จัดสรรโซนสุวรรณภูมิซบ "อนันดา" ยอมรับยอดขายบ้านเดี่ยวปี 50 ทำได้แค่ 1,000 ล้านบาท จากเป้า 1,300 ล้านบาท พร้อมเลื่อน 3 โครงการเปิดปีนี้ เชื่อภาวะตลาดเริ่มดีขึ้นหลังการเมืองนิ่ง แอร์พอร์ตลิ่งค์ใกล้เปิดให้บริการ พร้อมเผยเม็ดเงินจากทุนนอกเหลือหมื่นล้านผุดคอนโดฯได้อีก 5 โครงการ ตั้งเป้าปี 51 เปิด 11 โครงการมูลค่า 17,000 ล้านบาท เป้ายอดขาย 10,000 ล้านบาท
นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2550 ตลาดบ้านจัดสรรในโซนสุวรรณภูมิมีการชะลอตัวตามภาวะตลาด โดยบริษัทเปิดขายโครงการบ้านเดี่ยว 4 โครงการ มูลค่ารวม 4,604 ล้านบาท สร้างยอดขาย 1,047 ล้านบาท จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1,300 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทยังได้เลื่อนเปิดโครงการบ้านเดี่ยว 3 โครงการตามแผนปี 2550 เพื่อรอดูสถานการณ์ของมาเปิดในปีนี้แทน
ทั้งนี้ เชื่อว่าในปี 2551 ภาวะตลาดจะมีอัตราการเติบโตที่ดีขึ้น เนื่องจากการเมืองเริ่มชัดเจน เศรษฐกิจเติบโต การเข้าใช้สนามบินสุวรรณภูมิที่เพิ่มขึ้น รวมไปถึงความคืบหน้าของการก่อสร้างแอร์พอร์ตลิ้งค์ใกล้เสร็จสมบูรณ์จะช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าซื้อบ้านในย่านสุวรรณภูมิเพิ่มมากขึ้น
ส่วนโครงการคอนโดมิเนียม ได้รับความนิยมอย่างมาก ภายหลังที่บริษัทได้พัฒนาภายใต้ แบรนด์ ไอดีโอ จำนวน 6 โครงการมูลค่า 9,050 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายเฉลี่ย 53% หรือประมาณ 4,800 ล้านบาท
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2551 บริษัทจะเปิดโครงการทั้งประเภทคอนโดมิเนียมและโครงการบ้านจัดสรร โดยในส่วนของคอนโดมิเนียมเปิดโครงการใหม่ 5 โครงการ มูลค่า 7,850 ล้านบาท โดยโครงการแรก ไอดีโอ รัชดา-ห้วยขวาง ติดสถานีรถไฟฟ้าห้วยขวาง เปิดตัวในวันที่ 22 ก.พ. นี้ ภายใต้ Concept 24 ชั่วโมง สามารถเลือกใช้ชีวิตได้ตามที่ต้องการไม่จำกัดช่วงเวลา จำนวน 398 ยูนิต และในวันที่ 1-2 มี.ค.นี้ ได้จัดงาน 24 Hours Pre-sale Party ภายในงานจะมีกิจกรรมต่างๆ ตลอด 24 ชั่วโมงแบบไม่มีหยุด พร้อมคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดัง และการจับของรางวัลสำหรับลูกค้าที่จองภายในงาน
ส่วนโครงการบ้านจัดสรรโซนสุวรรณภูมิ บางนา-ตราด วงแหวน ร่มเกล้า และ อ่อนนุช จะเปิดโครงการใหม่ 3 โครงการ มูลค่ารวม 8,100 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัท ตั้งเป้ายอดขายรวม 10,000 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากโครงการคอนโดมิเนียม 7,000 ล้านบาท และยอดขายจากโครงการบ้านเดี่ยว 3,000 ล้านบาท เติบโตขึ้นกว่า 57 % จากปีที่แล้วที่มียอดรายได้ 5,800 ล้านบาท
นายชานนท์ กล่าวว่า ปัจจุบันยังมีเม็ดเงินลงทุนที่ได้จาก ทีเอ็มดับบลิว เอเชีย พร็อพเพอร์ตี้ ฟันด์ จำนวน 35 ล้านยูโร หรือประมาณ 10,000 ล้านบาท จากทั้งหมด 100 ล้านยูโร ซึ่งสามารถพัฒนาโครงการแนวสูงได้อีกประมาณ 5 โครงการ เฉลี่ยโครงการละ 1,500-2,000 ล้านบาท โดยขณะนี้อยู่ระหว่างหาที่ดินเพื่อนำมาพัฒนา
"กองทุนไม่ได้บังคับให้บริษัทต้องมีอัตราการเติบโตอยู่ตลอด หากตลาดใดไม่ดีเราก็ชะลอแล้วไปหาตลาดอื่นที่มีผลตอบแทนสูงกว่ามาทำ โดยเราตั้งเป้าผลตอบแทนไว้ที่ 15% เท่านั้น ในขณะที่บางกองทุนตั้งเป้าไว้สูงถึง 20-25%ซึ่งภายหลังพัฒนาคอนโดฯมิเนียมอยู่ตัวแล้ว เราจะเริ่มหันไปลงทุนในอาคารสำนักงาน โรงแรม รีสอร์ท เพิ่มเติมเพื่อสร้างรายได้ระยะยาว"
นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2550 ตลาดบ้านจัดสรรในโซนสุวรรณภูมิมีการชะลอตัวตามภาวะตลาด โดยบริษัทเปิดขายโครงการบ้านเดี่ยว 4 โครงการ มูลค่ารวม 4,604 ล้านบาท สร้างยอดขาย 1,047 ล้านบาท จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1,300 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทยังได้เลื่อนเปิดโครงการบ้านเดี่ยว 3 โครงการตามแผนปี 2550 เพื่อรอดูสถานการณ์ของมาเปิดในปีนี้แทน
ทั้งนี้ เชื่อว่าในปี 2551 ภาวะตลาดจะมีอัตราการเติบโตที่ดีขึ้น เนื่องจากการเมืองเริ่มชัดเจน เศรษฐกิจเติบโต การเข้าใช้สนามบินสุวรรณภูมิที่เพิ่มขึ้น รวมไปถึงความคืบหน้าของการก่อสร้างแอร์พอร์ตลิ้งค์ใกล้เสร็จสมบูรณ์จะช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าซื้อบ้านในย่านสุวรรณภูมิเพิ่มมากขึ้น
ส่วนโครงการคอนโดมิเนียม ได้รับความนิยมอย่างมาก ภายหลังที่บริษัทได้พัฒนาภายใต้ แบรนด์ ไอดีโอ จำนวน 6 โครงการมูลค่า 9,050 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายเฉลี่ย 53% หรือประมาณ 4,800 ล้านบาท
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2551 บริษัทจะเปิดโครงการทั้งประเภทคอนโดมิเนียมและโครงการบ้านจัดสรร โดยในส่วนของคอนโดมิเนียมเปิดโครงการใหม่ 5 โครงการ มูลค่า 7,850 ล้านบาท โดยโครงการแรก ไอดีโอ รัชดา-ห้วยขวาง ติดสถานีรถไฟฟ้าห้วยขวาง เปิดตัวในวันที่ 22 ก.พ. นี้ ภายใต้ Concept 24 ชั่วโมง สามารถเลือกใช้ชีวิตได้ตามที่ต้องการไม่จำกัดช่วงเวลา จำนวน 398 ยูนิต และในวันที่ 1-2 มี.ค.นี้ ได้จัดงาน 24 Hours Pre-sale Party ภายในงานจะมีกิจกรรมต่างๆ ตลอด 24 ชั่วโมงแบบไม่มีหยุด พร้อมคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดัง และการจับของรางวัลสำหรับลูกค้าที่จองภายในงาน
ส่วนโครงการบ้านจัดสรรโซนสุวรรณภูมิ บางนา-ตราด วงแหวน ร่มเกล้า และ อ่อนนุช จะเปิดโครงการใหม่ 3 โครงการ มูลค่ารวม 8,100 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัท ตั้งเป้ายอดขายรวม 10,000 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากโครงการคอนโดมิเนียม 7,000 ล้านบาท และยอดขายจากโครงการบ้านเดี่ยว 3,000 ล้านบาท เติบโตขึ้นกว่า 57 % จากปีที่แล้วที่มียอดรายได้ 5,800 ล้านบาท
นายชานนท์ กล่าวว่า ปัจจุบันยังมีเม็ดเงินลงทุนที่ได้จาก ทีเอ็มดับบลิว เอเชีย พร็อพเพอร์ตี้ ฟันด์ จำนวน 35 ล้านยูโร หรือประมาณ 10,000 ล้านบาท จากทั้งหมด 100 ล้านยูโร ซึ่งสามารถพัฒนาโครงการแนวสูงได้อีกประมาณ 5 โครงการ เฉลี่ยโครงการละ 1,500-2,000 ล้านบาท โดยขณะนี้อยู่ระหว่างหาที่ดินเพื่อนำมาพัฒนา
"กองทุนไม่ได้บังคับให้บริษัทต้องมีอัตราการเติบโตอยู่ตลอด หากตลาดใดไม่ดีเราก็ชะลอแล้วไปหาตลาดอื่นที่มีผลตอบแทนสูงกว่ามาทำ โดยเราตั้งเป้าผลตอบแทนไว้ที่ 15% เท่านั้น ในขณะที่บางกองทุนตั้งเป้าไว้สูงถึง 20-25%ซึ่งภายหลังพัฒนาคอนโดฯมิเนียมอยู่ตัวแล้ว เราจะเริ่มหันไปลงทุนในอาคารสำนักงาน โรงแรม รีสอร์ท เพิ่มเติมเพื่อสร้างรายได้ระยะยาว"