ภาวะตลาดหุ้นไทย วันนี้ ดัชนีภาคบ่ายร่วงลงค่อนข้างแรง คาดต่างชาติขายต่อเนื่อง โดยเฉพาะหุ้น ปตท. ราคาปิดร่วงลงถึง 18 บาท สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนยังไม่ค่อยเชื่อมั่น ปตท. ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย มีทั้งบวกและลบ หากมองในภาพรวมแล้ว คาดว่าตลาดหุ้นทั่วโลกยังวิตกเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งเชื่อว่าในปีหน้า อาจโตได้น้อยกว่าคาดการณ์ ส่วนปัจจัยในประเทศ นักลงทุนรอดูหน้าตารัฐบาลใหม่
ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันนี้(19 ธ.ค.) ดัชนีปิดตลาดช่วงบ่ายที่ระดับ 804.98 จุด ลดลง 8.92 จุด เปลี่ยนแปลง -1.10% มูลค่าการซื้อขาย 12,766.34 ล้านบาท โดยบรรยากาศในการซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวสลับทั้งอยู่ในแดนบวกและลบ ขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 819.32 จุด ส่วนดัชนีจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 802.59 จุด
หลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 130 หลักทรัพย์ ลดลง 159 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 143 หลักทรัพย์ สำหรับสัดส่วนการลงทุน วันนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 973.01 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 129.93 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 1,099.63 ล้านบาท
นายปรเมศร์ ทองบัว ผู้อำนวยการสำนักวิจัย บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลง คาดว่านักลงทุนต่างชาติจะขายหุ้นออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหุ้นบริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) หรือ PTT ที่มีการปรับตัวลงด้วยวอลุ่มเทรดที่หนาแน่น ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนยังไม่ค่อยจะเชื่อมั่นในตัว PTT ขณะที่หุ้นกลุ่มแบงก์ยังคงยืนอยู่ได้
ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย ก็มีการแกว่งตัวทั้งบวกและลบ โดยเมื่อคืนวานนี้(18 ธ.ค.) ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นทำให้บางตลาดในภูมิภาคปรับตัวขึ้นตาม แต่ภาพโดยรวมของการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก ยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจของสหรัฐฯอยู่ ซึ่งไม่รู้ว่าจะมีการชะลอตัวมากแค่ไหน
ทั้งนี้ ตลาดได้มองเศรษฐกิจของสหรัฐ ในปี 2551 เชื่อว่าจะมีการเติบโตที่น้อยกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ ซึ่งมองเติบโต 2% ใกล้กับการคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจของสหรัฐในปีนี้ ซึ่งคาดว่าจะโตได้ประมาณ 2% และนักลงทุนยังวิตกในเรื่องการใช้จ่ายของผู้บริโภคจะชะลอลงอันเนื่องมาจากปัญหาซับไพร์มที่ยังส่งผลกระทบเรื่อย ๆ คาดว่าจะถึงกลางปีหน้า
ส่วนปัจจัยในประเทศเองก็จะต้องจับตาดูว่าใครจะได้มาเป็นรัฐบาลใหม่ และจะสามารถฟื้นตัวความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและภาคเอกชนได้มากแค่ไหน เพราะจะเป็นตัวที่ทำให้เห็นว่าเศรษฐกิจไทยจะมีการขยายตัวได้มาก/น้อยแค่ไหนด้วย
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้(20 ธ.ค.) มองว่า ตลาดหุ้นไทยยังมีโอกาสรีบาวน์ขึ้นได้ โดยคาดว่าแรงขายของนักลงทุนต่างชาติจะน้อยกว่าวันนี้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับความเคลื่อนไหวของดัชนีดาวโจนส์ในคืนวันนี้(19 ธ.ค.)ด้วยว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งโดยพื้นฐานของตลาดหุ้นไทยมองแล้วไม่น่าจะหลุดระดับ 800 จุด
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 ลำดับ ได้แก่ PTT มูลค่าการซื้อขาย 3,153.61 ล้านบาท ปิดที่ 340.00 บาท ลดลง 18.00 บาท , BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,175.11 ล้านบาท ปิดที่ 374.00 บาท ลดลง 18.00 บาท
PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 912.78 ล้านบาท ปิดที่ 143.00 บาท ลดลง 5.00 บาท , SCB มูลค่าการซื้อขาย 391.05 ล้านบาท ปิดที่ 80.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท , TOP มูลค่าการซื้อขาย 381.23 ล้านบาท ปิดที่ 82.50 บาท ลดลง 0.50 บาท
ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันนี้(19 ธ.ค.) ดัชนีปิดตลาดช่วงบ่ายที่ระดับ 804.98 จุด ลดลง 8.92 จุด เปลี่ยนแปลง -1.10% มูลค่าการซื้อขาย 12,766.34 ล้านบาท โดยบรรยากาศในการซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวสลับทั้งอยู่ในแดนบวกและลบ ขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 819.32 จุด ส่วนดัชนีจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 802.59 จุด
หลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 130 หลักทรัพย์ ลดลง 159 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 143 หลักทรัพย์ สำหรับสัดส่วนการลงทุน วันนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 973.01 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 129.93 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 1,099.63 ล้านบาท
นายปรเมศร์ ทองบัว ผู้อำนวยการสำนักวิจัย บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลง คาดว่านักลงทุนต่างชาติจะขายหุ้นออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหุ้นบริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) หรือ PTT ที่มีการปรับตัวลงด้วยวอลุ่มเทรดที่หนาแน่น ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนยังไม่ค่อยจะเชื่อมั่นในตัว PTT ขณะที่หุ้นกลุ่มแบงก์ยังคงยืนอยู่ได้
ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย ก็มีการแกว่งตัวทั้งบวกและลบ โดยเมื่อคืนวานนี้(18 ธ.ค.) ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นทำให้บางตลาดในภูมิภาคปรับตัวขึ้นตาม แต่ภาพโดยรวมของการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก ยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจของสหรัฐฯอยู่ ซึ่งไม่รู้ว่าจะมีการชะลอตัวมากแค่ไหน
ทั้งนี้ ตลาดได้มองเศรษฐกิจของสหรัฐ ในปี 2551 เชื่อว่าจะมีการเติบโตที่น้อยกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ ซึ่งมองเติบโต 2% ใกล้กับการคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจของสหรัฐในปีนี้ ซึ่งคาดว่าจะโตได้ประมาณ 2% และนักลงทุนยังวิตกในเรื่องการใช้จ่ายของผู้บริโภคจะชะลอลงอันเนื่องมาจากปัญหาซับไพร์มที่ยังส่งผลกระทบเรื่อย ๆ คาดว่าจะถึงกลางปีหน้า
ส่วนปัจจัยในประเทศเองก็จะต้องจับตาดูว่าใครจะได้มาเป็นรัฐบาลใหม่ และจะสามารถฟื้นตัวความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและภาคเอกชนได้มากแค่ไหน เพราะจะเป็นตัวที่ทำให้เห็นว่าเศรษฐกิจไทยจะมีการขยายตัวได้มาก/น้อยแค่ไหนด้วย
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้(20 ธ.ค.) มองว่า ตลาดหุ้นไทยยังมีโอกาสรีบาวน์ขึ้นได้ โดยคาดว่าแรงขายของนักลงทุนต่างชาติจะน้อยกว่าวันนี้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับความเคลื่อนไหวของดัชนีดาวโจนส์ในคืนวันนี้(19 ธ.ค.)ด้วยว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งโดยพื้นฐานของตลาดหุ้นไทยมองแล้วไม่น่าจะหลุดระดับ 800 จุด
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 ลำดับ ได้แก่ PTT มูลค่าการซื้อขาย 3,153.61 ล้านบาท ปิดที่ 340.00 บาท ลดลง 18.00 บาท , BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,175.11 ล้านบาท ปิดที่ 374.00 บาท ลดลง 18.00 บาท
PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 912.78 ล้านบาท ปิดที่ 143.00 บาท ลดลง 5.00 บาท , SCB มูลค่าการซื้อขาย 391.05 ล้านบาท ปิดที่ 80.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท , TOP มูลค่าการซื้อขาย 381.23 ล้านบาท ปิดที่ 82.50 บาท ลดลง 0.50 บาท