CRANE มองภาพธุรกิจปีนี้ยังไปได้สวย คาดรักษาการเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 10-15% ผลจากธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องยังขยายตัว เผยหลังระดมทุนช่วงต้นปีได้ชำระหนี้คืน ทำให้มีสภาพคล่องมากกว่าปีที่ผ่านมา ลุยขยายตลาดให้เช่าและจำหน่ายเครื่องจักรในประเทศใกล้เคียง ชี้ราคาน้ำมันไม่มีผลกระทบนัก และค่าบาทแข็งทำให้การนำเข้าราคาต่ำลง
นายธงไชย แพรรังสี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชูไก จำกัด (มหาชน)(CRANE) เปิดเผยถึงการดำเนินงานในปี 2551 ว่าจะขยายตัวในทิศทางที่ดีจากปี 50 เนื่องจากช่วงต้นปีนี้ บริษัทฯ ได้รับเงินจากการขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไป และได้นำไปชำระหนี้เงินกู้สถาบันการเงิน และที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนภายในกิจการ ทำให้ภาระหนี้สินลดลงมาก และมีสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจเพิ่มขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกันในภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจของ CRANE อาทิ กลุ่มลูกค้าธุรกิจปิโตรเคมี โรงกลั่น โรงไฟฟ้า ธุรกิจท่าเรือ การนำเข้าส่งออก ธุรกิจลอจิสติกส์ รวมถึงกลุ่มธุรกิจโรงเหล็ก และโรงงานน้ำตาล ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ส่งผลในทางบวกต่อธุรกิจของบริษัท เพราะทำให้มีธุรกรรมด้านการก่อสร้าง การขนส่ง และการซ่อมบำรุงโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ประจำปีเพิ่มขึ้น
" ปีนี้ บริษัทฯ จะพยายามรักษาระดับการเจริญเติบโตให้อยู่ที่ 10-15% ต่อปี เป็นผลจากเข้าจดทะเบียนในตลาด mai ทำให้ CRANE มีศักยภาพในการหาแหล่งเงินทุน เพื่อลงทุนซื้อรถเครน และเครื่องจักรอื่นๆ เพื่อนำมาจำหน่ายและให้เช่าได้มากขึ้น ขณะที่การดำเนินธุรกิจก็ได้แรงหนุนจากภาคอุตสาหกรรมที่ขยายตัวทำให้มีธุรกรรมมากขึ้น ทำให้เรามีงานเพิ่ม " นายธงไชยกล่าว
สำหรับการแข่งขันของธุรกิจให้เช่ารถเครน และเครื่องจักรกลหนัก จัดว่าอยู่ในระดับที่ไม่สูงมากนัก โดย CRANE มีคู่แข่งที่เป็นบริษัทของต่างชาติ 2-3 แห่ง ซึ่งโดดเด่นกว่าในด้านเทคโนโลยีและประสบการณ์ที่มากกว่า แต่ก็มีจุดอ่อนคือบริษัทต่างชาติ ไม่มีรถเครนขนาดใหญ่ที่มีความสามารถในการยกสูงอยู่ประจำในประเทศไทย แต่ต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศ ซึ่งทำให้มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าบริษัทฯ และไม่สามารถแข่งขันด้านราคาได้หากเป็นงานระยะสั้น
ขณะที่ CRANE มีจุดเด่นเพราะเป็นบริษัทฯ ที่มีฐานประกอบการและเครื่องจักรให้บริการอยู่ในประเทศเป็นจำนวนมาก ทำให้ได้เปรียบด้านต้นทุนการให้บริการ และการที่บริษัทมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องด้านคุณภาพของบุคลากร พร้อมให้ความสำคัญสูงสุดด้านความปลอดภัยในการให้บริการ รวมถึงการพัฒนาการให้บริการด้วยรถเครนที่มีความสามารถในการยกสูงขึ้นและเป็นรถใหม่มากขึ้น และได้มาตรฐานครบ
ส่วนปัญหาเรื่องค่าน้ำมันที่สูงขึ้นไม่ถือว่ามีผลกระทบต่อธุรกิจมากนัก เนื่องจากภาระค่าน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นภาระค่าใช้จ่ายของลูกค้ากรณีเป็นการเช่าระยะยาว ส่วน CRANE รับผิดชอบค่าใช้จ่ายน้ำมัน กรณีเป็นการเช่ารายวัน แต่ก็เป็นผลดีต่อบริษัทที่การแข็งค่าของเงินบาท เพราะการซื้อเครื่องจักรนำเข้าได้ในราคาต่ำลง ขณะที่การส่งออกบริษัทฯ จะขายเครื่องจักร เมื่อได้คำนวณราคาเครื่องจักรเป็นเงินบาท และเห็นว่าเป็นราคาที่เหมาะสมแล้วเท่านั้นจึงจะตกลงขาย
นายธงไชยกล่าวต่อว่าการขยายตลาดในปีนี้ว่า CRANE จะขยายตลาดการให้เช่าเครื่องจักร และการจำหน่ายไปยังประเทศใกล้เคียง คือ สิงคโปร์ มาเลเซีย บรูไน อินโดนีเซีย อินเดีย พม่า ลาว เวียดนาม และบริษัทในกลุ่มตะวันออกกลาง ซึ่งได้เริ่มดำเนินการไปแล้วในหลายประเทศ และอยู่ในขั้นตอนการเจรจาอีกหลายบริษัทในประเทศเช่นกัน ขณะที่มีแผนซื้อรถเครน และเครื่องจักรอื่นๆ เพิ่มขึ้น โดยประเมินจากแนวโน้มความต้องการในตลาดเป็นสำคัญ
นายธงไชย แพรรังสี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชูไก จำกัด (มหาชน)(CRANE) เปิดเผยถึงการดำเนินงานในปี 2551 ว่าจะขยายตัวในทิศทางที่ดีจากปี 50 เนื่องจากช่วงต้นปีนี้ บริษัทฯ ได้รับเงินจากการขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไป และได้นำไปชำระหนี้เงินกู้สถาบันการเงิน และที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนภายในกิจการ ทำให้ภาระหนี้สินลดลงมาก และมีสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจเพิ่มขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกันในภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจของ CRANE อาทิ กลุ่มลูกค้าธุรกิจปิโตรเคมี โรงกลั่น โรงไฟฟ้า ธุรกิจท่าเรือ การนำเข้าส่งออก ธุรกิจลอจิสติกส์ รวมถึงกลุ่มธุรกิจโรงเหล็ก และโรงงานน้ำตาล ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ส่งผลในทางบวกต่อธุรกิจของบริษัท เพราะทำให้มีธุรกรรมด้านการก่อสร้าง การขนส่ง และการซ่อมบำรุงโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ประจำปีเพิ่มขึ้น
" ปีนี้ บริษัทฯ จะพยายามรักษาระดับการเจริญเติบโตให้อยู่ที่ 10-15% ต่อปี เป็นผลจากเข้าจดทะเบียนในตลาด mai ทำให้ CRANE มีศักยภาพในการหาแหล่งเงินทุน เพื่อลงทุนซื้อรถเครน และเครื่องจักรอื่นๆ เพื่อนำมาจำหน่ายและให้เช่าได้มากขึ้น ขณะที่การดำเนินธุรกิจก็ได้แรงหนุนจากภาคอุตสาหกรรมที่ขยายตัวทำให้มีธุรกรรมมากขึ้น ทำให้เรามีงานเพิ่ม " นายธงไชยกล่าว
สำหรับการแข่งขันของธุรกิจให้เช่ารถเครน และเครื่องจักรกลหนัก จัดว่าอยู่ในระดับที่ไม่สูงมากนัก โดย CRANE มีคู่แข่งที่เป็นบริษัทของต่างชาติ 2-3 แห่ง ซึ่งโดดเด่นกว่าในด้านเทคโนโลยีและประสบการณ์ที่มากกว่า แต่ก็มีจุดอ่อนคือบริษัทต่างชาติ ไม่มีรถเครนขนาดใหญ่ที่มีความสามารถในการยกสูงอยู่ประจำในประเทศไทย แต่ต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศ ซึ่งทำให้มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าบริษัทฯ และไม่สามารถแข่งขันด้านราคาได้หากเป็นงานระยะสั้น
ขณะที่ CRANE มีจุดเด่นเพราะเป็นบริษัทฯ ที่มีฐานประกอบการและเครื่องจักรให้บริการอยู่ในประเทศเป็นจำนวนมาก ทำให้ได้เปรียบด้านต้นทุนการให้บริการ และการที่บริษัทมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องด้านคุณภาพของบุคลากร พร้อมให้ความสำคัญสูงสุดด้านความปลอดภัยในการให้บริการ รวมถึงการพัฒนาการให้บริการด้วยรถเครนที่มีความสามารถในการยกสูงขึ้นและเป็นรถใหม่มากขึ้น และได้มาตรฐานครบ
ส่วนปัญหาเรื่องค่าน้ำมันที่สูงขึ้นไม่ถือว่ามีผลกระทบต่อธุรกิจมากนัก เนื่องจากภาระค่าน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นภาระค่าใช้จ่ายของลูกค้ากรณีเป็นการเช่าระยะยาว ส่วน CRANE รับผิดชอบค่าใช้จ่ายน้ำมัน กรณีเป็นการเช่ารายวัน แต่ก็เป็นผลดีต่อบริษัทที่การแข็งค่าของเงินบาท เพราะการซื้อเครื่องจักรนำเข้าได้ในราคาต่ำลง ขณะที่การส่งออกบริษัทฯ จะขายเครื่องจักร เมื่อได้คำนวณราคาเครื่องจักรเป็นเงินบาท และเห็นว่าเป็นราคาที่เหมาะสมแล้วเท่านั้นจึงจะตกลงขาย
นายธงไชยกล่าวต่อว่าการขยายตลาดในปีนี้ว่า CRANE จะขยายตลาดการให้เช่าเครื่องจักร และการจำหน่ายไปยังประเทศใกล้เคียง คือ สิงคโปร์ มาเลเซีย บรูไน อินโดนีเซีย อินเดีย พม่า ลาว เวียดนาม และบริษัทในกลุ่มตะวันออกกลาง ซึ่งได้เริ่มดำเนินการไปแล้วในหลายประเทศ และอยู่ในขั้นตอนการเจรจาอีกหลายบริษัทในประเทศเช่นกัน ขณะที่มีแผนซื้อรถเครน และเครื่องจักรอื่นๆ เพิ่มขึ้น โดยประเมินจากแนวโน้มความต้องการในตลาดเป็นสำคัญ
