xs
xsm
sm
md
lg

หลักธรรมสำหรับสถานการณ์ในไทย (31) : นโยบายไม่ถึงกับถูกใจ ... แต่ ... ให้ถูกหลักการ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผมว่าตอนนี้นักลงทุนไทยเรามีความสามารถกว่าในอดีต ระยะนี้ นักลงทุนมีความเข้าใจว่า ตลาดหุ้นผันผวนเป็นผลมาจากปัญหาตลาดสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์โดยเห็นสัญญาณจากกลุ่มสินเชื่อระดับซับไพรม์ในสหรัฐอเมริกา จนทำให้หุ้นหล่นทั่วโลก ดัชนีดาวโจนส์ตกจากระดับประมาณ 14,000 จุดลงมาต่ำถึงประมาณ 13,000 จุด ตลาดหุ้นไทยก็ตกจากระมาณ 860-880 จุด ลงมาที่ประมาณ 740-760 จุดในช่วงที่ผ่านมา

ปัญหานี้ ส่งผลให้คนวงการหุ้นพูดกันมากว่า รัฐบาลและธนาคารกลางจะไม่ทำอะไรเลยหรือ ? ราคาอสังหาริมทรัพย์ตกต่ำลง ราคาหลักทรัพย์ตกต่ำลง จนทำให้มีคนขาดทุนมากมาย รายการหุ้นก็ถ่ายทอดปัญหาหุ้นลงมากมาย

แม้เราเองในวงการหุ้นไทย เช่นเดียวกับทุกประเทศทั่วเอเซีย และทั่วโลก ก็คงรู้สึกไม่ชอบใจที่หุ้นตกลงมาเพราะปัญหาดังกล่าว ก็อยากเห็นมาตรการแก้ปัญหาให้หุ้นขึ้น คนจำนวนหนึ่งก็ถึงกับบอกว่า ให้รีบปรับลดดอกเบี้ยประมาณ 1% เพราะปัญหาซับไพรม์ทำให้หุ้นลง การลดดอกเบี้ย ก็จะสามารถช่วยแก้ปัญหานี้ได้

แต่นักเศรษฐศาสตร์หลายคนก็มีโอกาสเตือนสติเหมือนกันว่า ส่วนหนึ่งของปัญหา เกิดจากการเก็งกำไรตลาดอสังหาริมทรัพย์ตามปกติ การเก็งกำไรย่อมมีทั้งกำไรและขาดทุน หากภาครัฐต้องอุ้มเมื่อนักเก็งกำไรขาดทุน อาจไม่เป็นผลดีต่อส่วนรวม

ในข้อถกเถียงกัน ฝ่ายที่สนับสนุนให้แก้ไขปัญหาโดยลดดอกเบี้ยก็เริ่มขยายภาพว่า หุ้นที่ตก และราคาอสังหาริมทรัพย์ที่ตก กำลังทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่น และอาจจะกระทบต่อการบริโภคและอาจนำไปสู่สภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ น่าจะมีผลให้การปรับลดดอกเบี้ย ปรับลดได้ด้วย “เหตุผล” ที่ถูกต้องมากกว่าการ “อุ้ม” คนเก็งกำไรที่ผิดจังหวะ

แล้วเมื่อวันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม 2550 ที่ผ่านมา ประธานธนาคารกลาง เบอร์นันเก้ ก็ออกมาบอกว่า ธนาคารกลางไม่อยากส่งสัญญาณว่าจะต้องแก้ไขปัญหาเมื่อมีผู้เก็งกำไรอสังหาริมทรัพย์ และเก็งกำไรหุ้นผิดจังหวะ จะเป็นสัญญาณที่ไม่ถูกต้อง แต่ธนาคารกลางไม่ได้เพิกเฉยต่อผลกระทบ กำลังติดตามสถานการณ์ต่อไป และหากมีสถานการณ์ที่เลวร้ายลงในด้านตลาดทุน ตลาดเงิน และสภาพเศรษฐกิจ เขาพร้อมจะให้มาตรการเพิ่มเติมต่อไป สรุปก็คือ ขณะนี้ ธนาคารกลางยังไม่ใช้นโยบายการเงินไม่ลดดอกเบี้ย เพียงเพื่ออุ้มระดับราคาหลักทรัพย์ แก้ปัญหาคนเก็งกำไรผิดจังหวะ (ต่างกับช่วงเหตุการณ์ 9/11 ซึ่งธนาคารกลางลดดอกเบี้ย 11 ครั้ง เพราะเป็นปัญหาเรื่องส่วนรวมจริง ไม่ใช่ปัญหาเฉพาะกลุ่มเก็งกำไร)

ประธานาธิบดีบุช ก็ได้ส่งสัญญาณว่า ตัวเลขเศรษฐกิจยังน่าพอใจ การขยายตัว การจ้างงาน การสร้างงาน ระดับเงินเฟ้อ อยู่ในระดับที่ยังน่าพอใจ รัฐบาลไม่อยากใช้นโยบายการคลังโดยใช้เงินของรัฐเข้าไปอุ้มช่วยปัญหาจากการเก็งกำไรที่ผิดจังหวะ แต่ภาครัฐยังคงต้องการช่วยผู้ที่เป็น “เจ้าของบ้าน” และขาดความสามารถในการชำระคืนเงินกู้ โดยช่วยสนับสนุนให้มีการเจรจากับเจ้าหนี้ให้มีภาระการชำระน้อยลง จะได้สามารถทำได้มากขึ้น มีนโยบายลดภาระภาษีในการเปลี่ยนเจ้าหนี้จากการทำ Refinancing และสนับสนุนให้องค์กรปล่อยสินเชื่อเพื่อที่อยู่ศัยช่วยเป็นทางเลือกในการปล่อยกู้ด้วย

ผมเห็นว่าดีที่ผู้กำกับนโยบาย “กล้า” มีนโยบายที่ไม่ใช่เพียง “เอาใจ” หากรัฐจะทำเป็นพี่ใหญ่ คนเก็งกำไรหุ้นและอสังหาริมทรัพย์เดือดร้อน ก็ใช้นโยบายลดดอกเบี้ยเข้าไปช่วย หรือใช้ภาครัฐเข้าไปอุ้ม ก็อาจได้คะแนนเสียงง่ายๆว่า รัฐบาลคอยอุ้มแก้ไขปัญหาประชาชนเสมอ (แม้คนที่ตัดสินใจผิด) และหุ้นที่ขึ้นก็ทำให้ทุกคนมีกำลังใจดีขึ้น มีความนิยมต่อรัฐบาลดีขึ้น

แต่สิ่งที่เขาห่วงมากคือ “สัญญาณผิด” ที่ไม่ทำให้ประชาชนเดินหน้าในทางชอบธรรม เก็งกำไรจนขาดความรับผิดชอบ และหากเป็นเช่นนั้น ผมก็เห็นว่าจะเป็นการชะลอปัญหา และสนับสนุนให้คนตัดสินใจลงทุนโดยไม่คิด ก็จะทำให้มีการตัดสินใจที่ขาดคุณภาพ และเป็นภาระต่อส่วนรวมต่อไป

ผมชื่นชมที่สื่อมวลชนเขาสนับสนุน ยินดีเข้าใจนโยบายที่ไม่ถูกใจ แต่ใช้ความถูกต้อง และประชาชนที่บางคนเองก็ขาดทุนจากสถานการณ์ แต่ก็จะไม่โกรธรัฐบาลหรือธนาคารกลางที่ไม่เข้ามาช่วยแก้ปัญหานี้ด้วยยาแรงอย่างที่อยากเห็น ถ้าทุกฝ่ายมองเรื่องนโยบายที่ต้องการความถูกต้อง จะทำให้บ้านเมืองเดินอย่างถูกต้อง และเจริญอย่างยั่งยืนในที่สุดครับ

สัปดาห์หน้า ผมจะกลับมาดูนโยบายในประเทศ และอยากให้เราลองนึกดูว่า นโยบายใดเพียง “ถูกใจ” เพื่อ “เอาใจ” แต่ก็ไม่ถูกหลักการ และนโยบายใด “ถูกต้อง” แต่ไม่ถูกใจ

อย่าง “ช่วยให้ได้เงินง่ายๆ” “พักหนี้” “ซ่อนหนี้ เพื่อเอาเงินของคนรุ่นหน้ามาใช้ในยุคนี้” กับการ “สร้างคน พัฒนาการศึกษา สนับสนุนให้เพิ่มโอกาสในการทำงานเพิ่มผลผลิต” นโยบายอย่างใดที่เป็นนโยบายที่ทำให้ เศรษฐกิจเติบโต คน “หายจน” จนเป็นอิสระทางการเงิน และพึ่งตนเองได้ ไม่ต้องรอความช่วยเหลือเพื่อเอาบุญคุณจากนักการเมืองต่อไป

บ้านเมืองเป็นของเรา และมีพระคุณต่อเรา เราทุกคนมีส่วนช่วยทำให้บ้านเมืองน่าอยู่ เศรษฐกิจและตลาดหุ้นรุ่งเรืองยั่งยืนยิ่งขึ้นต่อไปครับ


มนตรี ศรไพศาล
(montree4life@yahoo.com)
กำลังโหลดความคิดเห็น