ในยามที่บ้านเมืองกำลังมีการเปลี่ยนแปลงหลายๆเรื่องอย่างรวดเร็ว ผมระลึกถึงพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระผู้ทรงเป็นที่รักเทอดทูนยิ่งของปวงชนชาวไทย เมื่อคราวปีใหม่ 2550 ที่ให้ประชาชนคนไทย ให้ "กำลังใจ" แก่กันและกัน
ผมเชื่อว่า สิ่งดีๆ ที่คนเราสามารถทำได้ง่ายๆ และตลอดเวลา คือการให้ "กำลังใจ" แก่กันและกัน **โดยเฉพาะบางคนที่อาจต้องการกำลังใจเป็นพิเศษในบางช่วงบางเวลา
หลายๆครั้ง คนเราที่จมอยู่กับความทุกข์ ความกังวล มองโลกว่าเป็นทุกข์ "กำลังใจ" ช่วยสร้างแสงสว่างให้เกิดทัศคติที่เป็นบวก ** และมองโลกว่าเป็นสุข และทำให้เกิดพลังใจได้คนที่กำลังเผชิยปัญหาทิ่คิดว่ายาก "กำลังใจ" ช่วยให้ต่อสู้ปัญหาไปได้อย่างเข้มแข็งหลายๆคนที่ยังทำความไม่ดี ทั้งๆที่รู้ว่ามันไม่ดี และอยากทำความดี อยากยืนหยัดในความดี อยากกลับตัวกลับใจเป็นคนดี ก็ต้องการ "กำลังใจ" เช่นกัน
ผมมีความประทับใจใน เลนา มาเรีย (Lena Maria) ศิลปินนักร้องชาวสวีเดนที่มีชื่อเป็นที่คุ้นหูและมีบุคลิกภาพเป็นที่คุ้นตาของผู้มีดนตรีในหัวใจทั่วโลก ในฐานะนักสู้เพื่อความสุข เธอเป็นนักร้องที่พิการมาตั้งแต่กำเนิด เธอไม่มีแขน และขาข้างหนึ่งสั้นเพียงครึ่งหนึ่งของขาอีกข้างหนึ่ง แต่เธอมีทัศนคติที่เป็นบวกอย่างน่ายกย่องเป็นแบบอย่าง ผู้คนเห็นเธอร้องเพลงอย่างมีพลัง และมีความสุข แล้วทำให้หลายคนคิดได้ว่า "ขนาดเธอมีความจำกัดอย่างนี้ในชีวิตของเธอ เธอยังมองโลกอย่างมีความสุข และมีความรักมากมายที่จะแบ่งปันให้ผู้คนมากมาย" ผมเคยซื้อหนังสือ "บันทึกด้วยรอยเท้า" (Footnote) ซึ่งเป็นอัตชีวประวัติและประสบการณ์ที่เขียนขึ้นโดยเธอเอง และ ดีวีดี "พลังแห่งแสงเทียน" เพื่อเป็นของขวัญที่ให้กำลังใจแก่ผู้คนมากมาย ผู้สนใจเรื่องราวของเธอ อาจคลิกเข้าไปดูที่ http://www.lenamaria.com/english/index.php
ตัวอย่างบทเรียนดี ๆ จากเธอ เช่น เธอเชื่อว่า " เราทุกๆคน ถูกสร้างมาอย่างมีความหมาย และมีคุณค่าเฉกเช่นเดียวกันในโลกนี้" **คนเราย่อมต่างกันบ้าง มีสมบัติต่างๆไม่เหมือนกัน ไม่เท่ากัน แต่หากคิดได้อย่างเธอ ทุกคนก็ไม่ต้องเปรียบเทียบกัน ไม่ต้องอิจฉากัน ไม่มีใครที่ควรจะต้องน้อยใจในชีวิต เพราะเรื่องสมบัติภายนอกเหล่านั้น** ไม่ใช่เรื่องใหญ่ของชีวิต ไม่ต้องเชื่อว่ามีสมบัติมาก จึงมีความสุขมาก เพราะแต่ละคน เมื่อชื่นชมยินดีในชีวิตของตัว ในเงื่อนไขของตัวเอง เราก็มีความสุขเธอยังให้บทเรียนสำคัญอีกเรื่องถึงเคล็ดลับของการมีความสุข คือ "ถ้าเราเรียนรู้ที่จะมีความสุขในเรื่องเล็กน้อย เราก็จะมีความสุขตลอดไป"
บริษัท หลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) จึงได้ร่วมสนับสนุนคอนเสิร์ต " ลีนา มาเรีย" ซึ่งจะจัดขึ้น ณ สยาม ภาวลัย เธียร์เตอร์ พารากอน ซีนีเพล็กซ์ ชั้น 6 สยามพารากอน ในวันที่ 28, 29 และ 30 มีนาคม 2551 เวลาแสดง 19.00 น. เพียง 3 รอบเท่านั้น งานคอนเสิร์ต "กำลังใจ" ครั้งนี้ จัดโดย บริดจ์ คอมมูนิเคชัน ผู้สรรหาหนังสือดีๆมาให้สำนักพิมพ์แปลมากมายสำหรับนักอ่านหนังสือชาวไทย
โดยจัดร่วมกับ บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) เพื่อจุดประกาย ให้กำลังใจกับคนไทยมากมายในสภาวะปัจจุบัน ผมเห็นการ "ให้" ของกลุ่ม เมเจอร์ฯ แล้วผมประทับใจจริงๆ ถึงขั้นให้ใช้โรงภาพยนตร์ที่ดีที่สุด และสวยที่สุด เพื่อการนี้ถึง 3 วันเต็ม เป็นน้ำใจที่เต็มเปี่ยมด้วยความหวังดีจริงๆ ปตท. ก็ได้มีโอกาสสนับสนุนการจัดงานครั้งนี้ นับเป็นกิจการชั้นนำของประเทศที่ยังรักษาการให้ประโยชน์แก่สังคมอยู่ตลอดเวลาอย่างน่ายกย่องอย่างยิ่งอีกกลุ่มหนึ่งที่เป็นผู้สนับสนุนหลัก คือ กลุ่มบริษัท จี สตีล จำกัด (มหาชน) ก็เป็นอีกบริษัทหนึ่งที่ต่อสู้ผ่านวิกฤตท่ามกลางข้อจำกัดมากมาย และหวังจะคืนประโยชน์ให้กับสังคม
ผมเชื่อว่า คอนเสิร์ต "กำลังใจ" ในครั้งนี้ จะมีคุณค่าอย่างยิ่งสำหรับการให้กำลังใจแก่คนที่เรารัก ผู้สนใจ สามารถติดต่อซื้อบัตรได้ที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ โทร.0-2262-3456 หรือ www.thaiticketmajor.com รายได้ส่วนหนึ่งสมทบทุนมูลนิธิคริสเตียนเพื่อเด็กพิการในประเทศไทย
ผมได้มีโอกาสตอบคำถามว่า "มูลนิธิคริสเตียนเพื่อเด็กพิการในประเทศไทย ช่วยเหลือเฉพาะคนพิการที่เป็นคริสเตียนหรือไม่ ? " ผมก็อยากเรียนว่า เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อ "ทุกคน" ที่วางใจในพระบุตรนั้น จะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์" ผมไม่ได้เชื่อในความรักของพระองค์มาตั้งแต่เกิด แต่พระองค์ทรงสละชีวิต ไถ่ผมไว้ด้วยความรักแล้ว พระอาทิตย์ก็ยังส่องสว่างกับทุกๆคนเหมือนกัน หากโลกนี้ พระเจ้าจะแสดงความรักเฉพาะคนดี จะส่องแสงสว่างเฉพาะคนดี โลกนี้ก็คงมืดเหลือเกิน ความรักของพระองค์จึงมาถึงทุกๆคน มูลนิธิคริสเตียนเพื่อเด็กพิการในประเทศไทย ก็เป็นมูลนิธิของกลุ่มคริสเตียนกลุ่มหนึ่งที่ให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือเด็กพิการที่ด้อยโอกาสโดยทั่วไปของประเทศไทย
**สังคมที่แบ่งแยกกัน ไม่สามัคคีกัน ก็มีแต่ความมืดมากมาย **
เมื่อมองสังคมไทยในขณะนี้ เราจึงไม่ควรเชื่อว่า** การตัดสินคน เป็นเพียงเพราะ "ใครเป็นพวกใคร"สังคมจะขาดความสามัคคี เราจึงควรให้โอกาส พิจารณาคดีความตามเนื้อผ้า ตามหลักฐาน และเหตุผลอย่างเป็นธรรมกับทุกฝ่าย** ดังนี้ ก็จะเป็นสังคมแห่งความสว่าง และเชื่อว่า บ้านเมืองจะเดินก้าวหน้าไปได้ในความสว่างอย่างยั่งยืนครับ
มนตรี ศรไพศาล
(montree4life@yahoo.com)