xs
xsm
sm
md
lg

เดวาฯเร่งสานต่อบ้านเอื้อฯเล็งส่งมอบปี52 เบรกอสังหาฯรอดูภาวะตลาดก่อนผุดโครงการใหม่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เดวาฯ ย้ำแผนธุรกิจยังเน้นสานต่องานก่อสร้างบ้านเอื้อฯ ส่วนแผนพัฒนาโครงการใหม่ยังชะลอดูภาวะ-ปัจจัยลบ การเมือง วัสดุก่อสร้าง แจงโครงการระหว่างพัฒนาในมือ 5 แห่ง คอนโดฯ2 บ้านเดี่ยว3 โครงการ ด้าน บีน่า พูรี่ฯทุนอสังหามาเลเซีย เผยเตรียมรุกตลาดอสังหาฯ จับโครงการเมกะโปรเจกต์ พร้อมมองหาพันธมิตรร่วมลงทุนโครงการใหม่ คาดสถานการณ์อสังหาฯไทย 10-15 ปีแนวโน้มขยายตัวสูงตามจำนวนประชากร

นายจิรวัฒน์ ศิริวรรณ กรรมการผู้อำนวยการฝ่ายบริหารและการจัดการ บริษัท เดวา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงแนวทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯในปีนี้ว่า ยังเน้นการพัฒนาโครงการเดิมที่มีอยู่ในมือ โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างบ้านเอื้ออาทรซึ่งปัจจุบันมีอยู่จำนวน 11 โครงการ ก่อสร้างและส่งมอบไปแล้ว 2 โครงการ คือโครงการบ้านเอื้ออาทรนาดี จ.สมุทรสาคร และบ้านเอื้ออาทรบางพลีะ ส่วนอีก 9โครงการอยู่ระหว่างการก่อสร้างซึ่งขณะนี้การก่อสร้างคืบหน้าไปแล้วประมาณ 80% คาดว่าจะสามารถส่งมอบได้ภายในปี 52

อย่างไรก็ตาม โครงการบ้านเอื้อฯที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างดังกล่าว มีประมาณ 2-3 โครงการที่อยู่ระหว่างการเจรจากับการเคหะแห่ชาติ (กคช.) ว่า จะลดจำนวนการก่อสร้างบ้านในแต่ละโครงการลงเท่าใด ทำให้ในปัจจุบันยังไม่สามารถประมาณการได้ว่าผลกำไรจากการดำเนินการต่อโครงการจะอยู่ที่ระดับใด โดยในเบื้องต้นประมาณการณ์ว่าจะมีผลกำไรอยู่ที่ 10-15% ขณะที่ผลจากการดำเนินงานโครงการที่พัฒนาเองจะอยู่ที่ 15-20% ต่อโครงการ ทั้งนี้สาเหตุที่ผลตอบแทนในโครงการบ้านเอื้อฯค่อนข้างต่ำ เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาต้นทุนวัสดุก่อสร้างและการหาเงินที่ปรับตัวสูงขึ้นส่งผลให้กำไรลดลง

สำหรับการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ของเดวาฯนั้น ปัจจุบันมีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนารวม 5โครงการประกอบด้วย โครงกาคอนโดมิเนียมสตาร์เวย์ ลาดพร้าว, โครงการคอนโดมิเนียมสตาร์เวย์ แจ้งวัฒนะ โครงการบ้านเดี่ยวขวัญเวียง จ.เชียงใหม่ ซึ่งมีพื้นที่พัฒนาโครงการ 100 ไร่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนาเฟสแรกจำนวน 400 ยูนิต โครงการ Monastery Hill พัทยา โครงการบ้านเดี่ยวบนพื้นที่ 100ไร่ อยู่ระหว่างการพัฒนาเฟสแรก เน้นจับกลุ่มลูกค้าเกษียณอายุต่างชาติ และโครงการ้านเดี่ยวในย่านพระราม 2 ซึ่งมีพื้นที่การพัฒนาโครงการ100ไร่ แบ่งการพัฒนาออกเป็น 2 เฟส เฟสแรกพัฒนาไปแล้ว 50 ไร่ จำนวน 55 ยูนิตราคาเริ่มต้น 7 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 20 ยูนิต

“แผนการพัฒนาโครงการในอนาคตนั้นต้องรอดูภาวะตลาด ต้นทุนการก่อสร้าง วัสดุก่อสร้าง ภาวะการเมือง และเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งขณะนี้ปัจจัยโดยรวมยังไม่เอื้อต่อการลงทุน ทำให้บริษัทต้องรอดูภาวะดังกล่าว รวมถึงภาวะตลาดอสังหาฯ ก่อนพัฒนาโครงการใหม่”

ด้าน Dato’ Mohamed Feisal Bin Ibrahim ผู้ช่วยประธานบริหาร บริษัท บิน่า พูรี่ (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า บริษัทรับงานก่อสร้างในประไทยมากว่า 5 ปีแล้วโดยรับงานทั้งด้านงานก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคโครงสร้างพื้นฐาน และโครงการด้านอสังหาฯ โดยบริษัทมองแนวโน้มตลาดอสังหาฯในไทย จะมีอัตราการขยายตัวที่ดีในช่วง 10-15 ปีจากนี้ เนื่องจากจำนวนประชากรในประเทศไทยมีกว่า 60 ล้านคน ทำให้ในอนาคตความต้องการที่อยู่อาศัยจะขยายตัวมากว่าปัจจุบัน

ดังนั้นในอนาคตบริษัทจึงสนใจที่ขยายการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์แต่การเข้าไปพัฒนาโครงการอสังหาฯนั้นจะต้องมีพันธมิตรเข้ามาร่วมมือด้วย ซึ่งในขณะนี้บริษัทได้มีการเจรจากับพันธมิตรหลายๆ บริษัทที่จะร่วมพัฒนาโครงการ ขณะเดียวกันบริษัทก็มีความสนใจที่จะเข้าไปรับงานโครงการเมกะโปรเจกต์ของภาครัฐฯด้วย แต่ต้องรอดูภาวะและพันธมิตรที่จะเข้ามาร่วมงาน รวมถึงต้องติดตามสถานการณ์ด้านการเมือง และการขอสินเชื่อในการก่อสร้างโครงการเมกะโปรจกต์ของภาครัฐด้วย ว่าจะได้รับการสนับสนุนจากธนาคารความร่วมมือแห่งประเทศญี่ปุ่น(เจบิค) ด้วย ทั้งนี้ในส่วนของการพัฒนาโครงการอสังหาฯในอนาคตนั้นบริษัทจะยังใช้ชื่อบริษัท บิน่า ฯ ต่อไปแต่ในส่วนของพันธมิตรที่จะเข้ามาร่วมพัฒนาโครงการนั้นจะต้องพิจารณาเป็นรายๆ ไป

“เราจะลงทุนในด้านการเงินทุน ระบบการก่อสร้าง และรับผิดชอบด้านการก่อสร้างและหาพันธมิตรที่มีที่ดินเข้ามาร่วมมือกันพัฒนาโครงการ แต่จะไม่ลงทุนพัฒนาโครงการทั้งหมดเองเพียงผู้เดียว ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการยื่นประมูลงานบริษัทเอกชนในไทย5 โครงการมูลค่ารวม 2,000 ล้านบาท คาดว่าจะได้ข้อสรุปทั้งหมดภายใน2 เดือนข้างหน้า”
กำลังโหลดความคิดเห็น