สรส.เผยปฏิบัติการตัดน้ำ-ตัดไฟหลายจุด เตือน ปชช.อย่าขึ้นเครื่องเดียวกับนายกฯ

แกนนำ สรส.ยอมรับสหภาพฯ ได้ตัดน้ำ-ตัดไฟ ไปบ้างแล้ว โดยไม่ยอมเปิดเผยจุดที่ปฏิบัติการ หวั่นโดนรัฐบาลชั่วส่งคนสกัด “ศิริชัย” ลั่นใช้มาตรการเข้มข้นขึ้น แนะประชาชนอย่าขึ้นเที่ยวบินเดียวกับ รมต.-นายกฯ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง

วันนี้ (5 ส.ค.) นายสาวิทย์ แก้วหวาน เลขาธิการสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) เปิดเผยสรุปผลปฏิบัติการกดดันรัฐบาล ว่า สรส.พร้อมปฏิบัติงานในการตัดน้ำตัดไฟ ระบบการขนส่ง และโทรคมนาคม ตามที่ประกาศเอาไว้ แต่ในบางเรื่องบางราว คงไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะเกรงว่ารัฐบาลจะเข้ามาสกัดแผน

โดยในส่วนของสหภาพการบินไทยนั้น นายสาวิทย์ กล่าวว่า เครื่องบินในประเทศยังดีเลย์อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการซ่อมบำรุงล่าช้า รวมทั้งการลำเลียงสินค้าก็ล่าช้า ส่วนของ กฟน. ดำเนินการตัดไฟแล้ว 2 จุด จุดละ 2-3 ชั่วโมง ส่วนตัดไฟที่ไหน ไม่ขอเปิดเผย ขณะการท่าเรือ หยุดงาน 100% สำหรับ กปน.จะปฏิบัติการตอบโต้ต่อไป ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น

“ผมยืนยันว่า การปฏิบัติการตอบโต้รัฐบาล ยังไม่ยุติ หลายหน่วยงานได้รับการติดต่อจากกองทัพ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการกองทัพบก (ผบ.ทบ.) ให้เข้าพบ แต่พวกเราขอปฏิเสธการเจรจา โดยจะยืนยันมาตรการกดดันจนกว่านายกรัฐมนตรีจะลาออก”

ด้าน นายศิริชัย ไม้งาม ประธานสหภาพแรงงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวยอมรับว่า ส่วนหนึ่งของปฏิบัตติการของ สรส.เพื่อกดดันให้รัฐบาลลาออก ส่วนหนึ่งที่ยังไม่บรรลุเป้าหมาย เพราะเมื่อมีการประกาศมาตรการอะไรไปมาก ทำให้หลายหน่วยงานระวังมากขึ้น แต่ทั้งนี้ พวกเราทุกสหภาพฯ ยืนยันว่า พวกเราเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้

นายศิริชัย กล่าวถึงกรณีที่เกิดไฟดับที่กรมประชาสัมพันธ์ หลังข้าราชการทำเนียบรัฐบาล ย้ายไปทำงานที่นั่น โดยมีไฟฟ้าดับนานถึง 3 ชั่วโมง แต่ตนไม่รู้ดับอย่างไร แต่บอกว่าไม่ต้องไปหาสาเหตุ และนอกจากนี้ยั งมีอีกหลายหน่วยงาน และเมื่อเช้าก็มีหลายจุดที่น้ำไม่ไหล

นอกจากนี้ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ตัดไฟหน่วยงานราชการทางภาคอีสานและเหนือดับกว่า 30 จุด ส่วนรถไฟมีบริการเฉพาะรอบกรุงเทพฯ 20% แต่ 80% ไม่มีวิ่งแล้ว และเครื่องบินยังดีเลย์เพราะช่างตรวจ และกัปตันไม่ค่อยสบาย อย่างไรก็ตาม นายศิริชัย ได้กล่าวว่าต่อไปนี้เที่ยวบินไหนที่มีรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีขึ้นไป ขอประชาชนอย่าขึ้นไป

นายสมชาย ศรีนิเวศน์ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการประปานครหลวง กล่าวว่า จากการตรวจสอบในเชิงลึก พบว่า มีหน่วยงานราชการติดหนี้ค่าน้ำ เป็นเงินถึงพันล้าน เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นับตั้งแต่ปี 2548 ไม่เคยจ่ายค่าน้ำเลย เป็นจำนวนเงินกว่า 100 ล้านบาท เนื่องจากในแฟลตตำรวจนั้น จะมีการติดตั้งซับมิเตอร์ในแต่ละยูนิต และมีคนควบคุมดูแลไปเก็บเงินในแต่ละยูนิตแล้ว แต่ไม่ยอมนำมาจ่ายเงินค่าน้ำ ตรงนี้ถือเป็นการทุจริตคอร์รัปชันอย่างหนึ่ง ซึ่งเราจะค้นหาข้อมูลในเชิงลึกเหล่านี้ต่อไปอีก