xs
xsm
sm
md
lg

KBANK ปล่อยกู้เอสเอ็มอียาว 10 ปี หนุนขยายธุรกิจ-เสริมสภาพคล่อง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ธนาคารกสิกรไทยดันธุรกิจเอสเอ็มอีขยายกิจการ ปล่อยกู้ระยะยาวสูงถึง 10 ปี รับเงินใน 10 วัน วงเงินสูงสุด 12 ล้านบาท ตั้งเป้าหมายกระตุ้นสินเชื่อใหม่ได้ 5 พันล้านบาท ส่งให้ปีนี้ครองส่วนแบ่งตลาด 30% ตามคาด ชี้เอ็นพีแอลยังไม่มีสัญญาณอันตราย

นายชาติชาย สุนทรเกียรติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารกสิกรไทยได้ออกบริการสินเชื่อระยะยาวเพื่อธุรกิจเอสเอ็มอีกสิกรไทย (K-SME Extend) ซึ่งเป็นสินเชื่อที่มีระยะเวลาในการผ่อนชำระนานสูงสุดถึง 10 ปี ซึ่งเป็นบริการที่ช่วยตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ทั้งการสนับสนุนเงินลงทุนในการขยายกิจการ และช่วยเสริมสภาพคล่องของธุรกิจในช่วงเวลาที่กำลังขยายกิจการ ซึ่งจะใช้ระยะเวลาในการคืนทุนนานกว่าการลงทุนเพื่อการดำเนินธุรกิจในเวลาปกติ ทำให้ลูกค้ามีความมั่นใจในแหล่งเงินที่แน่นอนในการลงทุนธุรกิจระยะยาว และช่วยลดภาระในการผ่อนชำระคืนเงินต้นของลูกค้าในแต่ละปีด้วย

สำหรับอัตราดอกเบี้ยนั้นจะอิงกับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี(เอ็มแอลอาร์) บวกสูงสุด 1.75% โดยจะขึ้นอยู่กับวงเงินและระยะเวลากู้ รวมถึงพิจารณาโครงการและประเภทของธุรกิจที่ผู้ขอกู้จะทำไปลงทุน โดยกลุ่มเป้าหมายของบริการนี้จะอยู่ในกลุ่มของ Small SME และกลุ่ม Micro SME เนื่องจากกลุ่มดังกล่าวจะเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ยากกว่ากลุ่มเอสเอ็มอีขนาดกลาง Medium SME โดยปัจจุบันธนาคารมีพอร์ตสินเชื่อในกลุ่มเอสเอ็มอีประมาณ 3 แสนล้านบาท โดยเป็นกลุ่ม Small SME 8 หมื่นล้านบาท หรือเป็นจำนวนรายประมาณ 4.5 หมื่นราย กลุ่ม Micro SME 3 หมื่นล้านบาท หรือเป็นจำนวนรายประมาณ 2.2 แสนราย โดยธนาคารตั้งเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อใน 2 กลุ่มนี้ไว้ที่ 30% และมีจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้น 20% ส่วนกลุ่ม Medium SME ปัจจุบันมียอดสินเชื่อยู่ที่ 1.9 แสนล้านบาท

ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล)ของสินเชื่อเอสเอ็มอียังถือว่าไม่น่าเป็นห่วง แม้ว่าจะมีการขยับขึ้น-ลง และมีการชำระล่าช้าบ้าง ซึ่งในช่วงเวลาที่ผ่านมา 2 เดือน ที่ผ่านมายังไม่เห็นสัญญาณอันตรายแต่อย่างใด โดยเอ็นพีแอลโดยรวมของธนาคารในปัจจุบันอยู่ที่ 5%

"โดยการเติบโตของธุรกิจเอสเอ็มอีถือเป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่ง ที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตต่อไป ซึ่งในปัจจุบันผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่มีความประสงค์จะขยายกิจการ และจำเป็นจะต้องใช้เงินทุนจำนวนมากในการลงทุนรูปแบบต่างๆ เช่น การลงทุนเพื่อซื้อสินทรัพย์ถาวร การลงทุนเพื่อซื้อธุรกิจ หรือการจัดหาเงินเพื่อใช้ทดแทนหนี้ระยะยาว ซึ่งการลงทุนเพื่อขยายกิจการเหล่านี้ต้องใช้เวลาค่อนข้างนานจึงจะคืนทุน และอาจยาวนานกว่าระยะเวลาผ่อนชำระสินเชื่อระยะยาวปกติ คือ 5 ปี" นายชาติชายกล่าว

นายปกรณ์ พรรธนะแพทย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า บริการสินเชื่อระยะยาวเพื่อธุรกิจเอสเอ็มอีกสิกรไทย (K-SME Extend) เป็นสินเชื่อในรูปแบบเงินกู้ระยะยาว วงเงินกู้เบิกเงินเกินบัญชี และตั๋วสัญญาใช้เงิน สำหรับลูกค้าผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่มีระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุดถึง 10 ปี ซึ่งยาวที่สุดเมื่อเทียบกับสถาบันการเงินอื่น ๆในระบบ มีวงเงินกู้สูงถึง 12 ล้านบาท โดยจะทราบผลการอนุมัติภายใน 3 วันทำการ และรับเงินได้ภายใน 10 วันทำการ

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ใช้บริการต้องมีรายได้รวมไม่เกิน 50 ล้านบาทต่อปี โดยสามารถนำที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่ใช้เป็นสถานประกอบการหลัก เช่น ที่ดินพร้อมโรงงาน หรือที่ดินพร้อมโกดัง หรือบ้านที่เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้กู้ หรือผู้เกี่ยวข้องใกล้ชิด มาใช้เป็นหลักประกันการกู้ได้

สำหรับสินเชื่อ K-SME Extend ขณะนี้มีผู้สนใจยื่นขอสินเชื่อดังกล่าวรวมประมาณ 450 ล้านบาท โดยธนาคารกสิกรไทยตั้งเป้าหมายปี 2551 สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่จาก K-SME Extend ได้ 5,000 ล้านบาท และจะมียอดการปล่อยสินเชื่อเอสเอ็มอีเติบโตทั้งสิ้น 60,000 ล้านบาท หรือขยายตัว 20-21% จากปี 2550 พร้อมทั้งเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดจากในปี 2550 อยู่ที่ระดับ 25-27% ขึ้นมาเป็น 30%

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการ ครั้งที่ 2/2551 ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2551 มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผล หุ้นสามัญในอัตราหุ้นละ 2.00 บาท และเนื่องจากธนาคารได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2550 ในอัตราหุ้นละ 0.50 บาท จึงจะจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายอีกในอัตราหุ้นละ 1.50 บาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นของธนาคารที่มีชื่อปรากฏอยู่ในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 17 เมษายน 2551 เวลา 12.00 น. และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 28 เมษายน 2551

การจ่ายเงินปันผลในอัตราดังกล่าวข้างต้นเป็นอัตราที่คณะกรรมการธนาคารพิจารณาเห็นว่าเหมาะสม ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 31.88 ของกำไรสุทธิ ประจำปี 2550 โดยทำให้ธนาคารยังคงมีเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง สามารถรองรับการเจริญเติบโตและการขยายตัวทางธุรกิจของธนาคารได้อย่างต่อเนื่อง
กำลังโหลดความคิดเห็น