ปูนใหญ่มั่นใจ"ไทยเคนเปเปอร์"เพิกถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯได้ภายในส.ค.นี้ หลังประชุมผู้ถือหุ้นฯในกลางปีนี้
นายเชาวลิต เอกบุตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจกระดาษ เครือซิเมนต์ไทย เปิดเผยว่า ตามที่บริษัทฯมีแผนจะเพิกถอนบริษัท ไทยเคนเปเปอร์ จำกัด (มหาชน) (TCP)ออกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยจะจัดให้มีการประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อขออนุมัติการเพิกถอนบริษัทฯในเดือนมิถุนายนนี้ เชื่อว่าบริษัทฯจะดำเนินการเพิกถอนหลักทรัพย์ฯได้ในเดือนสิงหาคมนี้
ทั้งนี้ เครือซิเมนต์ไทยถือหุ้นอยู่ในไทยเคนเปเปอร์คิดเป็นสัดส่วน 85% โดยมีหุ้นจำนวน 53 ล้านหุ้นที่จะเสนอซื้อคืนจากรายย่อยในราคาหุ้นละ 16 บาท คาดว่าจะใช้เงินในการซื้อหุ้นคืนเพื่อเพิกถอนออกจากหลักทรัพย์ฯประมาณ 850 กว่าล้านบาท หลังจากบริษัท ไทยเคนเปเปอร์ออกจากตลาดหลักทรัพย์แล้ว ทางเครือซิเมนต์ไทยคงจะเข้ามาบริหารจัดการแผนการผลิตกระดาษเพื่อให้สอดคล้องกับการผลิตของโรงงานกระดาษอื่นในเครือฯ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตให้สูงขึ้น
นายโฉลกพร ผลชีวิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยเคนเปเปอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทฯคาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 4 พันล้านบาทใกล้เคียงกับปีที่แล้ว โดยปีนี้บริษัทได้รับผลกระทบจากต้นทุนพลังงานและเศษกระดาษที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ต้นทุนการผลิตกระดาษลูกฟูกสูงขึ้น ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตอยู่ 2.7 แสนตัน/ปี
"การเพิกถอนบริษัทฯออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯเชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหา เนื่องจากบริษัทฯมีผู้ถือหุ้นน้อยราย และที่ผ่านมา หุ้นไทยเคนเปเปอร์ก็มีสภาพคล่องน้อยมาก เนื่องจากปูนซิเมนต์ไทยถือหุ้นใหญ่ 85%"
นายเชาวลิต กล่าวว่า โรงงานผลิตกระดาษพิมพ์เขียนที่ขอนแก่นจะแล้วเสร็จกลางปีนี้ ทำให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีก 2แสนตัน โดยปีนี้จะผลิตได้ 1 แสนตัน ทำให้บริษัทฯต้องเพิ่มการส่งออกไปต่างประเทศ เนื่องจากกำลังการผลิตกระดาษพิมพ์เขียนในไทยเกินความต้องการใช้อยู่ ทำให้สัดส่วนรายได้จากการส่งออกเพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีรายได้จากการส่งออก 35%ของรายได้รวม
ส่วนโรงงานผลิตกระดาษคราฟท์ที่เวียดนาม ขนาดกำลังการผลิต 2.2 แสนตัน ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 52 พร้อมหาลู่ทางลงทุนในเวียดนามหลังเข้าทำการตลาดมาแล้ว 10 ปี ก่อนตัดสินใจตั้งโรงงานผลิตกระดาษคราฟท์ใช้เงินลงทุน 5.2 พันล้านบาท
นายเชาวลิต เอกบุตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจกระดาษ เครือซิเมนต์ไทย เปิดเผยว่า ตามที่บริษัทฯมีแผนจะเพิกถอนบริษัท ไทยเคนเปเปอร์ จำกัด (มหาชน) (TCP)ออกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยจะจัดให้มีการประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อขออนุมัติการเพิกถอนบริษัทฯในเดือนมิถุนายนนี้ เชื่อว่าบริษัทฯจะดำเนินการเพิกถอนหลักทรัพย์ฯได้ในเดือนสิงหาคมนี้
ทั้งนี้ เครือซิเมนต์ไทยถือหุ้นอยู่ในไทยเคนเปเปอร์คิดเป็นสัดส่วน 85% โดยมีหุ้นจำนวน 53 ล้านหุ้นที่จะเสนอซื้อคืนจากรายย่อยในราคาหุ้นละ 16 บาท คาดว่าจะใช้เงินในการซื้อหุ้นคืนเพื่อเพิกถอนออกจากหลักทรัพย์ฯประมาณ 850 กว่าล้านบาท หลังจากบริษัท ไทยเคนเปเปอร์ออกจากตลาดหลักทรัพย์แล้ว ทางเครือซิเมนต์ไทยคงจะเข้ามาบริหารจัดการแผนการผลิตกระดาษเพื่อให้สอดคล้องกับการผลิตของโรงงานกระดาษอื่นในเครือฯ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตให้สูงขึ้น
นายโฉลกพร ผลชีวิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยเคนเปเปอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทฯคาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 4 พันล้านบาทใกล้เคียงกับปีที่แล้ว โดยปีนี้บริษัทได้รับผลกระทบจากต้นทุนพลังงานและเศษกระดาษที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ต้นทุนการผลิตกระดาษลูกฟูกสูงขึ้น ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตอยู่ 2.7 แสนตัน/ปี
"การเพิกถอนบริษัทฯออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯเชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหา เนื่องจากบริษัทฯมีผู้ถือหุ้นน้อยราย และที่ผ่านมา หุ้นไทยเคนเปเปอร์ก็มีสภาพคล่องน้อยมาก เนื่องจากปูนซิเมนต์ไทยถือหุ้นใหญ่ 85%"
นายเชาวลิต กล่าวว่า โรงงานผลิตกระดาษพิมพ์เขียนที่ขอนแก่นจะแล้วเสร็จกลางปีนี้ ทำให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีก 2แสนตัน โดยปีนี้จะผลิตได้ 1 แสนตัน ทำให้บริษัทฯต้องเพิ่มการส่งออกไปต่างประเทศ เนื่องจากกำลังการผลิตกระดาษพิมพ์เขียนในไทยเกินความต้องการใช้อยู่ ทำให้สัดส่วนรายได้จากการส่งออกเพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีรายได้จากการส่งออก 35%ของรายได้รวม
ส่วนโรงงานผลิตกระดาษคราฟท์ที่เวียดนาม ขนาดกำลังการผลิต 2.2 แสนตัน ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 52 พร้อมหาลู่ทางลงทุนในเวียดนามหลังเข้าทำการตลาดมาแล้ว 10 ปี ก่อนตัดสินใจตั้งโรงงานผลิตกระดาษคราฟท์ใช้เงินลงทุน 5.2 พันล้านบาท
