กสิกรไทยเร่งโกยรายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกรรมรายย่อยตั้งเป้าปีนี้โต 35% พร้อมขยายพอร์ตรายย่อยเพิ่มเป็น 20% จากปัจจุบัน 15% ระบุยังคงเน้นที่สินเชื่อบ้านเป็นหลักเนื่องจากเป็นสินเชื่อที่มีคุณภาพดี โดยตั้งเป้าโตสุทธิ 4 หมื่นล้านบาท ขณะที่สินเชื่อบุคคลยังคงต้องระมัดระวัง หวั่นทำยอดหนี้เสียพุ่ง
นายกฤษฎา ล่ำซำ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีนี้ธนาคารได้ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้จากค่าธรรมเนียมของธุรกรรมรายย่อยเอาไว้ 35% เพื่อให้สิ้นปีมียอดรายได้ค่าธรรมเนียมกว่า 9,000 ล้านบาท จากสิ้นปีที่ผ่านมามีรายได้ค่าธรรมเนียมเกือบ 8,000 ล้านบาท หรือ เติบโตจากปีก่อนหน้านี้ 20% และในปีนี้ก็ได้ตั้งเป้าเพิ่มพอร์ตรายย่อยให้ขึ้นมาถึงเกือบ 20% ของพอร์ตสินเชื่อรวมของธนาคาร จากปีที่ผ่านมาพอร์ตสินเชื่อรายย่อยอยู่ที่ 15%
ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ที่ธนาคารให้ความสำคัญมากที่สุดในปีนี้คือสินเชื่อบ้าน เพราะบ้านเป็นสิ่งที่ทุกคนไม่ทิ้ง ต่างจากสินเชื่อประเภทอื่นๆ ดังนั้น ในปีนี้ธนาคารจึงตั้งเป้าหมายการเติบโตสุทธิของสินเชื่อบ้านเอาไว้ที่ 40,000 ล้านบาท จากฐานสินเชื่อคงค้างสิ้นปีที่ผ่านมา 92,000 ล้านบาท เพื่อให้สิ้นปีนี้มียอดสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ 130,000 ล้านบาท หรือ เติบโตอย่างน้อย 20% โดยเน้น ใน 3เรื่อง ซึ่งเรื่องแรกคือ K- NOW และบริการเสริม Home smile club เรื่องที่สองคือ ร่วมกับผู้ประกอบการด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในการจัดกิจกรรมต่างๆ และเรื่องที่สามคือให้ความสำคัญกับตลาดต่างจังหวัด โดยเฉพาะหัวเมืองใหญ่ๆ ทุกภูมิภาค โดยเฉพาะเมืองท่องเที่ยว เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต ขอนแก่น ชลบุรี เพราะความต้องการของภูมิภาค หรือหัวเมืองใหญ่ๆ เพิ่มขึ้น
นายกฤษฎากล่าวอีกว่า กรณีของดอกเบี้ยเชื่อว่าในปีนี้คงไม่มีการแข่งขันกันมากนัก ซึ่งในปัจจุบันเฉลี่ยแล้วดอกเบี้ยจะใกล้เคียงกันเกือบทุกธนาคาร แต่สิ่งที่ธนาคารจะใช้เป็นกลยุทธ์ในการแข่งขันในปีนี้คือเรื่องการดูแลลูกค้าผ่าน Home smile club เพราะในภาวะเช่นนี้คนต้องการซื้อบ้านเพื่ออยู่อาศัยจริงๆ ไม่ใช่ซื้อบ้านเพื่อเก็งกำไร และผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ก็ได้ลงมาให้บริการกับตลาดระดับกลางถึงย่อยมากขึ้น
"สินเชื่อรายย่อยปีนี้เน้นสินเชื่อบ้านเป็นหลัก เพราะมีความชัดเจนในเรื่องต่างๆมากขึ้น ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ และความต้องการบ้านมีอยู่จริง ไม่ใช่ซื้อเพื่อเก็งกำไร ธนาคารจึงต้องเร่งอัดแคมเปญเพื่อดึงลูกค้าเดิมตั้งเป้าสินเชื่อโตสุทธิ 30,000 ล้านบาท แต่พอเห็นภาพโดยรวมดีขึ้นจึงเพิ่มเป็น 40,000 ล้านบาท"นายกฤษฎากล่าว
ด้านสินเชื่อส่วนบุคคลในปีนี้ธนาคารยังให้ความระมัดระวังต่อการเติบโตของสินเชื่อบุคคลอย่างต่อเนื่อง โดยจะไม่ใช้นโยบายเติบโตแบบก้าวกระโดด ซึ่งตั้งเป้าขยายสินเชื่อจากพอร์ตปัจจุบัน 6,000 ล้านบาท เป็น 7,000 ล้านบาทเท่านั้น เนื่องจากกังวลเรื่องความเสี่ยง หลังจากธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์(NON BANK)ทั้งไทยและต่างชาติหลายแห่งประสบปัญหาหนี้เสียอย่างรุนแรงมาแล้ว
สำหรับธุรกรรมบัตรเครดิต ตั้งเป้ามีจำนวนบัตรใหม่เพิ่มขึ้น 200,000 บัตร ซึ่งจะทำให้พอร์ต ณ สิ้นปีเพิ่มจาก 1,200,000 บัตรเป็น 1,400,000 บัตร เน้นบัตรแพลทินัมและบัตรทอง โดยในเร็วนี้จะออกบัตรเครดิตชนิดสัมผัส ขณะที่ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรในปีนี้จะเร่งเพิ่มจากเฉลี่ย 13,000 บาทต่อคนต่อเดือนเป็น14,500 บาทต่อคนต่อเดือนในช่วงสิ้นปี ซึ่งจะทำให้ธนาคารมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตคงค้างเพิ่มจาก 16,000 ล้านบาทเป็น 20,000 ล้านบาท ในช่วงสิ้นปีนี้ เนื่องจากความเชื่อมั่นการบริโภคประชาชนฟื้นตัวขึ้น หลังรัฐบาลประกาศใช้นโยบายประชานิยมและเตรียมอัดฉีดเม็ดเงินสู่เข้าระบบผ่านโครงการต่างๆ แต่อย่างไรก็ตาม ธนาคารยังใช้นโยบายให้ความสำคัญกับการควบคุมการเร่งตัวของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL)ในส่วนของบัตรเครดิตอย่างต่อเนื่อง
นายกฤษฎา ล่ำซำ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีนี้ธนาคารได้ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้จากค่าธรรมเนียมของธุรกรรมรายย่อยเอาไว้ 35% เพื่อให้สิ้นปีมียอดรายได้ค่าธรรมเนียมกว่า 9,000 ล้านบาท จากสิ้นปีที่ผ่านมามีรายได้ค่าธรรมเนียมเกือบ 8,000 ล้านบาท หรือ เติบโตจากปีก่อนหน้านี้ 20% และในปีนี้ก็ได้ตั้งเป้าเพิ่มพอร์ตรายย่อยให้ขึ้นมาถึงเกือบ 20% ของพอร์ตสินเชื่อรวมของธนาคาร จากปีที่ผ่านมาพอร์ตสินเชื่อรายย่อยอยู่ที่ 15%
ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ที่ธนาคารให้ความสำคัญมากที่สุดในปีนี้คือสินเชื่อบ้าน เพราะบ้านเป็นสิ่งที่ทุกคนไม่ทิ้ง ต่างจากสินเชื่อประเภทอื่นๆ ดังนั้น ในปีนี้ธนาคารจึงตั้งเป้าหมายการเติบโตสุทธิของสินเชื่อบ้านเอาไว้ที่ 40,000 ล้านบาท จากฐานสินเชื่อคงค้างสิ้นปีที่ผ่านมา 92,000 ล้านบาท เพื่อให้สิ้นปีนี้มียอดสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ 130,000 ล้านบาท หรือ เติบโตอย่างน้อย 20% โดยเน้น ใน 3เรื่อง ซึ่งเรื่องแรกคือ K- NOW และบริการเสริม Home smile club เรื่องที่สองคือ ร่วมกับผู้ประกอบการด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในการจัดกิจกรรมต่างๆ และเรื่องที่สามคือให้ความสำคัญกับตลาดต่างจังหวัด โดยเฉพาะหัวเมืองใหญ่ๆ ทุกภูมิภาค โดยเฉพาะเมืองท่องเที่ยว เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต ขอนแก่น ชลบุรี เพราะความต้องการของภูมิภาค หรือหัวเมืองใหญ่ๆ เพิ่มขึ้น
นายกฤษฎากล่าวอีกว่า กรณีของดอกเบี้ยเชื่อว่าในปีนี้คงไม่มีการแข่งขันกันมากนัก ซึ่งในปัจจุบันเฉลี่ยแล้วดอกเบี้ยจะใกล้เคียงกันเกือบทุกธนาคาร แต่สิ่งที่ธนาคารจะใช้เป็นกลยุทธ์ในการแข่งขันในปีนี้คือเรื่องการดูแลลูกค้าผ่าน Home smile club เพราะในภาวะเช่นนี้คนต้องการซื้อบ้านเพื่ออยู่อาศัยจริงๆ ไม่ใช่ซื้อบ้านเพื่อเก็งกำไร และผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ก็ได้ลงมาให้บริการกับตลาดระดับกลางถึงย่อยมากขึ้น
"สินเชื่อรายย่อยปีนี้เน้นสินเชื่อบ้านเป็นหลัก เพราะมีความชัดเจนในเรื่องต่างๆมากขึ้น ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ และความต้องการบ้านมีอยู่จริง ไม่ใช่ซื้อเพื่อเก็งกำไร ธนาคารจึงต้องเร่งอัดแคมเปญเพื่อดึงลูกค้าเดิมตั้งเป้าสินเชื่อโตสุทธิ 30,000 ล้านบาท แต่พอเห็นภาพโดยรวมดีขึ้นจึงเพิ่มเป็น 40,000 ล้านบาท"นายกฤษฎากล่าว
ด้านสินเชื่อส่วนบุคคลในปีนี้ธนาคารยังให้ความระมัดระวังต่อการเติบโตของสินเชื่อบุคคลอย่างต่อเนื่อง โดยจะไม่ใช้นโยบายเติบโตแบบก้าวกระโดด ซึ่งตั้งเป้าขยายสินเชื่อจากพอร์ตปัจจุบัน 6,000 ล้านบาท เป็น 7,000 ล้านบาทเท่านั้น เนื่องจากกังวลเรื่องความเสี่ยง หลังจากธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์(NON BANK)ทั้งไทยและต่างชาติหลายแห่งประสบปัญหาหนี้เสียอย่างรุนแรงมาแล้ว
สำหรับธุรกรรมบัตรเครดิต ตั้งเป้ามีจำนวนบัตรใหม่เพิ่มขึ้น 200,000 บัตร ซึ่งจะทำให้พอร์ต ณ สิ้นปีเพิ่มจาก 1,200,000 บัตรเป็น 1,400,000 บัตร เน้นบัตรแพลทินัมและบัตรทอง โดยในเร็วนี้จะออกบัตรเครดิตชนิดสัมผัส ขณะที่ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรในปีนี้จะเร่งเพิ่มจากเฉลี่ย 13,000 บาทต่อคนต่อเดือนเป็น14,500 บาทต่อคนต่อเดือนในช่วงสิ้นปี ซึ่งจะทำให้ธนาคารมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตคงค้างเพิ่มจาก 16,000 ล้านบาทเป็น 20,000 ล้านบาท ในช่วงสิ้นปีนี้ เนื่องจากความเชื่อมั่นการบริโภคประชาชนฟื้นตัวขึ้น หลังรัฐบาลประกาศใช้นโยบายประชานิยมและเตรียมอัดฉีดเม็ดเงินสู่เข้าระบบผ่านโครงการต่างๆ แต่อย่างไรก็ตาม ธนาคารยังใช้นโยบายให้ความสำคัญกับการควบคุมการเร่งตัวของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL)ในส่วนของบัตรเครดิตอย่างต่อเนื่อง