"อัคคีปราการ" บริษัทย่อย BWG ลงนามสัญญาให้บริหารโครงการเตาเผาขยะอุตสาหกรรมบางปู กับกรมโรงงานอุตสาหกรรม เป็นระยะเวลา 20 ปี คาดเริ่มเดินเครื่องกำจัดขยะได้ภายในไตรมาส 3 /51 ประเดิมปีแรก 1 พันตัน คาดสร้างรายได้ 150 ล้านบาท เน้นลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ โรงพยาบาล ในเขต กทม.และปริมณฑล มั่นใจปีแรกหนุนรายได้ BWG โต 20-30%
นายสุวัฒน์ เหลืองวิริยะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน) (BWG) เปิดเผยถึง การลงนามในสัญญาของบริษัท อัคคีปราการ จำกัด (บริษัทย่อยที่ BWG ถือหุ้นอยู่ 93.99%) กับกรมโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อใช้สิทธิดำเนินการบริหารและประกอบการโครงการศูนย์บริหารจัดการวัสดุเหลือใช้อุตสาหกรรม (เตาเผาขยะอุตสาหกรรม) บางปู จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งนับเป็นเตาเผาขยะอันตรายที่เป็นเตาเผาอุณหภูมิสูงแห่งเดียวในประเทศไทย มีมูลค่าโครงการ 1,486 ล้านบาท
โดยบริษัท อัคคีปราการ จะได้รับสิทธิในการบริหารและประกอบการเป็นระยะเวลา 20 ปี นับตั้งแต่วันลงนามในสัญญา และมีสิทธิยื่นคำร้องขอต่อสัญญาได้อีก โดยบริษัทจะจ่ายค่าตอบแทนให้ภาครัฐเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนแบ่ง 8-12% ของรายได้จากการให้บริการ และค่าเช่าที่ดินประมาณ 6-8 ล้านบาทต่อปี เป็นเวลา 20 ปี ซึ่งจะเริ่มให้บริการกำจัดของเสียตั้งแต่ไตรมาส 3/51 หลังจากสำรวจเครื่องจักรและพร้อมให้บริการแก่ลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรมทั่วไปที่มีของเสียอันตราย และโรงพยาบาล ซึ่งในเบื้องต้นจะเน้นลูกค้ากรุงเทพมหานครและปริมณฑลก่อน หลังจากนั้นจะขยายพื้นที่บริการให้กว้างขึ้น
สำหรับปีนี้คาดว่าจะกำจัดได้ 1 พันตัน จากความสามารถการทำลายปีละ 17,000 ตัน ส่วนขี้เถ้าจะส่งให้ BWG รับไปดำเนินการกำจัดตามกระบวนการที่ถูกต้อง ถือเป็นกระบวนการจัดการกำจัดขยะแบบครบวงจร โดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม และปีแรกจะสร้างรายได้ 100-150 ล้านบาท เริ่มไตรมาส 3 ซึ่งจะหนุนรายได้ BWG โตขึ้นจากปีก่อน 20-30% ขณะที่ปีนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้ 550-600 ล้านบาท และช่วง 9 เดือนแรกปี50 บริษัทมีรายได้ 430 ล้านบาท คาดว่าปีต่อไปจะเติบโตได้ดี เนื่องจากเตาเผาขยะบางปูสามารถให้บริการได้เต็มกำลัง ขณะที่ธุรกิจให้บริการจำกัดกากอุตสาหกรรมอย่างครบวงจรของ BWG ก็จะได้รับผลดีตามนโยบายของรัฐบาลที่ออกกฎระเบียบให้โรงงานอุตสาหกรรมทั่วประเทศต้องกำจัดกากอุตสาหกรรมตามกระบวนการที่ถูกต้อง
อนึ่ง บริษัท อัคคีปราการ จำกัด มีทุนจดทะเบียน 110 ล้านบาท โดยบริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน) (BWG ) ถือหุ้น 10,339,300 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 93.99% บริษัท ยามาเซ็น โฮลดิ้งส์ จำกัด ถือหุ้น 550,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 5% บริษัท ซียูบี จำกัด ถือหุ้น 110,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 1% และบุคคลอื่นถือหุ้น 700 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 0.01%
นายสุวัฒน์ เหลืองวิริยะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน) (BWG) เปิดเผยถึง การลงนามในสัญญาของบริษัท อัคคีปราการ จำกัด (บริษัทย่อยที่ BWG ถือหุ้นอยู่ 93.99%) กับกรมโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อใช้สิทธิดำเนินการบริหารและประกอบการโครงการศูนย์บริหารจัดการวัสดุเหลือใช้อุตสาหกรรม (เตาเผาขยะอุตสาหกรรม) บางปู จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งนับเป็นเตาเผาขยะอันตรายที่เป็นเตาเผาอุณหภูมิสูงแห่งเดียวในประเทศไทย มีมูลค่าโครงการ 1,486 ล้านบาท
โดยบริษัท อัคคีปราการ จะได้รับสิทธิในการบริหารและประกอบการเป็นระยะเวลา 20 ปี นับตั้งแต่วันลงนามในสัญญา และมีสิทธิยื่นคำร้องขอต่อสัญญาได้อีก โดยบริษัทจะจ่ายค่าตอบแทนให้ภาครัฐเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนแบ่ง 8-12% ของรายได้จากการให้บริการ และค่าเช่าที่ดินประมาณ 6-8 ล้านบาทต่อปี เป็นเวลา 20 ปี ซึ่งจะเริ่มให้บริการกำจัดของเสียตั้งแต่ไตรมาส 3/51 หลังจากสำรวจเครื่องจักรและพร้อมให้บริการแก่ลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรมทั่วไปที่มีของเสียอันตราย และโรงพยาบาล ซึ่งในเบื้องต้นจะเน้นลูกค้ากรุงเทพมหานครและปริมณฑลก่อน หลังจากนั้นจะขยายพื้นที่บริการให้กว้างขึ้น
สำหรับปีนี้คาดว่าจะกำจัดได้ 1 พันตัน จากความสามารถการทำลายปีละ 17,000 ตัน ส่วนขี้เถ้าจะส่งให้ BWG รับไปดำเนินการกำจัดตามกระบวนการที่ถูกต้อง ถือเป็นกระบวนการจัดการกำจัดขยะแบบครบวงจร โดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม และปีแรกจะสร้างรายได้ 100-150 ล้านบาท เริ่มไตรมาส 3 ซึ่งจะหนุนรายได้ BWG โตขึ้นจากปีก่อน 20-30% ขณะที่ปีนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้ 550-600 ล้านบาท และช่วง 9 เดือนแรกปี50 บริษัทมีรายได้ 430 ล้านบาท คาดว่าปีต่อไปจะเติบโตได้ดี เนื่องจากเตาเผาขยะบางปูสามารถให้บริการได้เต็มกำลัง ขณะที่ธุรกิจให้บริการจำกัดกากอุตสาหกรรมอย่างครบวงจรของ BWG ก็จะได้รับผลดีตามนโยบายของรัฐบาลที่ออกกฎระเบียบให้โรงงานอุตสาหกรรมทั่วประเทศต้องกำจัดกากอุตสาหกรรมตามกระบวนการที่ถูกต้อง
อนึ่ง บริษัท อัคคีปราการ จำกัด มีทุนจดทะเบียน 110 ล้านบาท โดยบริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน) (BWG ) ถือหุ้น 10,339,300 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 93.99% บริษัท ยามาเซ็น โฮลดิ้งส์ จำกัด ถือหุ้น 550,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 5% บริษัท ซียูบี จำกัด ถือหุ้น 110,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 1% และบุคคลอื่นถือหุ้น 700 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 0.01%
