"พาณิชย์" วางกรอบกฎกระทรวง ปูทางรอ พ.ร.บ.ค้าปลีกบังคับใช้ เตรียมคุมไฮเปอร์มาร์เก็ต ดิสเคาท์สโตร์ขีดเส้นห่างเขตเทศบาล 12 กิโลเมตร เปิดได้ไม่เกิน 12 ชั่วโมง เปิดทางร้านสะดวกซื้อเปิดได้ 24 ชั่วโมง "สกล" ย้ำ กฎหมายต้องประกาศใช้ในรัฐบาลชุดนี้ ขณะที่สมาคมผู้ค้าปลีกไทย ติง พิจารณาให้รอบคอบ ระบุเทศบาลแต่ละแห่งขนาดพื้นที่ไม่เท่ากัน "เทสโก้ โลตัส" ชี้ข้อเสนอพาณิชย์เป็นเพียงร่างฯ แรก ยันต้องศึกษาอย่างรอบคอบก่อน
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยในการเสวนาโต๊ะกลมเรื่อง "ยกสุดท้ายกฎหมายค้าปลีก" ว่า กรมการค้าภายในได้เตรียมร่างกฎกระทรวง เพื่อออกประกาศใช้เมื่อร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจค้าปลีกหรือค้าส่ง มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมาย โดยร่างกฎกระทรวงดังกล่าวออกตามมาตรา 20 เพื่อแยกประเภทธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง และกำหนดหลักเกณฑ์เงื่อนไขการประกอบธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง ซึ่งร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ธุรกิจเป็น 4 ประเภท คือ
1. ผู้ค้าปลีกค้าส่งขนาดใหญ่ประเภทไฮเปอร์มาร์เก็ต ดิสเคาท์สโตร์ ซูเปอร์เซ็นเตอร์ และแคชแอนด์แครี่ จะต้องมีที่ตั้งห่างจากเทศบาลไม่น้อยกว่า 12 กิโลเมตร ประชากรหนาแน่นไม่น้อยกว่า 1 แสนคนต่อห้างค้าปลีกค้าส่ง 1 แห่ง เปิดบริการไม่เกินวันละ 12 ชั่วโมง รวมทั้งจัดสิ่งอำนวยความสะดวก เป็นที่จอดรถ 1 คันต่อพื้นที่อาคาร 20 ตารางเมตร และจัดระบบจราจรไม่ให้ติดขัดและห้ามใช้พื้นที่จอดรถทำธุรกิจ
2. ผู้ค้าปลีกประเภทซูเปอร์มาร์เก็ต จะต้องมีที่ตั้งห่างจากเทศบาลไม่น้อยกว่า 5 กิโลเมตร ประชากรหนาแน่นไม่น้อยกว่า 5 หมื่นคนต่อห้างค้าปลีก 1 แห่ง เปิดบริการไม่เกินวันละ 12 ชั่วโมง และจัดสิ่งอำนวยความสะดวกเป็นที่จอดรถ 1 คันต่อพื้นที่อาคาร 20 ตารางเมตร และจัดระบบจราจรไม่ให้ติดขัดและห้ามใช้พื้นที่จอดรถทำธุรกิจ
3. ผู้ค้าปลีกค้าส่งแบบสะดวกซื้อ หรือ ดิสเคาท์ คอนวีเนียนสโตร์ต้องห่างจากตลาดสดไม่น้อยกว่า 500 เมตร มีความหนาแน่นของประชากรไม่น้อยกว่า 1 หมื่นคนต่อห้าง 1 แห่ง เปิดบริการได้ไม่เกินวันละ 15 ชั่วโมง
4. ผู้ค้าปลีกประเภทสะดวกซื้อ หรือ คอนวีเนียนสโตร์ ไม่มีการกำหนดระยะห่างจากชุมชน มีความหนาแน่นของประชากรไม่น้อยกว่า 3,000 คนต่อร้าน 1 แห่ง และไม่กำหนดระยะเวลาเปิดปิดเพราะเป็นร้านที่เน้นเรื่องการขายสินค้าราคาต่ำแต่เน้นความสะดวกเป็นหลัก
กมธ.ถกรายมาตราวันนี้เร่งให้จบในรัฐบาลนี้
นายยรรยง กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจค้าปลีกหรือค้าส่ง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) วันนี้ (13 ธ.ค.) จะมีการพิจารณาร่างกฎหมายรายมาตรา เป็นรอบที่ 2 ซึ่งจะมีการพิจารณาเรื่องการเพิ่มรายละเอียดของธุรกิจที่ต้องขอใบอนุญาตประกอบการในมาตรา 20 โดยกรมการค้าภายในจะขอเพิ่มพื้นที่จาก 1,000 ตารางเมตร เป็น 2,000-3,000 ตารางเมตร และเสนอเพิ่มรายได้ธุรกิจจาก 1,000 ล้านบาท เป็น 2,000 ล้านบาท และกระทรวงพาณิชย์ได้หารือกับกรรมาธิการ เพื่อให้พิจารณาให้ทันอายุ สนช. และคาดว่าการพิจารณารอบ 2 จะเสร็จในวันนี้ และการประชุมครั้งต่อไปจะเชิญสมาชิก สนช.ที่ขอแปรญัตติไว้ มาหารือ
นายสกล หาญสุทธิวารินทร์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ต้องการให้ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวประกาศเป็นกฎหมายภายในรัฐบาลชุดปัจจุบัน โดยการพิจารณาในชั้นกรรมาธิการมีความพยายามผลักดันไม่ให้ร่าง พ.ร.บ.ใช้ได้ทันรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งถ้าปล่อยให้กฎหมายออกมาไม่ได้หรือรอให้รัฐบาลใหม่เข้ามาผลักดันกฎหมายต่อแล้วไม่มั่นใจว่ากฎหมายที่ออกจะดูแลผู้ประกอบการรายย่อยได้หรือไม่ เพราะเราไม่มีกฎหมายมาดูแลธุรกิจค้าปลีกมา 5 ปีแล้ว และนายเกริกไกร จีระแพทย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ไม่ต้องการให้ผู้ประกอบการรายใหญ่และรายย่อยต้องมาเผชิญหน้ากันรุนแรงเหมือนในต่างประเทศ เช่น อังกฤษ
สมาคมค้าปลีกติงระบุพื้นที่เขตเทศบาลไม่เท่ากัน
นายธนภณ ตังคณานันท์ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า สมาคมผู้ค้าปลีกไทยเห็นว่าการกำหนดพื้นที่ห้างตามมาตรา 20 ควรกำหนดเฉพาะพื้นที่ขายสินค้าตามหลักกฎหมายสากล เพราะในร่างกฎหมายที่กำลังพิจารณา กำหนดครอบคลุมพื้นที่ขายสินค้าภายในและนอกอาคาร พื้นที่ให้บุคคลอื่นเช่า คลังสินค้าที่อยู่ในบริเวณเดียวกับพื้นที่ขาย
นายธนภณ กล่าวว่า สมาคมผู้ค้าปลีกไทยกังวล เรื่องการออกกฎกระทรวงตามมาตรา 20 ที่กระทรวงพาณิชย์เตรียมกำหนดเงื่อนไขของไฮเปอร์มาร์เก็ตต้องห่างจากเทศบาล 12 กิโลเมตร อาจไม่เหมาะสมเพราะเขตเทศบาลแต่ละจังหวัดมีขนาดไม่เท่ากัน เช่น จังหวัดสมุทรสงครามเป็นจังหวัดเล็กการกำหนดให้ห่างจากเทศบาลดังกล่าวอาจทำให้ต้องไปสร้างห้างในจังหวัดราชบุรีหรือสมุทรสาคร
นอกจากนี้ การกำหนดให้ไฮเปอร์มาร์เก็ตต้องทำที่จอดรถ 1 คันต่อพื้นที่อาคาร 20 ตารางเมตร อาจทำให้ต้นทุนของผู้ประกอบการสูงขึ้นมาก จึงต้องพิจารณาให้รอบคอบ เพราะไฮเปอร์มาร์เก็ตส่วนใหญ่มีขนาด 10,000-20,000 ตารางเมตร และที่จอดรถ 1 คัน จะใช้พื้นที่ 35 ตารางเมตร ซึ่งทำให้ไฮเปอร์มาร์เก็ตต้องทำที่จอดรถมีพื้นที่ถึง 22 ไร่
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า เห็นด้วยที่จะมีการเร่งรัดการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจค้าปลีกฯ ให้แล้วเสร็จในรัฐบาลนี้ เนื่องจากเป็นกฎหมายที่มีการตั้งคณะกรรมาธิการพิจารณารายละเอียด และเข้าสู่การพิจารณาเข้าสู่วาระที่ 2 และ 3 จึงมีความชอบธรรมที่ทั้ง สนช.และรัฐบาลจะเร่งพิจารณาให้กฎหมายสามารถประกาศบังคับใช้ได้โดยเร็ว เช่นเดียวกับ พ.ร.บ.เงินตรา ที่เสนอโดยกระทรวงการคลัง ส่วนกฎหมายอื่นที่ยังไม่ได้มีการตั้งคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างกฎหมาย ในฐานะนักวิชาการเห็นว่าสามารถเลื่อนการพิจารณาออกไป เพื่อให้สภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งเป็นผู้พิจารณา
เทสโก้ โลตัสชี้ข้อเสนอพาณิชย์แค่ร่างแรก
นายดามพ์ สุคนธทรัพย์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด ผู้บริหารร้านค้าปลีกภายใต้ชื่อ "เทสโก้ โลตัส" กล่าวกับ "กรุงเทพธุรกิจ" เพียงสั้นๆ ว่า แนวทางที่กระทรวงพาณิชย์เตรียมออกเป็นกฎกระทรวงต่างๆ นั้น ยังคงต้องหารือร่วมกัน แต่นับเป็นสิ่งที่ดีที่กระทรวงพาณิชย์ได้นำเสนอร่างฯ แรก ให้ทุกฝ่ายได้พิจารณา ซึ่งในรายละเอียดนั้นยังต้องศึกษาให้รอบคอบต่อไป
ก่อนหน้านี้ ยักษ์ใหญ่เทสโก้ โลตัส ย้ำอยู่ตลอดเวลาว่า ผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ ไม่ขัดข้องหากภาครัฐเห็นสมควรที่จะให้มีกฎหมายมาควบคุมธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง แต่กฎหมายดังกล่าวควรจะมีความโปร่งใส มีความยุติธรรม และปฏิบัติต่อทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียมกัน โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้บริโภค และผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศเป็นสำคัญ เพราะโดยภาพรวมของร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง พ.ศ. ....นั้น ยังไม่สามารถตอบโจทย์ได้ว่าจะมีการจัดระเบียบระบบธุรกิจค้าปลีกค้าส่งอย่างไร นอกจากการควบคุมห้างค้าปลีกสมัยใหม่
ทั้งนี้ต้องการให้ทุกฝ่ายพิจารณาตั้งแต่หลักการและเหตุผลของการจัดทำร่างฯ เพราะเหตุผลที่กล่าวถึงในร่าง พ.ร.บ. คือ เพื่อจัดระเบียบการประกอบธุรกิจค้าปลีกค้าส่งบางประเภท เพื่อให้ทุกฝ่ายสามารถอยู่ร่วมกันได้
นอกจากนี้ ร่าง พ.ร.บ.ค้าปลีกฯ ยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะมีมาตรการอะไรที่ชัดเจนในการส่งเสริมธุรกิจของร้านค้าปลีกรายย่อย ประการสำคัญ เมื่อนำกฎหมายมาปฏิบัติแล้ว ผู้บริโภคส่วนใหญ่ของประเทศจะได้รับประโยชน์อย่างไร และผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวมจะเป็นอย่างไร
นางสาวภัทรพร เพ็ญประพัฒน์ ผู้ช่วยกรรรมการผู้จัดการใหญ่ สายการตลาด และประชาสัมพันธ์ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ผู้บริหารเครือข่ายเซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์, ท็อปส์ มาร์เก็ต, ท็อปส์ ซูเปอร์ และท็อปส์ เดลี่ กล่าวว่า บริษัทพร้อมปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับของทางราชการ ซึ่งขณะนี้ยังรอความชัดเจนต่างๆ
กมธ.ต่างด้าวเร่งปรับปรุงบัญชี 3
ด้านความคืบหน้าเกี่ยวกับการแก้ไข พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจคนต่างด้าว นายเกริกไกร จีระแพทย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว กล่าวว่า คณะกรรมาธิการได้เห็นชอบในหลักการให้ปรับปรุงแก้ไขธุรกิจแนบท้ายในบัญชี 3 หรือธุรกิจที่คนไทยยังไม่มีความพร้อม แต่ต่างชาติสามารถประกอบกิจการได้ ต้องได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวที่มีปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน โดยหลักเกณฑ์การพิจารณาเบื้องต้น จะถอดรายการที่มีกฎหมายเฉพาะรองรับอยู่แล้วออกจากบัญชี 3 เช่น ธุรกิจธนาคาร ประกันภัย หลักทรัพย์ ท่องเที่ยว เป็นต้น
นอกจากนี้ จะพิจารณาให้รายการที่คนไทยมีความพร้อมในการแข่งขัน และรายการที่ตามปกติแล้วมีการอนุญาตให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจเป็นประจำ โดยให้คนต่างชาติสามารถมาแจ้งต่อคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว และสามารถประกอบธุรกิจได้เลย เพื่อให้เกิดความสะดวกในการประกอบธุรกิจ
“ปกติธุรกิจแนบท้ายตามบัญชี 3 เดิมคนต่างชาติจะต้องมาขออนุญาตจากคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวถึงจะประกอบกิจการได้ แต่การแก้ไขใหม่จะทำให้เกิดความยืดหยุ่น โดยธุรกิจที่มีกฎหมายรองรับก็ยกออกไป ส่วนธุรกิจที่คนไทยมีความพร้อมแล้ว ก็ควรเปิดซึ่งทางคณะกรรมาธิการจะต้องพิจารณาว่ามีรายการใดบ้างที่คนไทยมีความพร้อมแล้ว” นายเกริกไกร กล่าว
นายเกริกไกร กล่าวว่า การที่ระยะเวลาการทำงานของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เหลือไม่มากนัก อาจทำให้กฎหมายหลายฉบับ ที่กระทรวงพาณิชย์ปรับปรุงแก้ไขหรือยกร่างใหม่ พิจารณาบังคับใช้ไม่ทันรัฐบาลชุดปัจจุบัน เป็นเรื่องที่ สนช.จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งการทำงานของรัฐบาลถือว่าทำมาอย่างเต็มที่แล้ว
“ถ้าตอนนี้ผมไม่ทำอะไรเลย ก็จะหาว่าใส่เกียร์ว่าง ดังนั้นเวลาที่เหลืออยู่จะทำให้ดีที่สุด ซึ่งกฎหมายจะผ่านสภาหรือไม่ขึ้นอยู่กับ สนช. ที่ต้องรับผิดชอบ เมื่อเข้าสภาออกช้าหรือเร็วก็เป็นเรื่องของสนช.” นายเกริกไกร กล่าว
เร่งปรับบัญชีส่งเข้าสนช.ก่อน 23 ธ.ค.
นายคณิสสร นาวานุเคราะห์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวว่า คณะกรรมาธิการจะมีการประชุมอีกครั้งหนึ่งในสัปดาห์หน้า ซึ่งจะพิจารณาปรับปรุงธุรกิจแนบท้ายในบัญชี 3 เบื้องต้นมีหลักเกณฑ์การพิจาณาแล้วว่า จะถอดธุรกิจใดบ้างออกจากบัญชี ดังนั้นคาดว่าจะใช้ระยะเวลาในการพิจารณาไม่มาก เพราะคงต้องเร่งสรุปกฎหมายให้เร็วที่สุด เพื่อเข้าสู่การพิจารณาของสนช.วาระ 2 และ 3 ให้ทันภายใน 23 ธ.ค. นี้
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า การพิจารณากฎหมายที่ค้างคาอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญ สนช. ซึ่งรวมถึงกฎหมายต่างด้าว กฎหมายค้าปลีกค้าส่ง ควรจะเข้าการพิจารณาวาระ 2 และ 3 ของ สนช.ภายในวันที่ 21 ธ.ค. เพราะภายหลังจากการเลือกตั้งในวันที่ 23 ธ.ค. สภาไม่ควรเร่งรัดผลักดันกฎหมายฉบับใดออกมาแล้ว เพราะถือเป็นมารยาท ให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งดำเนินการ แม้ว่าจะมีสิทธิพิจารณากฎหมายที่ค้างคาอยู่ในสภาก็ตาม
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยในการเสวนาโต๊ะกลมเรื่อง "ยกสุดท้ายกฎหมายค้าปลีก" ว่า กรมการค้าภายในได้เตรียมร่างกฎกระทรวง เพื่อออกประกาศใช้เมื่อร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจค้าปลีกหรือค้าส่ง มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมาย โดยร่างกฎกระทรวงดังกล่าวออกตามมาตรา 20 เพื่อแยกประเภทธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง และกำหนดหลักเกณฑ์เงื่อนไขการประกอบธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง ซึ่งร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ธุรกิจเป็น 4 ประเภท คือ
1. ผู้ค้าปลีกค้าส่งขนาดใหญ่ประเภทไฮเปอร์มาร์เก็ต ดิสเคาท์สโตร์ ซูเปอร์เซ็นเตอร์ และแคชแอนด์แครี่ จะต้องมีที่ตั้งห่างจากเทศบาลไม่น้อยกว่า 12 กิโลเมตร ประชากรหนาแน่นไม่น้อยกว่า 1 แสนคนต่อห้างค้าปลีกค้าส่ง 1 แห่ง เปิดบริการไม่เกินวันละ 12 ชั่วโมง รวมทั้งจัดสิ่งอำนวยความสะดวก เป็นที่จอดรถ 1 คันต่อพื้นที่อาคาร 20 ตารางเมตร และจัดระบบจราจรไม่ให้ติดขัดและห้ามใช้พื้นที่จอดรถทำธุรกิจ
2. ผู้ค้าปลีกประเภทซูเปอร์มาร์เก็ต จะต้องมีที่ตั้งห่างจากเทศบาลไม่น้อยกว่า 5 กิโลเมตร ประชากรหนาแน่นไม่น้อยกว่า 5 หมื่นคนต่อห้างค้าปลีก 1 แห่ง เปิดบริการไม่เกินวันละ 12 ชั่วโมง และจัดสิ่งอำนวยความสะดวกเป็นที่จอดรถ 1 คันต่อพื้นที่อาคาร 20 ตารางเมตร และจัดระบบจราจรไม่ให้ติดขัดและห้ามใช้พื้นที่จอดรถทำธุรกิจ
3. ผู้ค้าปลีกค้าส่งแบบสะดวกซื้อ หรือ ดิสเคาท์ คอนวีเนียนสโตร์ต้องห่างจากตลาดสดไม่น้อยกว่า 500 เมตร มีความหนาแน่นของประชากรไม่น้อยกว่า 1 หมื่นคนต่อห้าง 1 แห่ง เปิดบริการได้ไม่เกินวันละ 15 ชั่วโมง
4. ผู้ค้าปลีกประเภทสะดวกซื้อ หรือ คอนวีเนียนสโตร์ ไม่มีการกำหนดระยะห่างจากชุมชน มีความหนาแน่นของประชากรไม่น้อยกว่า 3,000 คนต่อร้าน 1 แห่ง และไม่กำหนดระยะเวลาเปิดปิดเพราะเป็นร้านที่เน้นเรื่องการขายสินค้าราคาต่ำแต่เน้นความสะดวกเป็นหลัก
กมธ.ถกรายมาตราวันนี้เร่งให้จบในรัฐบาลนี้
นายยรรยง กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจค้าปลีกหรือค้าส่ง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) วันนี้ (13 ธ.ค.) จะมีการพิจารณาร่างกฎหมายรายมาตรา เป็นรอบที่ 2 ซึ่งจะมีการพิจารณาเรื่องการเพิ่มรายละเอียดของธุรกิจที่ต้องขอใบอนุญาตประกอบการในมาตรา 20 โดยกรมการค้าภายในจะขอเพิ่มพื้นที่จาก 1,000 ตารางเมตร เป็น 2,000-3,000 ตารางเมตร และเสนอเพิ่มรายได้ธุรกิจจาก 1,000 ล้านบาท เป็น 2,000 ล้านบาท และกระทรวงพาณิชย์ได้หารือกับกรรมาธิการ เพื่อให้พิจารณาให้ทันอายุ สนช. และคาดว่าการพิจารณารอบ 2 จะเสร็จในวันนี้ และการประชุมครั้งต่อไปจะเชิญสมาชิก สนช.ที่ขอแปรญัตติไว้ มาหารือ
นายสกล หาญสุทธิวารินทร์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ต้องการให้ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวประกาศเป็นกฎหมายภายในรัฐบาลชุดปัจจุบัน โดยการพิจารณาในชั้นกรรมาธิการมีความพยายามผลักดันไม่ให้ร่าง พ.ร.บ.ใช้ได้ทันรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งถ้าปล่อยให้กฎหมายออกมาไม่ได้หรือรอให้รัฐบาลใหม่เข้ามาผลักดันกฎหมายต่อแล้วไม่มั่นใจว่ากฎหมายที่ออกจะดูแลผู้ประกอบการรายย่อยได้หรือไม่ เพราะเราไม่มีกฎหมายมาดูแลธุรกิจค้าปลีกมา 5 ปีแล้ว และนายเกริกไกร จีระแพทย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ไม่ต้องการให้ผู้ประกอบการรายใหญ่และรายย่อยต้องมาเผชิญหน้ากันรุนแรงเหมือนในต่างประเทศ เช่น อังกฤษ
สมาคมค้าปลีกติงระบุพื้นที่เขตเทศบาลไม่เท่ากัน
นายธนภณ ตังคณานันท์ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า สมาคมผู้ค้าปลีกไทยเห็นว่าการกำหนดพื้นที่ห้างตามมาตรา 20 ควรกำหนดเฉพาะพื้นที่ขายสินค้าตามหลักกฎหมายสากล เพราะในร่างกฎหมายที่กำลังพิจารณา กำหนดครอบคลุมพื้นที่ขายสินค้าภายในและนอกอาคาร พื้นที่ให้บุคคลอื่นเช่า คลังสินค้าที่อยู่ในบริเวณเดียวกับพื้นที่ขาย
นายธนภณ กล่าวว่า สมาคมผู้ค้าปลีกไทยกังวล เรื่องการออกกฎกระทรวงตามมาตรา 20 ที่กระทรวงพาณิชย์เตรียมกำหนดเงื่อนไขของไฮเปอร์มาร์เก็ตต้องห่างจากเทศบาล 12 กิโลเมตร อาจไม่เหมาะสมเพราะเขตเทศบาลแต่ละจังหวัดมีขนาดไม่เท่ากัน เช่น จังหวัดสมุทรสงครามเป็นจังหวัดเล็กการกำหนดให้ห่างจากเทศบาลดังกล่าวอาจทำให้ต้องไปสร้างห้างในจังหวัดราชบุรีหรือสมุทรสาคร
นอกจากนี้ การกำหนดให้ไฮเปอร์มาร์เก็ตต้องทำที่จอดรถ 1 คันต่อพื้นที่อาคาร 20 ตารางเมตร อาจทำให้ต้นทุนของผู้ประกอบการสูงขึ้นมาก จึงต้องพิจารณาให้รอบคอบ เพราะไฮเปอร์มาร์เก็ตส่วนใหญ่มีขนาด 10,000-20,000 ตารางเมตร และที่จอดรถ 1 คัน จะใช้พื้นที่ 35 ตารางเมตร ซึ่งทำให้ไฮเปอร์มาร์เก็ตต้องทำที่จอดรถมีพื้นที่ถึง 22 ไร่
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า เห็นด้วยที่จะมีการเร่งรัดการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจค้าปลีกฯ ให้แล้วเสร็จในรัฐบาลนี้ เนื่องจากเป็นกฎหมายที่มีการตั้งคณะกรรมาธิการพิจารณารายละเอียด และเข้าสู่การพิจารณาเข้าสู่วาระที่ 2 และ 3 จึงมีความชอบธรรมที่ทั้ง สนช.และรัฐบาลจะเร่งพิจารณาให้กฎหมายสามารถประกาศบังคับใช้ได้โดยเร็ว เช่นเดียวกับ พ.ร.บ.เงินตรา ที่เสนอโดยกระทรวงการคลัง ส่วนกฎหมายอื่นที่ยังไม่ได้มีการตั้งคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างกฎหมาย ในฐานะนักวิชาการเห็นว่าสามารถเลื่อนการพิจารณาออกไป เพื่อให้สภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งเป็นผู้พิจารณา
เทสโก้ โลตัสชี้ข้อเสนอพาณิชย์แค่ร่างแรก
นายดามพ์ สุคนธทรัพย์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด ผู้บริหารร้านค้าปลีกภายใต้ชื่อ "เทสโก้ โลตัส" กล่าวกับ "กรุงเทพธุรกิจ" เพียงสั้นๆ ว่า แนวทางที่กระทรวงพาณิชย์เตรียมออกเป็นกฎกระทรวงต่างๆ นั้น ยังคงต้องหารือร่วมกัน แต่นับเป็นสิ่งที่ดีที่กระทรวงพาณิชย์ได้นำเสนอร่างฯ แรก ให้ทุกฝ่ายได้พิจารณา ซึ่งในรายละเอียดนั้นยังต้องศึกษาให้รอบคอบต่อไป
ก่อนหน้านี้ ยักษ์ใหญ่เทสโก้ โลตัส ย้ำอยู่ตลอดเวลาว่า ผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ ไม่ขัดข้องหากภาครัฐเห็นสมควรที่จะให้มีกฎหมายมาควบคุมธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง แต่กฎหมายดังกล่าวควรจะมีความโปร่งใส มีความยุติธรรม และปฏิบัติต่อทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียมกัน โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้บริโภค และผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศเป็นสำคัญ เพราะโดยภาพรวมของร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง พ.ศ. ....นั้น ยังไม่สามารถตอบโจทย์ได้ว่าจะมีการจัดระเบียบระบบธุรกิจค้าปลีกค้าส่งอย่างไร นอกจากการควบคุมห้างค้าปลีกสมัยใหม่
ทั้งนี้ต้องการให้ทุกฝ่ายพิจารณาตั้งแต่หลักการและเหตุผลของการจัดทำร่างฯ เพราะเหตุผลที่กล่าวถึงในร่าง พ.ร.บ. คือ เพื่อจัดระเบียบการประกอบธุรกิจค้าปลีกค้าส่งบางประเภท เพื่อให้ทุกฝ่ายสามารถอยู่ร่วมกันได้
นอกจากนี้ ร่าง พ.ร.บ.ค้าปลีกฯ ยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะมีมาตรการอะไรที่ชัดเจนในการส่งเสริมธุรกิจของร้านค้าปลีกรายย่อย ประการสำคัญ เมื่อนำกฎหมายมาปฏิบัติแล้ว ผู้บริโภคส่วนใหญ่ของประเทศจะได้รับประโยชน์อย่างไร และผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวมจะเป็นอย่างไร
นางสาวภัทรพร เพ็ญประพัฒน์ ผู้ช่วยกรรรมการผู้จัดการใหญ่ สายการตลาด และประชาสัมพันธ์ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ผู้บริหารเครือข่ายเซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์, ท็อปส์ มาร์เก็ต, ท็อปส์ ซูเปอร์ และท็อปส์ เดลี่ กล่าวว่า บริษัทพร้อมปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับของทางราชการ ซึ่งขณะนี้ยังรอความชัดเจนต่างๆ
กมธ.ต่างด้าวเร่งปรับปรุงบัญชี 3
ด้านความคืบหน้าเกี่ยวกับการแก้ไข พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจคนต่างด้าว นายเกริกไกร จีระแพทย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว กล่าวว่า คณะกรรมาธิการได้เห็นชอบในหลักการให้ปรับปรุงแก้ไขธุรกิจแนบท้ายในบัญชี 3 หรือธุรกิจที่คนไทยยังไม่มีความพร้อม แต่ต่างชาติสามารถประกอบกิจการได้ ต้องได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวที่มีปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน โดยหลักเกณฑ์การพิจารณาเบื้องต้น จะถอดรายการที่มีกฎหมายเฉพาะรองรับอยู่แล้วออกจากบัญชี 3 เช่น ธุรกิจธนาคาร ประกันภัย หลักทรัพย์ ท่องเที่ยว เป็นต้น
นอกจากนี้ จะพิจารณาให้รายการที่คนไทยมีความพร้อมในการแข่งขัน และรายการที่ตามปกติแล้วมีการอนุญาตให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจเป็นประจำ โดยให้คนต่างชาติสามารถมาแจ้งต่อคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว และสามารถประกอบธุรกิจได้เลย เพื่อให้เกิดความสะดวกในการประกอบธุรกิจ
“ปกติธุรกิจแนบท้ายตามบัญชี 3 เดิมคนต่างชาติจะต้องมาขออนุญาตจากคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวถึงจะประกอบกิจการได้ แต่การแก้ไขใหม่จะทำให้เกิดความยืดหยุ่น โดยธุรกิจที่มีกฎหมายรองรับก็ยกออกไป ส่วนธุรกิจที่คนไทยมีความพร้อมแล้ว ก็ควรเปิดซึ่งทางคณะกรรมาธิการจะต้องพิจารณาว่ามีรายการใดบ้างที่คนไทยมีความพร้อมแล้ว” นายเกริกไกร กล่าว
นายเกริกไกร กล่าวว่า การที่ระยะเวลาการทำงานของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เหลือไม่มากนัก อาจทำให้กฎหมายหลายฉบับ ที่กระทรวงพาณิชย์ปรับปรุงแก้ไขหรือยกร่างใหม่ พิจารณาบังคับใช้ไม่ทันรัฐบาลชุดปัจจุบัน เป็นเรื่องที่ สนช.จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งการทำงานของรัฐบาลถือว่าทำมาอย่างเต็มที่แล้ว
“ถ้าตอนนี้ผมไม่ทำอะไรเลย ก็จะหาว่าใส่เกียร์ว่าง ดังนั้นเวลาที่เหลืออยู่จะทำให้ดีที่สุด ซึ่งกฎหมายจะผ่านสภาหรือไม่ขึ้นอยู่กับ สนช. ที่ต้องรับผิดชอบ เมื่อเข้าสภาออกช้าหรือเร็วก็เป็นเรื่องของสนช.” นายเกริกไกร กล่าว
เร่งปรับบัญชีส่งเข้าสนช.ก่อน 23 ธ.ค.
นายคณิสสร นาวานุเคราะห์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวว่า คณะกรรมาธิการจะมีการประชุมอีกครั้งหนึ่งในสัปดาห์หน้า ซึ่งจะพิจารณาปรับปรุงธุรกิจแนบท้ายในบัญชี 3 เบื้องต้นมีหลักเกณฑ์การพิจาณาแล้วว่า จะถอดธุรกิจใดบ้างออกจากบัญชี ดังนั้นคาดว่าจะใช้ระยะเวลาในการพิจารณาไม่มาก เพราะคงต้องเร่งสรุปกฎหมายให้เร็วที่สุด เพื่อเข้าสู่การพิจารณาของสนช.วาระ 2 และ 3 ให้ทันภายใน 23 ธ.ค. นี้
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า การพิจารณากฎหมายที่ค้างคาอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญ สนช. ซึ่งรวมถึงกฎหมายต่างด้าว กฎหมายค้าปลีกค้าส่ง ควรจะเข้าการพิจารณาวาระ 2 และ 3 ของ สนช.ภายในวันที่ 21 ธ.ค. เพราะภายหลังจากการเลือกตั้งในวันที่ 23 ธ.ค. สภาไม่ควรเร่งรัดผลักดันกฎหมายฉบับใดออกมาแล้ว เพราะถือเป็นมารยาท ให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งดำเนินการ แม้ว่าจะมีสิทธิพิจารณากฎหมายที่ค้างคาอยู่ในสภาก็ตาม