ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินแนวโน้มค่าบาทยังแข็ง คาดทั้งปีแข็งค่าขึ้น 41%จากปีก่อน ขณะที่ภาคส่งออกไม่ทรุดหนักอย่างที่คาด รับอานิสงส์ราคาข้าวที่สูงขึ้นมาก ชี้ปีนี้ลงทุนธุรกิจเกษตร-ท่องเที่ยว-อสังหาฯ รุ่ง ส่วนธุรกิจเฟอร์นิเจอร์เสี่ยงจากการแข่งขันที่รุนแรง
นางสาวธัญญลักษณ์ วัชระชัยสุรพล ผู้จัดการฝ่ายวิจัยการเงินการธนาคาร ศูนย์วิจัยกสิกรไทย กล่าวในงานสัมมนา "ลงทุนให้ถูกทิศธุรกิจวิ่งถูกทาง" ว่า ค่าเงินบาทปีนี้มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นทั้งปี 41% จากปีก่อน รับผลจากเศรษฐกิจสหรัฐที่ตกต่ำ ทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนลงค่าอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดปัจจุบันค่าเงินบาทอยู่ที่ 31.45 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้น 6-7% แล้วจากสิ้นปี 2550 ซึ่งมองว่าค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นจะส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกในบางกลุ่มอุตสาหกรรม โดยเฉพาะกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ เช่นการส่งออกแผงวงจรไฟฟ้าในปีนี้เริ่มเห็นสัญญาณการเติบโตติดลบไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม มองว่าการส่งออกของไทยในปีนี้จะชะลอตัวลงมากอย่างที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากสินค้าเกษตรยังเติบโตดี โดยเฉพาะราคาข้าวเพิ่มสูงขึ้นมาก จากในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ราคาข้าวเพิ่มขึ้น 80-90%จากปีก่อน
สำหรับธุรกิจที่สามารถลงทุนแล้วมีแนวโน้มผลได้รับผลตอบแทนที่ดีในปีนี้ คือ ธุรกิจเกษตร ธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากราคาสินค้าเกษตรที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบันยังมีสัญญาณทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่องไปอีก 2-3 ปี เนื่องจากปัจจุบันพื้นที่ปลูกอาหารลดลง หลังจากที่เกษตรกรหันไปปลูกพืชพลังงานทดแทน ซึ่งจะส่งผลให้ราคาอาหารแพงขึ้น ขณะที่ธุรกิจท่องเที่ยวคาดว่าปีนี้การท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศจะโตขึ้น 8% มากกว่าปีก่อนที่โต 4% หรือคิดเป็นมูลค่าการเติบโตปีนี้ 600,000 ล้านบาท จึงคาดว่าจะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวด้วย ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจที่พักอาศัย อาหาร บันเทิง
ด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปีนี้มีสัญญาณเติบโตในระดับที่ดีเช่นกัน เนื่องจากความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ฟื้นตัว รวมทั้งมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาลที่ออกช่วยสนับสนุนให้ภาคอสังหาริมทรัพย์เริ่มฟื้นตัวขึ้น
ส่วนธุรกิจที่มีความเสี่ยงในปีนี้ คือ ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการส่งออกที่มีการแข่งขันรุนแรง เพราะสินค้าจากจีนและเวียดนามมีราคาต่ำกว่าไทย
นางสาวธัญญลักษณ์ วัชระชัยสุรพล ผู้จัดการฝ่ายวิจัยการเงินการธนาคาร ศูนย์วิจัยกสิกรไทย กล่าวในงานสัมมนา "ลงทุนให้ถูกทิศธุรกิจวิ่งถูกทาง" ว่า ค่าเงินบาทปีนี้มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นทั้งปี 41% จากปีก่อน รับผลจากเศรษฐกิจสหรัฐที่ตกต่ำ ทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนลงค่าอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดปัจจุบันค่าเงินบาทอยู่ที่ 31.45 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้น 6-7% แล้วจากสิ้นปี 2550 ซึ่งมองว่าค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นจะส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกในบางกลุ่มอุตสาหกรรม โดยเฉพาะกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ เช่นการส่งออกแผงวงจรไฟฟ้าในปีนี้เริ่มเห็นสัญญาณการเติบโตติดลบไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม มองว่าการส่งออกของไทยในปีนี้จะชะลอตัวลงมากอย่างที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากสินค้าเกษตรยังเติบโตดี โดยเฉพาะราคาข้าวเพิ่มสูงขึ้นมาก จากในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ราคาข้าวเพิ่มขึ้น 80-90%จากปีก่อน
สำหรับธุรกิจที่สามารถลงทุนแล้วมีแนวโน้มผลได้รับผลตอบแทนที่ดีในปีนี้ คือ ธุรกิจเกษตร ธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากราคาสินค้าเกษตรที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบันยังมีสัญญาณทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่องไปอีก 2-3 ปี เนื่องจากปัจจุบันพื้นที่ปลูกอาหารลดลง หลังจากที่เกษตรกรหันไปปลูกพืชพลังงานทดแทน ซึ่งจะส่งผลให้ราคาอาหารแพงขึ้น ขณะที่ธุรกิจท่องเที่ยวคาดว่าปีนี้การท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศจะโตขึ้น 8% มากกว่าปีก่อนที่โต 4% หรือคิดเป็นมูลค่าการเติบโตปีนี้ 600,000 ล้านบาท จึงคาดว่าจะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวด้วย ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจที่พักอาศัย อาหาร บันเทิง
ด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปีนี้มีสัญญาณเติบโตในระดับที่ดีเช่นกัน เนื่องจากความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ฟื้นตัว รวมทั้งมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาลที่ออกช่วยสนับสนุนให้ภาคอสังหาริมทรัพย์เริ่มฟื้นตัวขึ้น
ส่วนธุรกิจที่มีความเสี่ยงในปีนี้ คือ ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการส่งออกที่มีการแข่งขันรุนแรง เพราะสินค้าจากจีนและเวียดนามมีราคาต่ำกว่าไทย
