ศูนย์ข้อมูลฯ เผยผลสำรวจที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จจดทะเบียนใหม่กทม.-ปริมณฑล 2 เดือนแรก พบยอดจดทะเบียนใหม่ลดลงจากช่วงเดียวกัน 7% แจงยอดจดทะเบียนพื้นที่กทม.ลดลง1%ส่วนพื้นที่ปริมาณพลลดลง17% ขณะที่ยอดสำรวจโครงการอาคารชุดเพิ่มขึ้นกว่า 35%
นายสัมมา คีตสิน ผู้อํานวยการศูนย์ข้อมูลสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ กล่าวว่า จากการสำรวจข้อมูลตลาดที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จจดทะเบียนใหม่ ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลในสองเดือนแรกของปี51 พบว่ามีจํานวนที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จจดทะเบียนใหม่รวม 9,399 หน่วย ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 7% โดยในจำนวนนี้เป็นที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จจดทะเบียนใหม่ในเขตกรุงเทพฯ จํานวน 5,505 หน่วย เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 1% ส่วนในเขตปริมณฑลมีจํานวน 3,894 หน่วย ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 17%
ทั้งนี้ ในช่วงสองเดือนดังกล่าวมีจํานวนบ้านเดี่ยวสร้างเสร็จจดทะเบียน 5,834 หน่วย มีห้องชุดจํานวน 1,861 หน่วย มีจํานวนทาวน์เฮาส์และอาคารพาณิชย์ 1,631 หน่วย และมีบ้านแฝดเพียง 73 หน่วย ในเขตปริมณฑล มีเพียงปทุมธานีจังหวัดที่มีที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จจดทะเบียนเพิ่มขึ้น โดยเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 36% ซึ่งประเภทที่อยู่อาศัยที่มีการจดทะเบียนเพิ่มสูงสุด ได้แก่ ทาวน์เฮาส์และอาคารพาณิชย์ มีจำนวน 266 หน่วย เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน102% ขณะที่บ้านเดี่ยว มีจำนวน 642 หน่วย เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 20%
อย่างไรก็ตาม เมื่อรวมจํานวนที่อยู่อาศัยแนวราบทุกประเภทในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล พบว่ามีจํานวนรวมทั้งสิ้น 7,538 หน่วย ซึ่งลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน14% โดยโครงการบ้านจัดสรรแนวราบ ในขณะที่ที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จจดทะเบียนใหม่ประเภทอาคารชุด ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลรวมกัน ในสองเดือนแรกของปี มี 1,861 หน่วย เพิ่มขึ้น 35% จากจำนวน 1,375 หน่วยในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ จากการสำรวจดังกล่าวศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ประเมินว่า มาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอน การจดจำนอง และภาษีธุรกิจเฉพาะในภาคอสังหาริมทรัพย์ซึ่งจะสิ้นสุดในปลายเดือนมีนาคม 52 นี้น่าจะเป็นปัจจัยให้ผู้ประกอบการพยายามเร่งงานพัฒนาโครงการที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้างให้แล้วเสร็จจนสามารถขายและพร้อมโอนได้ภายในเงื่อนเวลาสิ้นปีนี้ต่อเนื่องถึงไตรมาสแรกปี 2552 มากกว่าที่จะพัฒนาโครงการใหม่ ซึ่งต้นทุนในการก่อสางกำลังปรับตัวสูงขึ้นมากจากราคาวัสดุก่อสร้างและราคาน้ำมัน
นายสัมมา คีตสิน ผู้อํานวยการศูนย์ข้อมูลสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ กล่าวว่า จากการสำรวจข้อมูลตลาดที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จจดทะเบียนใหม่ ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลในสองเดือนแรกของปี51 พบว่ามีจํานวนที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จจดทะเบียนใหม่รวม 9,399 หน่วย ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 7% โดยในจำนวนนี้เป็นที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จจดทะเบียนใหม่ในเขตกรุงเทพฯ จํานวน 5,505 หน่วย เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 1% ส่วนในเขตปริมณฑลมีจํานวน 3,894 หน่วย ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 17%
ทั้งนี้ ในช่วงสองเดือนดังกล่าวมีจํานวนบ้านเดี่ยวสร้างเสร็จจดทะเบียน 5,834 หน่วย มีห้องชุดจํานวน 1,861 หน่วย มีจํานวนทาวน์เฮาส์และอาคารพาณิชย์ 1,631 หน่วย และมีบ้านแฝดเพียง 73 หน่วย ในเขตปริมณฑล มีเพียงปทุมธานีจังหวัดที่มีที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จจดทะเบียนเพิ่มขึ้น โดยเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 36% ซึ่งประเภทที่อยู่อาศัยที่มีการจดทะเบียนเพิ่มสูงสุด ได้แก่ ทาวน์เฮาส์และอาคารพาณิชย์ มีจำนวน 266 หน่วย เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน102% ขณะที่บ้านเดี่ยว มีจำนวน 642 หน่วย เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 20%
อย่างไรก็ตาม เมื่อรวมจํานวนที่อยู่อาศัยแนวราบทุกประเภทในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล พบว่ามีจํานวนรวมทั้งสิ้น 7,538 หน่วย ซึ่งลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน14% โดยโครงการบ้านจัดสรรแนวราบ ในขณะที่ที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จจดทะเบียนใหม่ประเภทอาคารชุด ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลรวมกัน ในสองเดือนแรกของปี มี 1,861 หน่วย เพิ่มขึ้น 35% จากจำนวน 1,375 หน่วยในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ จากการสำรวจดังกล่าวศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ประเมินว่า มาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอน การจดจำนอง และภาษีธุรกิจเฉพาะในภาคอสังหาริมทรัพย์ซึ่งจะสิ้นสุดในปลายเดือนมีนาคม 52 นี้น่าจะเป็นปัจจัยให้ผู้ประกอบการพยายามเร่งงานพัฒนาโครงการที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้างให้แล้วเสร็จจนสามารถขายและพร้อมโอนได้ภายในเงื่อนเวลาสิ้นปีนี้ต่อเนื่องถึงไตรมาสแรกปี 2552 มากกว่าที่จะพัฒนาโครงการใหม่ ซึ่งต้นทุนในการก่อสางกำลังปรับตัวสูงขึ้นมากจากราคาวัสดุก่อสร้างและราคาน้ำมัน