ตลาดหุ้นภาคบ่ายรูดลงหนัก แรงขายหุ้นใหญ่ฉุดดัชนีปิดลบ 15.32 จุด โดยเฉพาะหุ้นพลังงานร่วงหนักถึง 3.47% ต่างชาติเริ่มขายทิ้ง โบรกฯ ชี้ผลคดี ปตท. กดดันตลาดฯ ต้องรอผลคำตัดสินของศาล 14 ธ.ค.พร้อมระบุ ราคาหุ้นเริ่มแพงเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันนี้(3 พ.ย.) ดัชนีปิดตลาดช่วงบ่ายที่ระดับ 831.12 จุด ลดลง 15.32 จุด เปลี่ยนแปลง -1.81% มูลค่าการซื้อขาย 16,940 ล้านบาท โดยการซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีปรับขึ้นในแดนบวกช่วงเปิดตลาด หลังจากนั้นก็ไหลลงมาอยู่ปิดภาคเช้าในแดนลบ ส่วนภาคบ่ายผันผวนหนัก โดยมีแรงขายหุ้นบิ๊กแคปและกลุ่มพลังงาน ดัชนีขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 850.36 จุด และจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 830.94 จุด
หลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 84 หลักทรัพย์ ลดลง 247 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 101 หลักทรัพย์ สำหรับสัดส่วนการลงทุน นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,680.84 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 618.77 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 1,047.70 ล้านบาท
นักวิเคราะห์เผย ดัชนีตลาดหุ้นภาคบ่ายวันนี้ ปรับตัวลงแรง โดยเฉพาะในหุ้นกลุ่มพลังงานลบกว่า 3% ปัจจัยหลักเป็นเรื่องของราคาหุ้นราคาค่อนข้างแพงเมื่อเทียบกับราคาปิดเมื่อปี 2549 โดยหุ้น บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) หรือ PTT ปิดที่ 210 บาท ขณะนี้ราคาอยู่ที่ 360 บาท ผู้ที่ถือหุ้นระยะกลางระยะยาวมีกำไรมหาศาล เป็นสาเหตุหลักที่ต้องขายกลุ่มพลังงาน เพราะกลุ่มพลังงานยังเป็นกลุ่มที่มีผลกำไรดีที่สุด
ทั้งนี้ ปัจจัยราคาน้ำมันจะมีแนวโน้มปรับตัวลดลงทำให้มีแรงขายทำกำไรในกลุ่มพลังงานออกมามาก หลังจากที่มีการดีดกลับทางเทคนิคและมีการปรับฐานทางเทคนิคเหมือนกัน
นักวิเคราะห์แนะแนะจับตาหุ้นพลังงานถ้าแรงขายหยุดเมื่อไรก็จะทรงตัวได้ แต่ถ้าแรงขายยังไม่หมดแนวโน้มราคาจะอ่อนตัวก็ยังมีอยู่เพราะมีน้ำหนักค่อนข้างเยอะ และกลุ่มธนาคารน้ำหนัก 15% ของตลาด หากแรงขายทั้ง 2 กลุ่มนี้ยังมีออกมาอย่างต่อเนื่อง ดัชนีมีแนวโน้มที่จะปรับฐานลงได้
สำหรับกรณีของ ปตท. คงต้องรอพิจารณาคดีวันที่ 14 ธ.ค.นี้ ช่วงสั้นยังไม่ใช่เป็นประเด็นที่สำคัญ แต่ก็เป็นปัจจัยลบจากนี้ไปประกอบกับราคาเมื่อเทียบกับปีที่แล้วปรับขึ้นมาค่อนข้างมาก
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 ลำดับ ได้แก่ PTT มูลค่าการซื้อขาย 3,767.74 ล้านบาท ปิดที่ 358.00 บาท ลดลง 22.00 บาท , PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,807.68 ล้านบาท ปิดที่ 150.00 บาท ลดลง 2.00 บาท , TTA มูลค่าการซื้อขาย 754.19 ล้านบาท ปิดที่ 51.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
SCB มูลค่าการซื้อขาย 544.42 ล้านบาท ปิดที่ 83.00 บาท ลดลง 3.00 บาท , BANPU มูลค่าการซื้อขาย 489.87 ล้านบาท ปิดที่ 428.00 บาท ลดลง 8.00 บาท
ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันนี้(3 พ.ย.) ดัชนีปิดตลาดช่วงบ่ายที่ระดับ 831.12 จุด ลดลง 15.32 จุด เปลี่ยนแปลง -1.81% มูลค่าการซื้อขาย 16,940 ล้านบาท โดยการซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีปรับขึ้นในแดนบวกช่วงเปิดตลาด หลังจากนั้นก็ไหลลงมาอยู่ปิดภาคเช้าในแดนลบ ส่วนภาคบ่ายผันผวนหนัก โดยมีแรงขายหุ้นบิ๊กแคปและกลุ่มพลังงาน ดัชนีขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 850.36 จุด และจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 830.94 จุด
หลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 84 หลักทรัพย์ ลดลง 247 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 101 หลักทรัพย์ สำหรับสัดส่วนการลงทุน นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,680.84 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 618.77 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 1,047.70 ล้านบาท
นักวิเคราะห์เผย ดัชนีตลาดหุ้นภาคบ่ายวันนี้ ปรับตัวลงแรง โดยเฉพาะในหุ้นกลุ่มพลังงานลบกว่า 3% ปัจจัยหลักเป็นเรื่องของราคาหุ้นราคาค่อนข้างแพงเมื่อเทียบกับราคาปิดเมื่อปี 2549 โดยหุ้น บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) หรือ PTT ปิดที่ 210 บาท ขณะนี้ราคาอยู่ที่ 360 บาท ผู้ที่ถือหุ้นระยะกลางระยะยาวมีกำไรมหาศาล เป็นสาเหตุหลักที่ต้องขายกลุ่มพลังงาน เพราะกลุ่มพลังงานยังเป็นกลุ่มที่มีผลกำไรดีที่สุด
ทั้งนี้ ปัจจัยราคาน้ำมันจะมีแนวโน้มปรับตัวลดลงทำให้มีแรงขายทำกำไรในกลุ่มพลังงานออกมามาก หลังจากที่มีการดีดกลับทางเทคนิคและมีการปรับฐานทางเทคนิคเหมือนกัน
นักวิเคราะห์แนะแนะจับตาหุ้นพลังงานถ้าแรงขายหยุดเมื่อไรก็จะทรงตัวได้ แต่ถ้าแรงขายยังไม่หมดแนวโน้มราคาจะอ่อนตัวก็ยังมีอยู่เพราะมีน้ำหนักค่อนข้างเยอะ และกลุ่มธนาคารน้ำหนัก 15% ของตลาด หากแรงขายทั้ง 2 กลุ่มนี้ยังมีออกมาอย่างต่อเนื่อง ดัชนีมีแนวโน้มที่จะปรับฐานลงได้
สำหรับกรณีของ ปตท. คงต้องรอพิจารณาคดีวันที่ 14 ธ.ค.นี้ ช่วงสั้นยังไม่ใช่เป็นประเด็นที่สำคัญ แต่ก็เป็นปัจจัยลบจากนี้ไปประกอบกับราคาเมื่อเทียบกับปีที่แล้วปรับขึ้นมาค่อนข้างมาก
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 ลำดับ ได้แก่ PTT มูลค่าการซื้อขาย 3,767.74 ล้านบาท ปิดที่ 358.00 บาท ลดลง 22.00 บาท , PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,807.68 ล้านบาท ปิดที่ 150.00 บาท ลดลง 2.00 บาท , TTA มูลค่าการซื้อขาย 754.19 ล้านบาท ปิดที่ 51.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
SCB มูลค่าการซื้อขาย 544.42 ล้านบาท ปิดที่ 83.00 บาท ลดลง 3.00 บาท , BANPU มูลค่าการซื้อขาย 489.87 ล้านบาท ปิดที่ 428.00 บาท ลดลง 8.00 บาท