ครึ่งปีหลัง ‘คอนวูด’ ปรับแผนรับมือตลาดอสังหาฯตามทิศทางทางการเมือง หาช่องทางขาย - สร้างความหลากหลายผลิตภัณฑ์ทดแทนไม้ผ่านกลุ่มสินค้าตกแต่งภายใน มั่นใจสิ้นปีรายได้เข้าเป้า 800 ล้านบาท
นายสุทธิพันธ์ วัชโรภาส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอนวูด จำกัด ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์วัสดุทดแทนไม้ชั้นนำของประเทศไทย ในเครือบริษัทปูนซิเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งปีหลัง จะชะลอตัวลงอีก จากปัจจัยลบภาวะเงินเฟ้อปรับขึ้นเฉลี่ย 6.5% ทำให้ปัจจุบันอัตราเงินเฟ้อขยับขึ้นไปอยู่ที่ 9.2% ในเดือนก.ค.เนื่องจากราคาน้ำมันและราคาสินค้าบริโภคที่มีราคาสูงขึ้น ส่งผลให้แนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยปรับเพิ่มขึ้น และกระทบต่อการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคชะลอตัวลง
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้มีนโยบาย “7ยุทธศาสตร์7ภารกิจเร่งด่วน” บริษัทฯ จึงปรับแผนการตลาดให้เข้ากับนโยบายรัฐบาล เพื่อรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดสินค้าทดแทนไม้ รักษาส่วนแบ่งตลาด และเป้ายอดขายรวมไว้ โดย5 กลยุทธ์ทางการตลาดของบริษัท คือ 1.สร้างความแข็งแกร่งในกลุ่มลูกค้าเดิม 2.การขยายตลาดผ่านช่องทางขายใหม่ผ่านโมเดิร์นเทรด 3.การขยายฐานลูกค้าโดยจับกลุ่มลูกค้าใหม่บ้านใหม่ 4.การพัฒนาผลิตภัณฑ์วัสดุทดแทนไม้โดยนวัตกรรมใหม่ เพื่อสร้างศักยภาพในการเติบโตเพิ่ม 1%-3% ทั้งในส่วนของการออกแบบมาสินค้าตกแต่งภายในและภายนอกบ้านและอาคาร เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภค และเพิ่มสินค้าในกลุ่มเฉพาะที่ 5.การพัฒนาบุคลากรทีมขายและทีมการตลาดเพื่อรองรับการการแข่งขัน
นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการขยายตลาดส่งออก ซึ่งครึ่งปีแรกมียอดของการส่งออก 64% และจะรุกตลาดต่างประเทศอย่างจริงจังในไตรมาสสุดท้ายปี51 โดยมีแผนตั้งสำนักงานขายในประเทศเวียดนาม นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะขยายตลาดส่งออกประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งจะช่วยให้คอนวูดสามารถรักษาสัดส่วนยอดส่งออก 5% ไว้
ส่วนเป้ายอดขายในปีนี้ ยังมั่นใจว่า จะทำยอดขายได้ 800 ล้านบาทได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ (ครึ่งปีแรกทำยอดขายได้ 400 ล้านบาท หรือเติบโต 5% )โดยมีสัดส่วนยอดขายจากกลุ่มสินค้าที่เป็นไม้ใช้เฉพาะที่ ประมาณ 70% กลุ่มสินค้าที่ใช้ในการตกแต่ง 25% และอีก 5% เป็นกลุ่มสินค้าใหม่ที่ออกแบบมาสำหรับการตกแต่งภายในและภายนอกอาคาร
นายสุทธิพันธ์ วัชโรภาส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอนวูด จำกัด ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์วัสดุทดแทนไม้ชั้นนำของประเทศไทย ในเครือบริษัทปูนซิเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งปีหลัง จะชะลอตัวลงอีก จากปัจจัยลบภาวะเงินเฟ้อปรับขึ้นเฉลี่ย 6.5% ทำให้ปัจจุบันอัตราเงินเฟ้อขยับขึ้นไปอยู่ที่ 9.2% ในเดือนก.ค.เนื่องจากราคาน้ำมันและราคาสินค้าบริโภคที่มีราคาสูงขึ้น ส่งผลให้แนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยปรับเพิ่มขึ้น และกระทบต่อการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคชะลอตัวลง
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้มีนโยบาย “7ยุทธศาสตร์7ภารกิจเร่งด่วน” บริษัทฯ จึงปรับแผนการตลาดให้เข้ากับนโยบายรัฐบาล เพื่อรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดสินค้าทดแทนไม้ รักษาส่วนแบ่งตลาด และเป้ายอดขายรวมไว้ โดย5 กลยุทธ์ทางการตลาดของบริษัท คือ 1.สร้างความแข็งแกร่งในกลุ่มลูกค้าเดิม 2.การขยายตลาดผ่านช่องทางขายใหม่ผ่านโมเดิร์นเทรด 3.การขยายฐานลูกค้าโดยจับกลุ่มลูกค้าใหม่บ้านใหม่ 4.การพัฒนาผลิตภัณฑ์วัสดุทดแทนไม้โดยนวัตกรรมใหม่ เพื่อสร้างศักยภาพในการเติบโตเพิ่ม 1%-3% ทั้งในส่วนของการออกแบบมาสินค้าตกแต่งภายในและภายนอกบ้านและอาคาร เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภค และเพิ่มสินค้าในกลุ่มเฉพาะที่ 5.การพัฒนาบุคลากรทีมขายและทีมการตลาดเพื่อรองรับการการแข่งขัน
นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการขยายตลาดส่งออก ซึ่งครึ่งปีแรกมียอดของการส่งออก 64% และจะรุกตลาดต่างประเทศอย่างจริงจังในไตรมาสสุดท้ายปี51 โดยมีแผนตั้งสำนักงานขายในประเทศเวียดนาม นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะขยายตลาดส่งออกประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งจะช่วยให้คอนวูดสามารถรักษาสัดส่วนยอดส่งออก 5% ไว้
ส่วนเป้ายอดขายในปีนี้ ยังมั่นใจว่า จะทำยอดขายได้ 800 ล้านบาทได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ (ครึ่งปีแรกทำยอดขายได้ 400 ล้านบาท หรือเติบโต 5% )โดยมีสัดส่วนยอดขายจากกลุ่มสินค้าที่เป็นไม้ใช้เฉพาะที่ ประมาณ 70% กลุ่มสินค้าที่ใช้ในการตกแต่ง 25% และอีก 5% เป็นกลุ่มสินค้าใหม่ที่ออกแบบมาสำหรับการตกแต่งภายในและภายนอกอาคาร