผ่านมาราคาน้ำมันดิบในตลาดสหรัฐฯ และยุโรปลดลง 2 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งจะทำให้ราคาน้ำมันในภูมิภาคปรับลดลงเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ยังต้องดูว่าราคาน้ำมันจะมีการผันผวนอีกหรือไม่ ซึ่งหากมีการพิจารณาปรับลดจะมีการปรับลดทั้งเบนซินและดีเซลต้องดูประกอบกันไป แต่ในส่วนของดีเซลนั้นราคาน้ำมันได้ปรับลดลงมาค่อนข้างมากเหลือระดับต่ำกว่า 30 บาท/ลิตร อยากให้ผู้บริโภคช่วยกันประหยัด