คอนโดฯหรูระดับราคากว่า 9 หมื่นบาท ช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา ยอดเปิดขายเพิ่มขึ้น 13% ปรับลดขนาดห้องชุดเล็กลง กลุ่มผู้ซื้อหลักเป็นชาวต่างชาติ ขณะที่กลุ่มลูกค้าจากจีน รัสเซีย อินเดีย เกาหลี และตะวันออกลางหันมาซื้อที่พักในภูเก็ตสูงขึ้น เผยคอนโดฯไฮเอ็นด์ฝั่งตะวันตกเปิดขาย 63% ส่วนฝั่งตะวันออกราคาขายสูงขึ้น 20%
บริษัท โจนส์ แลง ลาซาลล์ ได้รายงานถึงผลการศึกษาตลาดคอนโดระดับไฮเอ็นด์ในภูเก็ต ที่มีราคาเสนอขายอยู่ที่ระหว่าง 92,000-128,000 บาทต่อตารางเมตร(ตร.ม.) โดยการศึกษาได้มุ่งเน้นไปที่กิจกรรมการซื้อขายตลอดช่วงฤดูการท่องเที่ยว (ไฮซีซัน) ระหว่างเดือนพ.ย.50 ถึง มี.ค.51 ว่า มีการเสนอขายในภูเก็ตรวมทั้งสิ้นกว่า 700 ยูนิต เพิ่มขึ้น 13% ตลอดช่วงฤดูการท่องเที่ยวที่ผ่านมา ขนาดห้องชุดเล็กลงกว่าโครงการโดยทั่วไปในตลาด โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 38 ยูนิตต่อโครงการหรือต่อเฟส บางโครงการอาจมีเพียง 12 ยูนิต ในขณะที่โครงการทั่วไปอาจมีจำนวนยูนิตมากถึง 100 ยูนิต
นายแดน ตันติสุนทร หัวหน้าฝ่ายวิจัย โจนส์ แลง ลาซาลล์ กล่าวว่า ตลาดคอนโดฯ ของภูเก็ตต่างจากตลาดกรุงเทพฯ โดยในกรุงเทพฯ ผู้ซื้อชาวไทยคิดเป็นสัดส่วนที่ไม่น้อยเมื่อเทียบกับผู้ซื้อชาวต่างชาติ แต่สำหรับภูเก็ตซึ่งเป็นตลาดสำหรับการพักผ่อนตากอากาศ มีกลุ่มผู้ซื้อหลักเป็นชาวต่างชาติ โดยพบว่าผู้ซื้อส่วนใหญ่ยังคงเป็นชาวอังกฤษ อเมริกัน และสแกนดิเนเวียน ในขณะเดียวกัน พบว่า ความต้องการซื้อโดยผู้มีฐานะจากจีน รัสเซีย อินเดีย เกาหลี และตะวันออกกลาง เริ่มมีการขยายตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยผลการศึกษาของโจนส์ แลงฯ ระบุว่า จากจำนวนยูนิตคอนโดฯระดับไฮเอ็นด์ที่เปิดขายในภูเก็ตประมาณ 63% ตั้งอยู่ในฝั่งตะวันตก และยังพบด้วยว่า ยอดขายของยูนิตคอนโดฯในฝั่งนี้ คิดเป็น 73% ของจำนวนยูนิตทั้งหมดที่ขายได้ในภูเก็ตตลอดช่วงฤดูการท่องเที่ยวที่ผ่านมา ส่วนราคาต่อตร.ม.ของคอนโดฯในฝั่งนี้ ได้ขยับตัวสูงขึ้นประมาณ 5.8% จากช่วงก่อนถึงฤดูการท่องเที่ยว ซึ่งในระยะยาวโซนด้านฝั่งตะวันออกเป็นทำเลคอนโดฯไฮเอ็นด์ที่มีศักยภาพ และมีการปรับตัวขึ้นของราคาสูงสุดเมื่อเทียบกับโซนอื่นๆ ของภูเก็ต โดยราคาขายเฉลี่ยขยับตัวสูงขึ้นประมาณ 20% จากช่วงก่อนถึงฤดูการท่องเที่ยว
บริษัท โจนส์ แลง ลาซาลล์ ได้รายงานถึงผลการศึกษาตลาดคอนโดระดับไฮเอ็นด์ในภูเก็ต ที่มีราคาเสนอขายอยู่ที่ระหว่าง 92,000-128,000 บาทต่อตารางเมตร(ตร.ม.) โดยการศึกษาได้มุ่งเน้นไปที่กิจกรรมการซื้อขายตลอดช่วงฤดูการท่องเที่ยว (ไฮซีซัน) ระหว่างเดือนพ.ย.50 ถึง มี.ค.51 ว่า มีการเสนอขายในภูเก็ตรวมทั้งสิ้นกว่า 700 ยูนิต เพิ่มขึ้น 13% ตลอดช่วงฤดูการท่องเที่ยวที่ผ่านมา ขนาดห้องชุดเล็กลงกว่าโครงการโดยทั่วไปในตลาด โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 38 ยูนิตต่อโครงการหรือต่อเฟส บางโครงการอาจมีเพียง 12 ยูนิต ในขณะที่โครงการทั่วไปอาจมีจำนวนยูนิตมากถึง 100 ยูนิต
นายแดน ตันติสุนทร หัวหน้าฝ่ายวิจัย โจนส์ แลง ลาซาลล์ กล่าวว่า ตลาดคอนโดฯ ของภูเก็ตต่างจากตลาดกรุงเทพฯ โดยในกรุงเทพฯ ผู้ซื้อชาวไทยคิดเป็นสัดส่วนที่ไม่น้อยเมื่อเทียบกับผู้ซื้อชาวต่างชาติ แต่สำหรับภูเก็ตซึ่งเป็นตลาดสำหรับการพักผ่อนตากอากาศ มีกลุ่มผู้ซื้อหลักเป็นชาวต่างชาติ โดยพบว่าผู้ซื้อส่วนใหญ่ยังคงเป็นชาวอังกฤษ อเมริกัน และสแกนดิเนเวียน ในขณะเดียวกัน พบว่า ความต้องการซื้อโดยผู้มีฐานะจากจีน รัสเซีย อินเดีย เกาหลี และตะวันออกกลาง เริ่มมีการขยายตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยผลการศึกษาของโจนส์ แลงฯ ระบุว่า จากจำนวนยูนิตคอนโดฯระดับไฮเอ็นด์ที่เปิดขายในภูเก็ตประมาณ 63% ตั้งอยู่ในฝั่งตะวันตก และยังพบด้วยว่า ยอดขายของยูนิตคอนโดฯในฝั่งนี้ คิดเป็น 73% ของจำนวนยูนิตทั้งหมดที่ขายได้ในภูเก็ตตลอดช่วงฤดูการท่องเที่ยวที่ผ่านมา ส่วนราคาต่อตร.ม.ของคอนโดฯในฝั่งนี้ ได้ขยับตัวสูงขึ้นประมาณ 5.8% จากช่วงก่อนถึงฤดูการท่องเที่ยว ซึ่งในระยะยาวโซนด้านฝั่งตะวันออกเป็นทำเลคอนโดฯไฮเอ็นด์ที่มีศักยภาพ และมีการปรับตัวขึ้นของราคาสูงสุดเมื่อเทียบกับโซนอื่นๆ ของภูเก็ต โดยราคาขายเฉลี่ยขยับตัวสูงขึ้นประมาณ 20% จากช่วงก่อนถึงฤดูการท่องเที่ยว