"ปูนใหญ่" เผยไตรมาส 2 มีกำไรสุทธิ 7,195 ล้านบาท ลดลงถึง 18% ต้นทุนการผลิตสูง วัตถุดิบราคาพุ่ง ราคาน้ำมัน และค่าเงินบาท เป็นตัวแปรสำคัญ แต่ยังใจดีต่อผู้ลงทุน จ่ายปันผลงาม 5.50 บาท/หุ้น
วันนี้ (23 ก.ค.) นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC เปิดเผยว่า ไตรมาสที่ 2 ปี 2551 เครือซิเมนต์ไทย (SCG) มียอดขายสุทธิ 80,253 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 26 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากปริมาณขายเพิ่มขึ้นและราคาขายผลิตภัณฑ์หลักปรับตัวสูงขึ้น
ทั้งนี้ SCG มีกำไรสุทธิ 7,195 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 18 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากต้นทุนการผลิตของกลุ่มธุรกิจหลักเพิ่มสูงขึ้น ประกอบด้วย ต้นทุนวัตถุดิบ ถ่านหิน และพลังงาน รวมถึงมีผลกระทบจากค่าใช้จ่ายในการขนส่งที่เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ในไตรมาสที่ 2 ปี 2550 พบว่า SCG มีรายการ Non-recurring items ได้แก่ กำไรสุทธิภาษีจากการขายเงินลงทุนในบริษัทเหล็กสยามยามาโตะ จำกัด และบริษัทอะโรเมติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ATC จำนวน 2,500 ล้านบาท
ผลการดำเนินงานงวดครึ่งปีแรกของปี 2551 พบว่า SCG มียอดขายสุทธิ 158,855 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 23 จากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากปริมาณการขายเพิ่มขึ้น และการปรับตัวสูงขึ้นของราคาผลิตภัณฑ์ และมีกำไรสุทธิ 14,311 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 16 จากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากต้นทุนการผลิตและต้นทุนวัตถุดิบเพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับ ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น นอกจากนี้ ในงวดครึ่งปีแรกของปี 2550 มีกำไรสุทธิทางภาษีจากการขายเงินลงทุน 2,500 ล้านบาท
สินทรัพย์รวมของบริษัทฯ และบริษัทย่อย ณ 30 มิถุนายน 2551 มีจำนวน 272,038 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2550 เท่ากับ 23,782 ล้านบาท
บริษัทฯ ขอแจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2551 มีมติอนุมัติเกี่ยวกับการจ่ายเงินปันผล ดังนี้
1. กำหนดนโยบายการจ่ายเงินปันผลในช่วงอัตราร้อยละ 40 ถึง 50 ของกำไรสุทธิของงบการเงินรวมแต่ในกรณีที่มีความจำเป็น หรือมีเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ บริษัทฯ อาจพิจารณาเปลี่ยนแปลงการจ่ายเงินปันผลในช่วงนั้นๆ ตามความเหมาะสมได้
2. จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลงวดครึ่งปีแรกของปี 2551 ในอัตราหุ้นละ 5.50 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 6,600 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 46 ของกำไรสุทธิของงบการเงินรวม โดยมีรายละเอียดดังนี้
2.1 จ่ายในอัตราหุ้นละ 2.00 บาท รวมเป็นเงินประมาณ 2,400 ล้านบาท ซึ่งผู้ถือหุ้นประเภทบุคคลธรรมดาสามารถขอเครดิตภาษีคืนได้ 1) คือ - ในอัตราหุ้นละ 1.50 บาท เครดิตภาษีได้อัตราร้อยละ 30 - ในอัตราหุ้นละ 0.50 บาท เครดิตภาษีได้อัตราร้อยละ 15
2.2 จ่ายในอัตราหุ้นละ 3.50 บาท รวมเป็นเงินประมาณ 4,200 ล้านบาท ซึ่งผู้ถือหุ้นประเภทบุคคลธรรมดาไม่สามารถขอเครดิตภาษีได้ 2)
ทั้งนี้ เงินปันผลระหว่างกาลดังกล่าวจะจ่ายให้กับผู้ถือหุ้นเฉพาะที่มีสิทธิรับเงินปันผลตามข้อบังคับของบริษัท ตามที่ปรากฏรายชื่อ ณ วันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อสิทธิในการรับเงินปันผลในวันพฤหัสบดีที่ 7 สิงหาคม 2551 เวลา 12.00 น. และกำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2551