หุ้นไทยมีเทคนิคัลรีบาวน์ แรงกดดันต่างๆ ลดลงไปจากการที่ตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการ ส่งผลให้ตลาดภูมิภาคส่วนใหญ่ดีดกลับขึ้นมา หุ้นไทยมีแรงซื้อหุ้นใหญ่ TTA PTT TOP PTTEP BAY ทำให้ดัชนีช่วงบ่ายปรับขึ้นแรง มองเป็นแค่เทคนิคัลรีบาวน์ เพราะยังมีปัจจัยเสี่ยงเรื่องปัญหาซับไพร์มของสหรัฐที่กดดันอยู่ ทิศทางสัปดาห์หน้ายังผันผวน แนวต้าน 840 จุด แนวรับ 810 จุด
ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันนี้(23 พ.ย.) ดัชนีปิดตลาดช่วงบ่ายที่ระดับ 824.25 จุด เพิ่มขึ้น 15.43 จุด เปลี่ยนแปลง +1.91% มูลค่าการซื้อขาย 16,835 ล้านบาท การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีเคลื่อนกรอบสลับบวกและลบตลอดวัน โดยขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 825.49 จุด ส่วนดัชนีจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 807.38 จุด ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 251 หลักทรัพย์ ลดลง 76 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 118 หลักทรัพย์
นายวีระชัย ครองสามสี ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ฟาร์อีสท์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นวันนี้มีเทคนิคัลรีบาวน์ แรงกดดันต่างๆ ลดลงไปจากการที่ตลาดหุ้นสหรัฐหยุดในวันขอบคุณพระเจ้า ส่งผลให้ตลาดในภูมิภาคส่วนใหญ่มีการฟื้นตัวขึ้นทั้งหมด เป็นปัจจัยที่ส่งผลทำให้ตลาดหุ้นบ้านเรามีการดีดกลับขึ้นมา ประกอบกับแรงดีดกลับขึ้นมามีแรงเข้าไปทยอยซื้อคืนในหุ้นกลุ่มหลัก เช่น TTA BAY TOP PTT PTTEP ปรับตัวเพิ่มขึ้นทำให้ดัชนีช่วงบ่ายมีการปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างแรง
โดยรวมการดีดตัวเพิ่มขึ้นน่าจะเป็นปัจจัยทางเทคนิคเนื่องจากตลาดปรับตัวลงมาค่อนข้างแรงและอยู่ในภาวะขายมากเกินไปส่งผลให้มีการดีดตัวเพิ่มขึ้น แต่ปัจจัยเสี่ยงยังต้องติดตามอยู่ ในแง่ของ OECD มีการระบุความเสียหายโดยรวมที่เกิดจากวิกฤตการณ์ในตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัยหรือซับไพร์มของสหรัฐอาจพุ่งขึ้นถึง 3 แสนล้านดอลลาร์ อาจจะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นสหรัฐอีกระลอก จึงมองว่าตลาดหุ้นไทยแม้ว่าจะขึ้นมาได้แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงกดดันตรงนั้นอยู่ แต่ในแง่ทางเทคนิคถ้าระดับ 796 จุด เป็นจุดต่ำสุดหลังจากนั้นตลาดน่าจะปรับตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดอีกทีในช่วงกลางเดือนม.ค.
สำหรับทิศทางสัปดาห์หน้ามองในแง่ของทางเทคนิคตลาดมีโอกาสที่จะฟื้นตัวขึ้นได้แต่จุดที่จะทำให้ตลาดถอยลงมาได้คือเรื่องของตลาดหุ้นสหรัฐหลังจากที่เปิดมายังได้รับผลกระทบจากเรื่องปัญหาสินเชื่อการปล่อยกู้หรือไม่ถ้ายังปรับตัวลดลงก็ยังมีผลต่อการฟื้นตัวของตลาดหุ้นในสัปดาห์หน้า กรอบสัปดาห์หน้าผันผวนแนวต้าน 840 จุด แนวรับ 810 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,985.71 ล้านบาท ปิดที่ 360.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท
PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,640.09 ล้านบาท ปิดที่ 147.00 บาท เพิ่มขึ้น 8.00 บาท
BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,277.50 ล้านบาท ปิดที่ 388.00 บาท เพิ่มขึ้น 12.00 บาท
TTA มูลค่าการซื้อขาย 984.31 ล้านบาท ปิดที่ 49.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท
IEC มูลค่าการซื้อขาย 830.70 ล้านบาท ปิดที่ 1.15 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท
ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันนี้(23 พ.ย.) ดัชนีปิดตลาดช่วงบ่ายที่ระดับ 824.25 จุด เพิ่มขึ้น 15.43 จุด เปลี่ยนแปลง +1.91% มูลค่าการซื้อขาย 16,835 ล้านบาท การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีเคลื่อนกรอบสลับบวกและลบตลอดวัน โดยขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 825.49 จุด ส่วนดัชนีจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 807.38 จุด ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 251 หลักทรัพย์ ลดลง 76 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 118 หลักทรัพย์
นายวีระชัย ครองสามสี ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ฟาร์อีสท์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นวันนี้มีเทคนิคัลรีบาวน์ แรงกดดันต่างๆ ลดลงไปจากการที่ตลาดหุ้นสหรัฐหยุดในวันขอบคุณพระเจ้า ส่งผลให้ตลาดในภูมิภาคส่วนใหญ่มีการฟื้นตัวขึ้นทั้งหมด เป็นปัจจัยที่ส่งผลทำให้ตลาดหุ้นบ้านเรามีการดีดกลับขึ้นมา ประกอบกับแรงดีดกลับขึ้นมามีแรงเข้าไปทยอยซื้อคืนในหุ้นกลุ่มหลัก เช่น TTA BAY TOP PTT PTTEP ปรับตัวเพิ่มขึ้นทำให้ดัชนีช่วงบ่ายมีการปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างแรง
โดยรวมการดีดตัวเพิ่มขึ้นน่าจะเป็นปัจจัยทางเทคนิคเนื่องจากตลาดปรับตัวลงมาค่อนข้างแรงและอยู่ในภาวะขายมากเกินไปส่งผลให้มีการดีดตัวเพิ่มขึ้น แต่ปัจจัยเสี่ยงยังต้องติดตามอยู่ ในแง่ของ OECD มีการระบุความเสียหายโดยรวมที่เกิดจากวิกฤตการณ์ในตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัยหรือซับไพร์มของสหรัฐอาจพุ่งขึ้นถึง 3 แสนล้านดอลลาร์ อาจจะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นสหรัฐอีกระลอก จึงมองว่าตลาดหุ้นไทยแม้ว่าจะขึ้นมาได้แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงกดดันตรงนั้นอยู่ แต่ในแง่ทางเทคนิคถ้าระดับ 796 จุด เป็นจุดต่ำสุดหลังจากนั้นตลาดน่าจะปรับตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดอีกทีในช่วงกลางเดือนม.ค.
สำหรับทิศทางสัปดาห์หน้ามองในแง่ของทางเทคนิคตลาดมีโอกาสที่จะฟื้นตัวขึ้นได้แต่จุดที่จะทำให้ตลาดถอยลงมาได้คือเรื่องของตลาดหุ้นสหรัฐหลังจากที่เปิดมายังได้รับผลกระทบจากเรื่องปัญหาสินเชื่อการปล่อยกู้หรือไม่ถ้ายังปรับตัวลดลงก็ยังมีผลต่อการฟื้นตัวของตลาดหุ้นในสัปดาห์หน้า กรอบสัปดาห์หน้าผันผวนแนวต้าน 840 จุด แนวรับ 810 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,985.71 ล้านบาท ปิดที่ 360.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท
PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,640.09 ล้านบาท ปิดที่ 147.00 บาท เพิ่มขึ้น 8.00 บาท
BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,277.50 ล้านบาท ปิดที่ 388.00 บาท เพิ่มขึ้น 12.00 บาท
TTA มูลค่าการซื้อขาย 984.31 ล้านบาท ปิดที่ 49.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท
IEC มูลค่าการซื้อขาย 830.70 ล้านบาท ปิดที่ 1.15 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท