แบงก์กสิกรไทยเดินหน้าพัฒนาบุคคลกรและผลิตภัณฑ์แบงก์แอสชัวร์รันส์ หวังดันยอดเบี้ยประกันใหม่เพิ่ม 4,400 ล้านบาท เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าเงินฝากของแบงก์เป็นหลัก คาดเบี้ยประกันรวมแตะ 10,000 ล้านบาทก่อนเป้าหมายปี 2553 ส่วนภาพรวมตลาดเชื่อแบงก์ใหญ่หันรุกขายประกันมากขึ้น
นายดลพาห์ เพ็ชร์พิรุณ ผู้อำนวยการฝ่าย ฝ่ายบริหารช่องทางบริการและการขาย สายงานธุรกิจลูกค้าบุคคลและเครือข่ายบริการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK เปิดเผยว่า ในปีนี้แผนงานของการขายประกันชีวิตผ่านธนาคาร (Bancassurance) จะเน้นการพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ประกันมากขึ้น รวมถึงจะพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า โดยคาดว่าในปีนี้ธนาคารจะมีพนักงานที่ได้รับใบอนุญาตให้ขายประกันเพิ่มขึ้นอีกกว่า 1,000 คน ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 2,200 คน
"ที่จะเน้นปีนี้คือพัฒนาคนและผลิตภัณฑ์ โดยการพัฒนาคนจะเน้นเรื่องความรู้และความเข้าในเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อยู่ตลอดเวลา แต่ละปีก็จะมีการจัดอบรมเรื่องการสอบใบอนุญาตอยู่ประมาณ 10-12 ครั้ง รวมถึงจะมีการอบรบเรื่องการขายให้กับพนักงานทั่วประเทศ เพื่อให้พนักงานมีการเพิ่มผลผลิตต่อรายมากขึ้น"
ทั้งนี้ได้ตั้งเป้าหมายยอดเบี้ยประกันรับปีแรกรวมทั้งสิ้น 4,200-4,400 ล้านบาท โดยจะเป็นส่วนของการประกันรายย่อย 3,200-3,400 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 20-25% และเป็นประกันในส่วนของธุรกิจองค์กรประมาณ 1,000 ล้านบาท โดย 4 เดือนที่ผ่านมาธนาคารมียอดขายประกันประมาณเกือบ 1,000 ล้านบาท สำหรับแบบประกันที่ได้รับความนิยมจะเป็นประกันแบบสะสมทรัพย์ ส่วนช่องทางการขายส่วนใหญ่จะเป็นการขายผ่านเคาน์เตอร์ธนาคาร รองลงมาคือการขายผ่านโทรศัพท์ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้น ส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมจากการขายประกันผ่านธนาคารคาดว่าปีนี้จะอยู่ที่700-800 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 600 ล้านบาท
สำหรับลูกค้าเป้าหมายที่ธนาคารจะมุ่งเน้นในช่วง 2-3 ปีนี้ คือ กลุ่มลูกค้าเงินฝาก โดยปัจจุบันธนาคารมีลูกค้าบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ อยู่ประมาณ 6 ล้านบัญชี และเป็นลูกค้าที่ใช้บริการประกันดังกล่าวแล้วเพียง 8-9% ส่วนแนวทางการขายนั้นจะทำโดยให้พนักงานแนะนำให้กับลูกค้าที่มาเปิดบัญชีใหม่ รวมถึงลูกค้าที่สมัครบัตรเครดิต สำหรับพันธมิตรในการขายประกันของธนาคารนั้น คือ เมืองไทยประกันชีวิตและภัทรประกันภัย อย่างไรก็ตามธนาคารไม่ได้ปิดกั้นที่จะมีพันธมิตรรายอื่น แต่พันธมิตรปัจจุบันถือว่ามีความลงตัวในการตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดีแล้ว
"ฐานเบี้ยประกันของธนาคารตอนนี้มีอยู่ 6,000-7,000 ล้านบาท และมีแผนว่าจะถึง 10,000 ล้านบาทได้ในปี 2553 แต่จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้เชื่อว่าในช่วงสิ้นปี 2552 ก็น่าจะบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้แล้ว สำหรับส่วนแบ่งทางการตลาดของธนาคารตอนนี้เป็นอันดับ 2 โดยมีอยู่ 18% รองจากธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งเราคงไม่หวังจะขึ้นเป็นที่ 1 แต่หวังแค่ลดระยะห่างก็พอ"
นายดลพาห์ กล่าวว่า ภาพรวมของการตลาดการขายประกันผ่านธนาคารนั้น มีแนวโน้มค่อนข้างชัดเจนว่าธนาคารหลายแห่ง จะรุกตลาดดังกล่าวมากขึ้นหลังจากได้เตรียมตัวมานาน โดยเฉพาะธนาคารขนาดใหญ่ โดยการแข่งขันจะอยู่ที่การตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดีและรวดเร็ว ส่วนปัจจุบันประชาชนทั่วไปมีความเข้าใจการทำประกันมากขึ้นกว่าในอดีตมาก จึงเป็นส่วนช่วยหนุนการเติบโตของธุรกิจประกันได้อีกทาง
นายดลพาห์ เพ็ชร์พิรุณ ผู้อำนวยการฝ่าย ฝ่ายบริหารช่องทางบริการและการขาย สายงานธุรกิจลูกค้าบุคคลและเครือข่ายบริการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK เปิดเผยว่า ในปีนี้แผนงานของการขายประกันชีวิตผ่านธนาคาร (Bancassurance) จะเน้นการพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ประกันมากขึ้น รวมถึงจะพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า โดยคาดว่าในปีนี้ธนาคารจะมีพนักงานที่ได้รับใบอนุญาตให้ขายประกันเพิ่มขึ้นอีกกว่า 1,000 คน ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 2,200 คน
"ที่จะเน้นปีนี้คือพัฒนาคนและผลิตภัณฑ์ โดยการพัฒนาคนจะเน้นเรื่องความรู้และความเข้าในเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อยู่ตลอดเวลา แต่ละปีก็จะมีการจัดอบรมเรื่องการสอบใบอนุญาตอยู่ประมาณ 10-12 ครั้ง รวมถึงจะมีการอบรบเรื่องการขายให้กับพนักงานทั่วประเทศ เพื่อให้พนักงานมีการเพิ่มผลผลิตต่อรายมากขึ้น"
ทั้งนี้ได้ตั้งเป้าหมายยอดเบี้ยประกันรับปีแรกรวมทั้งสิ้น 4,200-4,400 ล้านบาท โดยจะเป็นส่วนของการประกันรายย่อย 3,200-3,400 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 20-25% และเป็นประกันในส่วนของธุรกิจองค์กรประมาณ 1,000 ล้านบาท โดย 4 เดือนที่ผ่านมาธนาคารมียอดขายประกันประมาณเกือบ 1,000 ล้านบาท สำหรับแบบประกันที่ได้รับความนิยมจะเป็นประกันแบบสะสมทรัพย์ ส่วนช่องทางการขายส่วนใหญ่จะเป็นการขายผ่านเคาน์เตอร์ธนาคาร รองลงมาคือการขายผ่านโทรศัพท์ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้น ส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมจากการขายประกันผ่านธนาคารคาดว่าปีนี้จะอยู่ที่700-800 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 600 ล้านบาท
สำหรับลูกค้าเป้าหมายที่ธนาคารจะมุ่งเน้นในช่วง 2-3 ปีนี้ คือ กลุ่มลูกค้าเงินฝาก โดยปัจจุบันธนาคารมีลูกค้าบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ อยู่ประมาณ 6 ล้านบัญชี และเป็นลูกค้าที่ใช้บริการประกันดังกล่าวแล้วเพียง 8-9% ส่วนแนวทางการขายนั้นจะทำโดยให้พนักงานแนะนำให้กับลูกค้าที่มาเปิดบัญชีใหม่ รวมถึงลูกค้าที่สมัครบัตรเครดิต สำหรับพันธมิตรในการขายประกันของธนาคารนั้น คือ เมืองไทยประกันชีวิตและภัทรประกันภัย อย่างไรก็ตามธนาคารไม่ได้ปิดกั้นที่จะมีพันธมิตรรายอื่น แต่พันธมิตรปัจจุบันถือว่ามีความลงตัวในการตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดีแล้ว
"ฐานเบี้ยประกันของธนาคารตอนนี้มีอยู่ 6,000-7,000 ล้านบาท และมีแผนว่าจะถึง 10,000 ล้านบาทได้ในปี 2553 แต่จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้เชื่อว่าในช่วงสิ้นปี 2552 ก็น่าจะบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้แล้ว สำหรับส่วนแบ่งทางการตลาดของธนาคารตอนนี้เป็นอันดับ 2 โดยมีอยู่ 18% รองจากธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งเราคงไม่หวังจะขึ้นเป็นที่ 1 แต่หวังแค่ลดระยะห่างก็พอ"
นายดลพาห์ กล่าวว่า ภาพรวมของการตลาดการขายประกันผ่านธนาคารนั้น มีแนวโน้มค่อนข้างชัดเจนว่าธนาคารหลายแห่ง จะรุกตลาดดังกล่าวมากขึ้นหลังจากได้เตรียมตัวมานาน โดยเฉพาะธนาคารขนาดใหญ่ โดยการแข่งขันจะอยู่ที่การตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดีและรวดเร็ว ส่วนปัจจุบันประชาชนทั่วไปมีความเข้าใจการทำประกันมากขึ้นกว่าในอดีตมาก จึงเป็นส่วนช่วยหนุนการเติบโตของธุรกิจประกันได้อีกทาง
