บล.กสิกรไทย ลั่นธุรกิจค้าหลักทรัพย์ปีนี้โต 100% จากปีก่อน เหตุฐานลูกค้าเพิ่มเป็น 9 พันบัญชี จากปี50 ที่มี 7 พันบัญชี เล็งขยายฐานนักลงทุนสถาบันเป็น 40% จากปีก่อน 30% ด้านรายได้วาณิชย์ปีนี้โตไม่เท่าปีที่ผ่านมา ไตรมาส4 /51เตรียมดัน 1 บริษัทเข้าระดมทุน 3 พันล้านบาท ใน ตลท.
นางสาวณัฐรินทร์ ตาลทอง กรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าปีนี้ธุรกิจค้าหลักทรัพย์ปีนี้ของบริษัทจะมีการเติบโต 100% จากปีก่อน เนื่องจากบริษัทมีฐานลูกค้าเพิ่มมากขึ้น ซึ่งคาดว่าสิ้นปีนี้จะมีลูกค้าเปิดบัญชีเพิ่มเป็น 9,000 บัญชี ซึ่งขณะนี้มีลูกค้าเปิดบัญชีแล้วจำนวน 7,000 บัญชี จากปี 2550 ที่มีลูกค้าเปิดบัญชี 6,000 บัญชี โดยคาดว่าจะมีคาดสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (หุ้นที่ลูกค้านำมาฝากกับบริษัท)เพิ่มเป็น 10,000 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมา 7,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ส่วนแบ่งการตลาด(มาร์เกตแชร์)ในช่วง 5 เดือนปีนี้อยู่ที่ 1.45% ซึ่งคาดว่าสิ้นปีนี้จะอยู่ที่ 2% โดยบริษัทมีแผนที่จะเพิ่มสัดส่วนนักลงทุนสถาบันต่างประเทศมากขึ้น โดยจะเป็นนักลงทุนแถบเอเชีย ซึ่งคาดว่าปีนี้บริษัทจะมีสัดส่วนนักลงทุนสถาบันต่างประเทศและในประเทศเพิ่มเป็น 40% จากปีก่อน 30% ทำให้สัดส่วนนักลงทุนรายย่อยลดลงเหลือ 60% จากปีก่อน 70% ซึ่งบริษัทได้เพิ่มเจ้าหน้าที่การตลาดสำหรับนักลงทุนสถาบันเพิ่มขึ้น
สำหรับ รายได้ด้านวาณิชธกิจ คงเติบโตไม่เท่ากับปีที่ผ่านมา เนื่องจาก ปีที่แล้วบริษัทเป็นที่ปรึกษาทางการเงินขนาดใหญ่ คือ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน)หรือ DTAC ซึ่งในปีนี้บริษัทได้นำบริษัทเข้าดจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แล้ว คือ บริษัท น้ำประปาไทย จำกัด (มหาชน)หรือ TTW และคาดว่าในไตรมาส4/51 จะนำบริษัทเสนอขายไอพีโอได้ 1 บริษัท ซึ่งจะมีการระดมทุนประมาณ 3,00
นางสาวณัฐรินทร์ กล่าวว่า บริษัทคาดว่าจะเริ่มประกอบธุรกิจอนุพันธ์ได้ในช่วงไตรมาส3/51ปีนี้ ส่วนธุรกิจการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ (SBL)คาดว่าจะเริ่มทำธุรกิจได้ในไตรมาส4/51ปีนี้ โดยขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาการทำสัญญาการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์จดทะเบียนในลักษณะคู่ค้า (Exclusive Partner) ซึ่งคาดว่าจะสรุปได้ในปี2552 เพื่อที่จะเข้ามาสนับสนุนการทำธุรกิจของบริษัทในทุกๆด้าน
นางสาวณัฐรินทร์ ตาลทอง กรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าปีนี้ธุรกิจค้าหลักทรัพย์ปีนี้ของบริษัทจะมีการเติบโต 100% จากปีก่อน เนื่องจากบริษัทมีฐานลูกค้าเพิ่มมากขึ้น ซึ่งคาดว่าสิ้นปีนี้จะมีลูกค้าเปิดบัญชีเพิ่มเป็น 9,000 บัญชี ซึ่งขณะนี้มีลูกค้าเปิดบัญชีแล้วจำนวน 7,000 บัญชี จากปี 2550 ที่มีลูกค้าเปิดบัญชี 6,000 บัญชี โดยคาดว่าจะมีคาดสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (หุ้นที่ลูกค้านำมาฝากกับบริษัท)เพิ่มเป็น 10,000 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมา 7,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ส่วนแบ่งการตลาด(มาร์เกตแชร์)ในช่วง 5 เดือนปีนี้อยู่ที่ 1.45% ซึ่งคาดว่าสิ้นปีนี้จะอยู่ที่ 2% โดยบริษัทมีแผนที่จะเพิ่มสัดส่วนนักลงทุนสถาบันต่างประเทศมากขึ้น โดยจะเป็นนักลงทุนแถบเอเชีย ซึ่งคาดว่าปีนี้บริษัทจะมีสัดส่วนนักลงทุนสถาบันต่างประเทศและในประเทศเพิ่มเป็น 40% จากปีก่อน 30% ทำให้สัดส่วนนักลงทุนรายย่อยลดลงเหลือ 60% จากปีก่อน 70% ซึ่งบริษัทได้เพิ่มเจ้าหน้าที่การตลาดสำหรับนักลงทุนสถาบันเพิ่มขึ้น
สำหรับ รายได้ด้านวาณิชธกิจ คงเติบโตไม่เท่ากับปีที่ผ่านมา เนื่องจาก ปีที่แล้วบริษัทเป็นที่ปรึกษาทางการเงินขนาดใหญ่ คือ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน)หรือ DTAC ซึ่งในปีนี้บริษัทได้นำบริษัทเข้าดจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แล้ว คือ บริษัท น้ำประปาไทย จำกัด (มหาชน)หรือ TTW และคาดว่าในไตรมาส4/51 จะนำบริษัทเสนอขายไอพีโอได้ 1 บริษัท ซึ่งจะมีการระดมทุนประมาณ 3,00
นางสาวณัฐรินทร์ กล่าวว่า บริษัทคาดว่าจะเริ่มประกอบธุรกิจอนุพันธ์ได้ในช่วงไตรมาส3/51ปีนี้ ส่วนธุรกิจการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ (SBL)คาดว่าจะเริ่มทำธุรกิจได้ในไตรมาส4/51ปีนี้ โดยขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาการทำสัญญาการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์จดทะเบียนในลักษณะคู่ค้า (Exclusive Partner) ซึ่งคาดว่าจะสรุปได้ในปี2552 เพื่อที่จะเข้ามาสนับสนุนการทำธุรกิจของบริษัทในทุกๆด้าน
