ผู้บริหาร "สยามแก๊สฯ" ยืนยันเดินหน้านำหุ้นเข้าเทรด 3 มิ.ย.นี้ ไม่หวั่นปัจจัยการเมืองร้อนแรง อันเดอร์ไรท์มั่นใจ พื้นฐานแข็งแกร่ง เนื่องจากแนวโน้มการเติบโตของพลังงานทางเลือก ทั้งก๊าซหุงต้มแอลพีจี และภาคการขนส่งที่หันมาใช้เพิ่มขึ้น
(29 พ.ค.) นายศุภชัย วีรบวรพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SGP ผู้ประกอบธุรกิจค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว หรือก๊าซหุงต้ม ( LPG) ภายใต้เครื่องหมายการค้า “สยามแก๊ส" และ “ยูนิคแก๊ส" กล่าวว่า บริษัทจะนำหุ้นเข้าเทรดในวันที่ 3 มิ.ย.นี้ แม้ขณะนี้ ความวิตกกังวลปัญหาการเมือง จะเป็นปัจจัยที่กดดันให้ดัชนีหลักทรัพย์ผันผวนอย่างมากก็ตาม
เนื่องจากในปัจจุบันธุรกิจแก๊สมีการขยายตัวย่างรวดเร็วตามความต้องการใช้ที่เพิ่มสูงขึ้น อันเป็นผลพวงมาจากการที่ผู้บริโภคกำลังหาทางออกเพื่อลดผลกระทบจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในอุตสาหกรรมยานยนต์ และภาคอุตสาหกรรม สนับสนุนให้ธุรกิจพลังงานยังมีแนวโน้มการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและมั่นคง มั่นใจว่าหุ้น SGP จะไม่ทำให้ผู้ลงทุนผิดหวัง
"เรามั่นใจว่าหุ้น SGP จะไม่ทำให้ผู้ลงทุนผิดหวังแม้ว่า SET INDEX ยังเคลื่อนไหวผันผวนตามแรงกดดันจากบรรยากาศทางการเมืองที่เริ่มระอุขึ้น ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นเพียงระยะสั้นเท่านั้น ขณะที่ SGP มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งมาก "นายศุภชัย กล่าว
บริษัทยังได้รับปัจจัยบวกจากการที่ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงทะยานขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ผู้บริโภคหันมาใช้แก๊สมากขึ้น โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมรถยนต์ ขณะที่ภาคครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรมเองก็มีความต้องการใช้เพิ่มสูงต่อเนื่องเช่นกัน และผลประกอบการในปีนี้คาดว่ารายได้จะเติบโตไม่ต่ำกว่าอุตสาหกรรมซึ่งในปี 50 ขยายตัว 14.29% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 49
ด้านนายชูพงศ์ ธนเศรษฐกร กรรมการผู้จัดการ บล. เคทีบี ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย (อันเดอร์ไรท์) หุ้นสามัญเพิ่มทุน SGP กล่าวว่า ธุรกิจของ SGP เป็นพื้นฐานของครัวเรือน ภาคขนส่ง และภาคอุตสาหกรรม ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมาในไตรมาสแรกปีนี้กำไรสุทธิขยายตัวมากถึง 75% สะท้อนถึงความสามารถในการทำกำไรได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ SGP ยังโดดเด่นในด้านที่มีระบบขนส่งที่ครบวงจรสำหรับธุรกิจแก๊ส และผลิตแก๊สแอมโมเนียม ซึ่งเป็นธุรกิจที่ทำกำไรได้ดี โดยมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 70%
"ตลาดหุ้นที่ผันผวนช่วงนี้ ปัจจัยหลักเกิดความปัญหาการเมืองภายในประเทศ แต่คาดว่าน่าจะเกิดขึ้นเพียงระยะสั้นๆ เท่านั้น แต่เชื่อว่าไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อหุ้น SGP เพราะความต้องการใช้แก๊สซึ่งเป็นพลังงานทางเลือก มีการขยายตัวอย่างเด่นชัดซึ่งส่งผลดีต่อ SGP อย่างมาก ซึ่งในจุดนี้เชื่อว่านักลงทุนเข้าใจเป็นอย่างดี ดังนั้นจึงยังมั่นใจว่า SGP จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างล้นหลามเมื่อเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์" นายชูพงศ์ กล่าวทิ้งท้าย
(29 พ.ค.) นายศุภชัย วีรบวรพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SGP ผู้ประกอบธุรกิจค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว หรือก๊าซหุงต้ม ( LPG) ภายใต้เครื่องหมายการค้า “สยามแก๊ส" และ “ยูนิคแก๊ส" กล่าวว่า บริษัทจะนำหุ้นเข้าเทรดในวันที่ 3 มิ.ย.นี้ แม้ขณะนี้ ความวิตกกังวลปัญหาการเมือง จะเป็นปัจจัยที่กดดันให้ดัชนีหลักทรัพย์ผันผวนอย่างมากก็ตาม
เนื่องจากในปัจจุบันธุรกิจแก๊สมีการขยายตัวย่างรวดเร็วตามความต้องการใช้ที่เพิ่มสูงขึ้น อันเป็นผลพวงมาจากการที่ผู้บริโภคกำลังหาทางออกเพื่อลดผลกระทบจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในอุตสาหกรรมยานยนต์ และภาคอุตสาหกรรม สนับสนุนให้ธุรกิจพลังงานยังมีแนวโน้มการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและมั่นคง มั่นใจว่าหุ้น SGP จะไม่ทำให้ผู้ลงทุนผิดหวัง
"เรามั่นใจว่าหุ้น SGP จะไม่ทำให้ผู้ลงทุนผิดหวังแม้ว่า SET INDEX ยังเคลื่อนไหวผันผวนตามแรงกดดันจากบรรยากาศทางการเมืองที่เริ่มระอุขึ้น ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นเพียงระยะสั้นเท่านั้น ขณะที่ SGP มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งมาก "นายศุภชัย กล่าว
บริษัทยังได้รับปัจจัยบวกจากการที่ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงทะยานขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ผู้บริโภคหันมาใช้แก๊สมากขึ้น โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมรถยนต์ ขณะที่ภาคครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรมเองก็มีความต้องการใช้เพิ่มสูงต่อเนื่องเช่นกัน และผลประกอบการในปีนี้คาดว่ารายได้จะเติบโตไม่ต่ำกว่าอุตสาหกรรมซึ่งในปี 50 ขยายตัว 14.29% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 49
ด้านนายชูพงศ์ ธนเศรษฐกร กรรมการผู้จัดการ บล. เคทีบี ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย (อันเดอร์ไรท์) หุ้นสามัญเพิ่มทุน SGP กล่าวว่า ธุรกิจของ SGP เป็นพื้นฐานของครัวเรือน ภาคขนส่ง และภาคอุตสาหกรรม ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมาในไตรมาสแรกปีนี้กำไรสุทธิขยายตัวมากถึง 75% สะท้อนถึงความสามารถในการทำกำไรได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ SGP ยังโดดเด่นในด้านที่มีระบบขนส่งที่ครบวงจรสำหรับธุรกิจแก๊ส และผลิตแก๊สแอมโมเนียม ซึ่งเป็นธุรกิจที่ทำกำไรได้ดี โดยมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 70%
"ตลาดหุ้นที่ผันผวนช่วงนี้ ปัจจัยหลักเกิดความปัญหาการเมืองภายในประเทศ แต่คาดว่าน่าจะเกิดขึ้นเพียงระยะสั้นๆ เท่านั้น แต่เชื่อว่าไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อหุ้น SGP เพราะความต้องการใช้แก๊สซึ่งเป็นพลังงานทางเลือก มีการขยายตัวอย่างเด่นชัดซึ่งส่งผลดีต่อ SGP อย่างมาก ซึ่งในจุดนี้เชื่อว่านักลงทุนเข้าใจเป็นอย่างดี ดังนั้นจึงยังมั่นใจว่า SGP จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างล้นหลามเมื่อเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์" นายชูพงศ์ กล่าวทิ้งท้าย
