“ยูนิเวนเจอร์” ประกาศเดินหน้าธุรกิจ หลังลูกชาย “เจ้าสัวเจริญ”เข้าถือหุ้นใหญ่ พร้อมให้น้ำหนักธุรกิจอสังหาฯ 80% ของรายได้ ลุยซื้อโครงการเก่า-ที่ดินใหม่ผุดคอนโดฯ 3 โครงการผ่านแกรนด์ยูนิตี้ฯ เผยเจ้าของที่ประสบปัญหาการเงินเร่ขายโครงการเพียบ ตั้งเป้ารายได้ปี 51 กว่า 2,500 ล้านบาท
นางอรฤดี ณ ระนอง ประธานอำนวยการ บริษัทยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ UV เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่นายฐาปน และนายปณต สิริวัฒนภักดี ลูกชายเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี เข้าถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 51.99% และได้ปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ โดยให้น้ำหนักธุริจอสังหาฯเพิ่มขึ้นเป็น 78% ด้วยการลงทุนโครงการคอนโดฯผ่านบริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ ดิเวลลอปเมนท์ จำกัด(บริษัทลูก) โครงการแนวราบผ่านบริษัทปริญเวนเจอร์ จำกัด (บริษัทลูก) นอกจากนี้ มีแผนลงทุนระยะยาวในโครงการให้เช่า เช่น โรงแรม อาคารสำนักงาน เป็นต้น
ส่วนธุรกิจพลังงานมีสัดส่วน 8% ของรายได้ ขณะนี้โรงงานไฟฟ้าอยู่ระหว่างทดสอบการผลิตกระแสไฟฟ้า ในอนาคตธุรกิจมีแนวโน้มเติบเพิ่มขึ้น จากสาเหตุน้ำมันราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมี ธุรกิจผลิตและจำหน่ายผงสังกะสีอ๊อกไซด์ สัดส่วน 12% และธุรกิจอื่นๆ 2%
นายธนพล ศิริธนชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัทยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สำหรับธุรกิจอสังหาฯ ล่าสุดได้ซื้อที่ดิน 3 แปลง ในราคาประมาณ 700 ล้านบาท เพื่อพัฒนาโครงการคอนโดฯ ประมาณ 700 ยูนิต มูลค่ารวม 2,000 ล้านบาท ผ่านบริษัทแกรนด์ ยูนิตี้ฯ คาดว่าจะเริ่มทยอยเปิดตัวได้ในช่วงครึ่งปีหลัง นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างเจรจาซื้อโครงการเก่าอีก 2-3 โครงการเพื่อพัฒนาต่อ
“ 1 ใน 3 โครงการที่ซื้อมาเป็นโครงการที่ประสบปัญหาการเงินและได้มีการก่อสร้างไปแล้วบางส่วน และจากภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนวโน้มผู้ประกอบการประสบปัญหาการเงินจนไม่สามารถพัฒนาโครงการต่อไปได้มีมากขึ้น และขณะนี้อยู่ระหว่างเจราจาซื้ออยู่ 2-3 โครงการคาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆนี้ ”
อย่างไรก็ตาม การซื้อโครงการสร้างค้างหรือโครงการที่ประสบปัญหาในปัจจุบัน มีความยากมากขึ้น ต้องดูในรายละเอียดทั้งเจรจาลูกค้าเก่า ผู้รับเหมา รวมถึงการเข้าไปตรวจสอบใบอนุญาตอย่างละเอียด จากที่ในอดีตจะมีปัญหาเฉพาะกับสถาบันการเงินเท่านั้น
ส่วนแผนการพัฒนาโครงการบริเวณสี่แยกเพลินจิต-วิทยุ นั้นอยู่ระหว่างการออกแบบ ซึ่งในที่ดินแปลงดังกล่าวสามารถพัฒนาได้ประมาณ 80,000 ตารางเมตร ขณะนี้อยู่ระหว่างทุบอาคารเก่าทิ้งและเริ่มก่อสร้างได้ในช่วงปลายปีนี้ ใช้เวลาก่อสร้าง 4 ปี หลังจากสร้างเสร็จจึงจะเริ่มนับสัญญาเช่า 30 ปี ราคาเช่าประมาณ 3 แสนบาท/ตารางวา
สำหรับโครงการแนวราบลงทุนผ่านบริษัท ปริญเวนเจอร์ฯ ปัจจุบันได้ลงทุนขยาย 3 เฟสใหม่ในโครงการเดิม โดยมีมูลค่าขายประมาณ 1,500 ล้านบาท และคาดว่ารายได้ทั้งกลุ่มกว่า 2,500 ล้านบาท จากธุรกิจอสังหาฯประมาณ 1,200 ล้านบาท และผงสังกะสีฯ ประมาณ 1,300 ล้านบาท
“ปีนี้รายได้จะไม่มากนักเพราะยังเป็นช่วงลงทุน โดยในปีนี้ลงทุนไปแล้ว 1,000 ล้านบาท แต่ในปีหน้าจะมีรายได้เพิ่มมากขึ้นกว่าปีนี้อย่างแน่นอน”
นางอรฤดี ณ ระนอง ประธานอำนวยการ บริษัทยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ UV เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่นายฐาปน และนายปณต สิริวัฒนภักดี ลูกชายเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี เข้าถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 51.99% และได้ปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ โดยให้น้ำหนักธุริจอสังหาฯเพิ่มขึ้นเป็น 78% ด้วยการลงทุนโครงการคอนโดฯผ่านบริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ ดิเวลลอปเมนท์ จำกัด(บริษัทลูก) โครงการแนวราบผ่านบริษัทปริญเวนเจอร์ จำกัด (บริษัทลูก) นอกจากนี้ มีแผนลงทุนระยะยาวในโครงการให้เช่า เช่น โรงแรม อาคารสำนักงาน เป็นต้น
ส่วนธุรกิจพลังงานมีสัดส่วน 8% ของรายได้ ขณะนี้โรงงานไฟฟ้าอยู่ระหว่างทดสอบการผลิตกระแสไฟฟ้า ในอนาคตธุรกิจมีแนวโน้มเติบเพิ่มขึ้น จากสาเหตุน้ำมันราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมี ธุรกิจผลิตและจำหน่ายผงสังกะสีอ๊อกไซด์ สัดส่วน 12% และธุรกิจอื่นๆ 2%
นายธนพล ศิริธนชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัทยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สำหรับธุรกิจอสังหาฯ ล่าสุดได้ซื้อที่ดิน 3 แปลง ในราคาประมาณ 700 ล้านบาท เพื่อพัฒนาโครงการคอนโดฯ ประมาณ 700 ยูนิต มูลค่ารวม 2,000 ล้านบาท ผ่านบริษัทแกรนด์ ยูนิตี้ฯ คาดว่าจะเริ่มทยอยเปิดตัวได้ในช่วงครึ่งปีหลัง นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างเจรจาซื้อโครงการเก่าอีก 2-3 โครงการเพื่อพัฒนาต่อ
“ 1 ใน 3 โครงการที่ซื้อมาเป็นโครงการที่ประสบปัญหาการเงินและได้มีการก่อสร้างไปแล้วบางส่วน และจากภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนวโน้มผู้ประกอบการประสบปัญหาการเงินจนไม่สามารถพัฒนาโครงการต่อไปได้มีมากขึ้น และขณะนี้อยู่ระหว่างเจราจาซื้ออยู่ 2-3 โครงการคาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆนี้ ”
อย่างไรก็ตาม การซื้อโครงการสร้างค้างหรือโครงการที่ประสบปัญหาในปัจจุบัน มีความยากมากขึ้น ต้องดูในรายละเอียดทั้งเจรจาลูกค้าเก่า ผู้รับเหมา รวมถึงการเข้าไปตรวจสอบใบอนุญาตอย่างละเอียด จากที่ในอดีตจะมีปัญหาเฉพาะกับสถาบันการเงินเท่านั้น
ส่วนแผนการพัฒนาโครงการบริเวณสี่แยกเพลินจิต-วิทยุ นั้นอยู่ระหว่างการออกแบบ ซึ่งในที่ดินแปลงดังกล่าวสามารถพัฒนาได้ประมาณ 80,000 ตารางเมตร ขณะนี้อยู่ระหว่างทุบอาคารเก่าทิ้งและเริ่มก่อสร้างได้ในช่วงปลายปีนี้ ใช้เวลาก่อสร้าง 4 ปี หลังจากสร้างเสร็จจึงจะเริ่มนับสัญญาเช่า 30 ปี ราคาเช่าประมาณ 3 แสนบาท/ตารางวา
สำหรับโครงการแนวราบลงทุนผ่านบริษัท ปริญเวนเจอร์ฯ ปัจจุบันได้ลงทุนขยาย 3 เฟสใหม่ในโครงการเดิม โดยมีมูลค่าขายประมาณ 1,500 ล้านบาท และคาดว่ารายได้ทั้งกลุ่มกว่า 2,500 ล้านบาท จากธุรกิจอสังหาฯประมาณ 1,200 ล้านบาท และผงสังกะสีฯ ประมาณ 1,300 ล้านบาท
“ปีนี้รายได้จะไม่มากนักเพราะยังเป็นช่วงลงทุน โดยในปีนี้ลงทุนไปแล้ว 1,000 ล้านบาท แต่ในปีหน้าจะมีรายได้เพิ่มมากขึ้นกว่าปีนี้อย่างแน่นอน”