ITV งวดสิ้นปี50 บักโกรกขาดทุนอ่วม 2,721 ล้านบาท โดยขาดทุนเพิ่มจากงวดเดียวกันของปี 49 ถึง 53% เนื่องจากบริษัทถูกบอกเลิกสัญญาเข้าร่วมงาน ทำให้ไม่มีรายได้จากการประกอบกิจการสถานีโทรทัศน์ไอทีวีนับจาก 8 มีนาคม 50 เป็นต้นมา ส่งผลให้รายได้ลดลง 84% และมีรายจ่ายอันเกี่ยวเนื่องจากการถูกบอกเลิกสัญญาเข้าร่วมงานฯก่อนครบกำหนด และบันทึกบัญชีสำรองเผื่อการด้อยค่าของสินทรัพย์ที่ใช้ ดำเนินกิจการสถานีโทรทัศน์ 1,962 ล้านบาท และผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็นต่องบการเงินของ ITV ขณะที่ SATTEL ฟื้นกำไร อันเป็นผลจากกำไรการขายหุ้นของ Shenington และรายได้และต้นทุนจากการขายและบริการลดลงจากปีก่อน เพราะลดสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทย่อย
นายสมคิด หวังเชิดชูวงศ์ ประธานกรรมการ บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ( ITV ) แจ้งผลการดำเนินงานงวดสิ้นปี 50 สิ้นสุด 31 ธันวาคม 50 ว่าบริษัทฯ มีขาดทุนสุทธิ 2,721 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 1,783 ล้านบาท ผลขาดทุนที่เพิ่มขึ้นจำนวน 938 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 52.61 %
เนื่องจากการที่บริษัทฯ ถูกบอกเลิกสัญญาเข้าร่วมงานฯ เมื่อวันที่ 7 มีนาคม50 ทำให้บริษัทไม่มีรายได้จากการประกอบกิจการสถานีโทรทัศน์ไอทีวี นับแต่วันที่ 8 มีนาคม 50 เป็นต้นมา และแม้ว่าการบอกเลิกสัญญาเข้าร่วมงานฯ ดังกล่าวของสำนักงานปลัดสำนักนายกฯ นั้น ยังคงเป็นประเด็นข้อพิพาทที่อยู่ในระหว่างการดำเนินกระบวนพิจารณาของคณะอนุญาโตตุลาการในสถาบันอนุญาโตตุลาการ แต่ตามหลักมาตรฐานการบัญชี บริษัทฯจำเป็นต้องรับรู้ขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ตามสัญญาเข้าร่วมงานฯจำนวน 1,962 ล้านบาท
นอกจากนี้ ในปี50 บริษัทฯ มีรายได้เพียง 352 ล้านบาท ขณะที่ปี 49 มีรายได้ 2,158 ล้านบาท หรือลดลงถึง 84% เนื่องจากบริษัทฯ ไม่มีรายได้ค่าบริการโฆษณาจากการประกอบธุรกิจสถานีโทรทัศน์ นับแต่วันที่ 8 มีนาคม 50 เป็นต้นมา โดยบริษัทฯ มีเพียงรายได้จากดอกเบี้ยรับ รายได้จากการประกอบกิจการของบริษัทย่อยเท่านั้น และไตรมาสแรก บริษัทฯมีรายจ่ายอันเกี่ยวเนื่องจากการถูกบอกเลิกสัญญาเข้า ร่วมงานฯก่อนครบกำหนด และบันทึกบัญชีสำรองเผื่อการด้อยค่าของสินทรัพย์ที่ใช้ ดำเนินกิจการสถานีโทรทัศน์ 1,962 ล้านบาท
ขณะที่ตลาดหลักทรัพย์ เตือนนักลงทุนและผู้ถือหุ้นพิจารณาความเห็นของผู้สอบบัญชี เนื่องจาก ITV ได้นำส่งงบการเงินสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 50 ฉบับที่ผ่านการตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีมายังตลาดหลักทรัพย์ โดยผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็นต่องบการเงินของบริษัท ทำให้ตัวเลขผลการดำเนินงานและฐานะการเงินของบริษัทที่ปรากฏในงบการเงินอาจไม่แสดงค่าที่แท้จริงของกิจการซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์อาจสั่งการให้บริษัทแก้ไขงบการเงินได้ และห้ามการซื้อขายหลักทรัพย์ เพราะ อยู่ระหว่างการแก้ไขคุณสมบัติในการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน
นายธนฑิต เจริญจันทร์ รองกรรมการผู้อำนวยการส่วนงานการเงินและบัญชี บริษัท ชินแซทเทลไลท์ จำกัด (มหาชน) (SATTEL) แจ้งผลดำเนินงานปี 50 ว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 3,039.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,085.28 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 45.55 ล้านบาท ทำให้กำไรสุทธิต่อหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 2.78 บาท จากเดิมที่ขาดทุนสุทธิต่อหุ้น 0.04 บาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 6,773.39%
เนื่องจากในปีนี้บริษัทมีรายได้รวม 12,799 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.6% จากปีก่อน จากการจำหน่ายหุ้นสามัญของ Shenington ในสัดส่วน 49% ให้แก่ บริษัท เอเชีย โมบาย โฮล์ดิ้งส พีทีอี จำกัด (AMH) 5,127 ล้านบาท โดยหลังจากขายหุ้นสามัญของ Shenington เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 50 ทำให้รับรู้รายได้และรายจ่ายของบริษัท กัมพูชา ชินวัตร จำกัด และของบริษัท ลาวเทเลคอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด (LTC) ในอัตราที่ลดล ส่งผลให้ในปี50 บริษัทให้รายได้และต้นทุนจากการขายและบริการลดลงจากปี49 แต่ก็มีส่วนได้เสียในบริษัทร่วมเพิ่ม ขณะที่รายได้
จากการให้บริการอินเทอร์เน็ตและสื่อเพิ่มขึ้น 203.8%
สำหรับปี 50 บริษัทมีการส่งมอบอุปกรณ์ปลายทางของไอพีสตาร์ ) ให้แก่ลูกค้า 104,067 ตัว และในปี 50 ที่ผ่านมาบริษัทได้ดำเนินการติดตั้งสถานีภาคพื้นดินไอพีสตาร์รุ่นที่สองเพิ่มเติม 4 แห่งในมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ และอินโดนีเซีย และมีแผนที่จะขยายพื้นที่ให้บริการต่อไปในประเทศที่เหลืออยู่ในเอเชีย-แปซิฟิกภายในปี 51
นายสมคิด หวังเชิดชูวงศ์ ประธานกรรมการ บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ( ITV ) แจ้งผลการดำเนินงานงวดสิ้นปี 50 สิ้นสุด 31 ธันวาคม 50 ว่าบริษัทฯ มีขาดทุนสุทธิ 2,721 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 1,783 ล้านบาท ผลขาดทุนที่เพิ่มขึ้นจำนวน 938 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 52.61 %
เนื่องจากการที่บริษัทฯ ถูกบอกเลิกสัญญาเข้าร่วมงานฯ เมื่อวันที่ 7 มีนาคม50 ทำให้บริษัทไม่มีรายได้จากการประกอบกิจการสถานีโทรทัศน์ไอทีวี นับแต่วันที่ 8 มีนาคม 50 เป็นต้นมา และแม้ว่าการบอกเลิกสัญญาเข้าร่วมงานฯ ดังกล่าวของสำนักงานปลัดสำนักนายกฯ นั้น ยังคงเป็นประเด็นข้อพิพาทที่อยู่ในระหว่างการดำเนินกระบวนพิจารณาของคณะอนุญาโตตุลาการในสถาบันอนุญาโตตุลาการ แต่ตามหลักมาตรฐานการบัญชี บริษัทฯจำเป็นต้องรับรู้ขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ตามสัญญาเข้าร่วมงานฯจำนวน 1,962 ล้านบาท
นอกจากนี้ ในปี50 บริษัทฯ มีรายได้เพียง 352 ล้านบาท ขณะที่ปี 49 มีรายได้ 2,158 ล้านบาท หรือลดลงถึง 84% เนื่องจากบริษัทฯ ไม่มีรายได้ค่าบริการโฆษณาจากการประกอบธุรกิจสถานีโทรทัศน์ นับแต่วันที่ 8 มีนาคม 50 เป็นต้นมา โดยบริษัทฯ มีเพียงรายได้จากดอกเบี้ยรับ รายได้จากการประกอบกิจการของบริษัทย่อยเท่านั้น และไตรมาสแรก บริษัทฯมีรายจ่ายอันเกี่ยวเนื่องจากการถูกบอกเลิกสัญญาเข้า ร่วมงานฯก่อนครบกำหนด และบันทึกบัญชีสำรองเผื่อการด้อยค่าของสินทรัพย์ที่ใช้ ดำเนินกิจการสถานีโทรทัศน์ 1,962 ล้านบาท
ขณะที่ตลาดหลักทรัพย์ เตือนนักลงทุนและผู้ถือหุ้นพิจารณาความเห็นของผู้สอบบัญชี เนื่องจาก ITV ได้นำส่งงบการเงินสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 50 ฉบับที่ผ่านการตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีมายังตลาดหลักทรัพย์ โดยผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็นต่องบการเงินของบริษัท ทำให้ตัวเลขผลการดำเนินงานและฐานะการเงินของบริษัทที่ปรากฏในงบการเงินอาจไม่แสดงค่าที่แท้จริงของกิจการซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์อาจสั่งการให้บริษัทแก้ไขงบการเงินได้ และห้ามการซื้อขายหลักทรัพย์ เพราะ อยู่ระหว่างการแก้ไขคุณสมบัติในการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน
นายธนฑิต เจริญจันทร์ รองกรรมการผู้อำนวยการส่วนงานการเงินและบัญชี บริษัท ชินแซทเทลไลท์ จำกัด (มหาชน) (SATTEL) แจ้งผลดำเนินงานปี 50 ว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 3,039.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,085.28 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 45.55 ล้านบาท ทำให้กำไรสุทธิต่อหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 2.78 บาท จากเดิมที่ขาดทุนสุทธิต่อหุ้น 0.04 บาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 6,773.39%
เนื่องจากในปีนี้บริษัทมีรายได้รวม 12,799 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.6% จากปีก่อน จากการจำหน่ายหุ้นสามัญของ Shenington ในสัดส่วน 49% ให้แก่ บริษัท เอเชีย โมบาย โฮล์ดิ้งส พีทีอี จำกัด (AMH) 5,127 ล้านบาท โดยหลังจากขายหุ้นสามัญของ Shenington เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 50 ทำให้รับรู้รายได้และรายจ่ายของบริษัท กัมพูชา ชินวัตร จำกัด และของบริษัท ลาวเทเลคอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด (LTC) ในอัตราที่ลดล ส่งผลให้ในปี50 บริษัทให้รายได้และต้นทุนจากการขายและบริการลดลงจากปี49 แต่ก็มีส่วนได้เสียในบริษัทร่วมเพิ่ม ขณะที่รายได้
จากการให้บริการอินเทอร์เน็ตและสื่อเพิ่มขึ้น 203.8%
สำหรับปี 50 บริษัทมีการส่งมอบอุปกรณ์ปลายทางของไอพีสตาร์ ) ให้แก่ลูกค้า 104,067 ตัว และในปี 50 ที่ผ่านมาบริษัทได้ดำเนินการติดตั้งสถานีภาคพื้นดินไอพีสตาร์รุ่นที่สองเพิ่มเติม 4 แห่งในมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ และอินโดนีเซีย และมีแผนที่จะขยายพื้นที่ให้บริการต่อไปในประเทศที่เหลืออยู่ในเอเชีย-แปซิฟิกภายในปี 51