ปตท.ติดปลักกลไกราคาก๊าซ ผู้บริหารฯ ย้ำไทยยังต้องนำเข้า LPG อีกหลายปี หากไม่รื้อโครงสร้างราคาให้สอดคล้องกับตลาดโลก เผยปีนี้ ยอดนำเข้า 4 แสนตัน แนวโน้มปีหน้าอาจถึง 1 ล้านตัน โวยต้องแบกรับภาระส่วนต่างราคาปีละ 4-5 หมื่นล้าน เชื่ออีก 5 ปี ปตท.อาจขาดทุนหนักถึง 1 แสนล้าน
วันนี้ (30 ก.ค.) นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT กล่าวคาดการณ์ว่า ประเทศไทยมีแนวโน้มที่จะต้องนำเข้าก๊าซหุงต้ม (LPG) ต่อเนื่องไปอีกหลายปี หากไม่มีการปรับโครงสร้างราคา LPG ให้สอดคล้องกับราคาที่แท้จริงในตลาดโลก โดยปีนี้คาดว่าจะนำเข้า LPG ประมาณ 4 แสนตัน ขณะที่ปี 52 คาดว่าต้องนำเข้ามากถึง 1 ล้านตัน
ทั้งนี้ การไม่ปรับโครงสร้างราคา LPG ให้สอดคล้องกับราคาที่แท้จริงในตลาดโลก จะยิ่งเป็นการเพิ่มปริมาณความต้องการใช้ให้มากขึ้นทั้งภาคครัวเรือนและภาคขนส่ง ขณะที่ผู้ประกอบการโรงกลั่นไม่กล้าเข้ามาลงทุนในตลาด เพราะเกรงว่ายิ่งผลิตมากก็จะต้องรับภาระส่วนต่างด้านราคามากขึ้น
"เราคงต้องนำเข้า LPG ต่อเนื่องไปอีกหลายปี จนกว่าจะมีโรงผลิตใหม่ๆ ขึ้นมา แต่คิดว่าโรงผลิตใหม่คงจะไม่เกิด หากราคาเป็นแบบนี้ ไม่มีโรงกลั่นไหนอยากจะลงทุนเพื่อผลิต LPG ให้ได้มากๆ เพราะยิ่งผลิตมาก ภาระก็จะยิ่งเยอะ ต้องแก้ที่โครงสร้างราคาให้สะท้อนสิ่งที่ควรจะเป็น"
นายประเสริฐ กล่าวว่า ปัจจุบัน ปตท.ต้องแบกรับภาระจากราคาส่วนต่างของราคา LPG ที่ไม่สอดคล้องกับราคาตลาดโลกประมาณปีละ 4-5 หมื่นล้านบาท และหากโครงสร้างราคายังเป็นเช่นนี้จะทำให้อีก 10 ข้างหน้า ปตท.ต้องมีภาระในส่วนนี้รวมถึง 5 แสนล้านบาท
อย่างไรก็ดี นายประเสริฐ ยืนยันว่าจะไม่เกิดปัญหาขาดแคลน LPG ในประเทศอย่างแน่นอน เพราะ ปตท.จะนำเข้าให้เพียงพอต่อปริมาณความต้องการใช้ โดยตั้งแต่เดือน เม.ย.จนถึงปัจจุบัน ปตท.ได้นำเข้ามาแล้วกว่า 1 แสนตันแล้ว และคาดว่าจนถึงสิ้นปีนี้จะต้องนำเข้าอีกประมาณ 3 แสนตัน
ก่อนหน้านี้ ประเทศไทยสามารถผลิตก๊าซ LPG ได้เพียงพอต่อความต้องการใช้ในประเทศและเหลือพอส่งออก แต่หลังจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นมากอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้มีการนำก๊าซ LPG มาใช้ในภาคขนส่งมากขึ้น จึงเป็นผลให้ปริมาณความต้องการใช้ในประเทศไม่เพียงพอ ส่งผลให้ประเทศไทยต้องเริ่มนำเข้าก๊าซ LPG ตั้งแต่ช่วงเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา