xs
xsm
sm
md
lg

หลักธรรมสำหรับสถานการณ์ในไทย (30) : จากภาพยนตร์ Ratatouille หนูน้อยพ่อครัวอัจฉริยะ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผมได้มีโอกาสได้พาครอบครัวไปชมภาพยนตร์ดีๆ เรื่อง “Ratatouille” หนูน้อยพ่อครัวอัจฉริยะ ผมว่าเป็นการ์ตูนที่มีบทเรียนสร้างสรรค์อย่างยิ่ง ทั้งต่อเด็กๆ และผู้ใหญ่ด้วย

เป็นเรื่องของหนูน้อย เรมี่ (มี 4 ขา ท่านผู้อ่านจะได้เข้าใจว่าเป็นหนูที่เป็นหนู ไม่ใช่คน) ที่สนใจศึกษาเรื่องการทำอาหาร เขาชอบอ่านหนังสือการทำครัว และมีความใฝ่ฝันที่จะทำครัว

ครั้งหนึ่ง มีการปราบปรามหนู จนฝูงหนูต้องหนีลงท่อใต้ดินไป แต่หนูน้อยเรมี่ต้องการเอาหนังสือการทำอาหารของภัตตาคารฝรั่งเศสชื่อดัง “กุสโตว์” ไปด้วย จึงตามครอบครัวไปไม่ทัน ตกลงไปในท่อ และหลงทาง หลังจากนั้นก็โดดเดี่ยว จึงเปิดหนังสือการทำอาหารอ่านไปเรื่อย และเริ่มเห็นท่านกุสโตว์ผู้ล่วงลับต้นตำหรับอาหารในความคิดและความเชื่อ จึงได้พูดคุยกับท่านกุสโตว์เป็นดังสหายที่ดีเลิศในยามลำบาก

เวลาผ่านไปเนิ่นนาน เรมี่ก็เริ่มหิว ก็ได้รับแรงบันดาลใจจากท่านกุสโตว์ให้ปีนขึ้นไปดูโลกเบื้องบน เรมี่ก็ไป และพบว่า ตนอยู่ใต้มหานครปารีส ใต้ภัตตาคารชื่อดังคือ กุสโตว์นั่นเอง ในขณะที่เรมี่กำลังจะคว้าขนมปังมารับประทาน ท่านกุสโตว์ก็บอกว่า “กำลังทำอะไร ? จะขโมยหรือ ? อย่าขโมยของคนอื่นเขาเลย เป็นพ่อครัวทำอาหารไม่ดีกว่าหรือ ? จะได้เป็นผู้ “สร้าง” ไม่ใช่เป็นเพียงผู้ “แย่งชิง” เท่านั้น และขอให้เชื่อว่า “ผู้สร้างย่อมไม่มีวันอด จะมีความภาคภูมิใจในหน้าที่และคุณค่าที่ตนมีต่อคนอื่น และมีรับประทานดีกว่าที่ไปแย่งเขามา” แล้วเรมี่กับกุสโตว์ก็เริ่มคุยทดสอบความรู้กัน หนูน้อย เรมี่ได้สังเกตุเห็นว่า ลิงกวินี่ พนักงานหน้าใหม่ที่ทำหน้าที่เก็บขยะ กำลังพยายามจะปรุงอาหาร คือซุปซึ่งผิดวิธี เขาก็ได้รับคำแนะนำจากท่านกุสโตว์ว่าเป็นโอกาสแสดงฝีมือ พยายามอย่างยิ่งที่จะเข้าไปแก้ไข เขาล้างมือ (เท้าหน้า) แล้วหยิบเครื่องปรุงมากมาย เพื่อแก้ไขซุปให้มีรสชาติที่ดี จนซุปนั้นเป็นที่ติดอกติดใจของลูกค้า

พ่อครัวใหญ่สงสัยว่า ลิงกวีนี่ จะทำได้อย่างไร แต่เมื่อทราบว่าลูกค้าชอบ ก็ตั้งโจทย์ยากว่า พรุ่งนี้ ต้องทำซุปให้ได้ดีเหมือนเดิม ทันใดนั้นเอง ทุกคนก็เห็นหนูเรมี่ แต่ลิงกวินี่ เด็กเก็บขยะจับไว้ได้ ทุกคนจึงบอกให้ลิงกวินี่เอาไปกำจัดทิ้งเสีย ลิงกวินี่ก็ถือขวดที่ขังเรมี่ไปที่ริมน้ำ แล้วก็ปรับทุกข์ โทษหนูเรมี่ว่า ทำให้เขาเดือดร้อน เพราะไปทำซุปจนอร่อย แล้วทีนี้ เขาจะทำอย่างไรดี เขาก็เห็นหนูเรมี่พยักหน้า ฟังเขาอย่างเข้าใจและเห็นใจ จึงเกิดประกายความคิดว่า ถ้าเช่นนั้น หนูเรมี่จะช่วยให้เขาสามารถทำซุปให้อร่อยเหมือนเดิมได้หรือไม่ เรมี่ก็บอกทำได้ ลิงกวินี่จึงนำหนูเรมี่มาเลี้ยงที่บ้าน

แล้วเขาทั้งสองก็ร่วมมือกัน ให้หนูเรมี่จับเส้นผมของเด็กลิงกวินี่ เพื่อหยิบจับทำอาหาร จนในที่สุด ก็สามารถทำอาหารได้ประสบความสำเร็จ จนภัตตาคารกลับมาโด่งดังอีกครั้งหนึ่ง

ผมขอเล่าแค่โครงเรื่อง และขอแบ่งปันแรงบันดาลใจที่ผมได้รับ ดังนี้

1.“อย่าขโมยของคนอื่นเขา จงเป็นผู้สร้าง” ในสภาวะที่หนูเรมี่จะขโมยของได้ เพราะเวลานั้น ไม่มีใครเห็น การบังคับตนเองนั้น เป็นเรื่องคุณธรรม จริยธรรมของตนเอง แล้วเขาก็เลือกที่จะเชื่อคำแนะนำของ “ท่านกุสโตว์” ซึ่งสอนเขาในทางที่ดี คือรักษาคุณธรรมไว้ ไม่ขโมย และพยายามเป็นพ่อครัว ผู้สร้าง จนในที่สุด โอกาสก็มาถึง และการตอบแทนจากการสร้าง อาจไม่มากมายท่วมท้นแบบการขโมยของคนอื่นเขา แต่เพียงพออย่างแน่นอน และยังน่าภาคภูมิใจ สบายใจ ไม่มีสิ่งใดต้องซ่อนเร้น และในที่สุด ก็ไม่ต้องหลบลี้หนีหน้าใคร

สังคมบ้านเรายังขาดการพัฒนานักคิด นักพัฒนา มีนักเศรษฐศาสตร์เคยประมาทประเทศไทยว่า ผู้ร่ำรวยมักจะไม่ใช่ผู้ที่รวยจากการสร้างคุณค่า แต่มาจากการได้รับอำนาจผูกขาดพิเศษ จึงไม่ใช่เจ้าของไมโครซอฟท์ที่ผลิตโปรแกรมไมโครซอฟท์ ผู้พัฒนารถยนต์อย่างโตโยต้า ผู้พัฒนาภาพยนตร์ดีๆ และศูนย์บันเทิงอย่างวอลท์ ดิสนีย์ ดาราดังๆ นักกีฬาดังๆ ที่ทุ่มเทเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ชม แต่เศรษฐีบ้านเรา ถูกมองไปว่า เป็นผู้มีอำนาจผูกขาดพิเศษ ทำให้ขายสินค้าแล้วสามารถ “บวก” กำไรพิเศษ ซึ่งหากปราศจากอำนาจผูกขาด จะมีคู่แข่งที่มาขายสินค้าในราคาถูกกว่านั้น ก็เท่ากับเป็นการเอากำไรพิเศษจากผู้บริโภคหรือภาครัฐเข้ากระเป๋าส่วนตัว หากปล่อยให้เป็นเช่นนั้นไปจริง เยาวชนเราก็อาจจะขาดความมุ่งมั่นที่จะเป็น “ผู้สร้าง” แต่อาจมุ่งมั่นหาช่องทางอำนาจพิเศษ ก็จะทำให้ขาดพลังสร้างสรรค์ของประเทศได้

2.“เอื้อประโยชน์ต่อกันและกัน” หรือ “Win-Win” หรือ “Synergy” มุ่งสร้างประโยชน์ต่อกันและกัน รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง ลิงกวินี่ทำอาหารไม่เป็น หนูเรมี่เป็นพ่อครัวอัจฉริยะ แต่ยังไม่เป็นที่ยอมรับ การที่ทั้งสองร่วมมือกัน เรมี่เป็นผู้แนะให้ลิงกวีนี่ทำอาหารสูตรเด็ด ก็เป็นสิ่งที่ช่วยเหลือกันและกัน แปลงวิกฤตเป็นโอกาสได้ในที่สุด

3.“การคิดสร้างสรรค์” คือ การพัฒนาไม่สิ้นสุด หากเราไม่เชื่อว่า โลกนี้ประหลาดนัก อยู่ๆก็เกิดขึ้นมาเอง แต่เรารู้ว่า โลกเรา “ถูกสร้าง” มาอย่างดี มีเหตุผล สร้างสรรค์ และน่ายินดีที่มนุษย์เราถูกสร้างมาให้เป็น “ผู้ครอบครอง” และ เป็น “ผู้สร้าง” จึงควรยินดี อารักขาให้โลกคงอยู่ต่อไปชั่วลูกชั่วหลาน และร่วมเป็นผู้สร้างสรรค์ โลกก็จะมีแต่ความเจริญก้าวหน้า หนูน้อยเรมี่เป็นอัจฉริยะ คิดสร้างสรรค์อาหารมากมาย ทำซุปอร่อย ทำอาหาร Ratatouille ที่เป็นรายการอาหารพื้นๆสำหรับคนยากจนได้อย่างเอร็ดอร่อย ทำให้ผู้รับประทานหวนระลึกถึงวัยเด็ก และประทับใจในอาหารจานพิเศษนั้นมิรู้ลืม

ผมได้มีโอกาสรับประทานอาหารฝรั่งเศสเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เป็นปลาดิบ ขอบๆจะสุกนิดๆตึงๆหน่อย แต่เนื้อปลาดิบแบบเซซิมิเลย นุ่มนวลติดลิ้น เสิร์ฟคู่กับมันบดผสมวาซาบิอร่อยมาก หน้าตาฝรั่งเศส แต่รสชาติญี่ปุ่น รู้สึกประทับใจจริงๆ และเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ก็ไปรับประทานอาหารที่ร้านเซ็น (ZEN) เปิดใหม่ ชั้น 3 อาคารเซ็นทรัลเวิลด์พลาซา เป็นสปาเกตตี้แบบคาโบนาลา กับกุ้งย่าง ก็มีหน้าตาญี่ปุ่น แต่รสชาติอิตาเลียนเลิศรส เป็นทั้ง 2 จานที่สะท้อนให้เห็นพัฒนาการการคิดสร้างสรรค์ และผสมผสานความคิดกันอย่างไม่มีวันหยุดจริงๆ

4.“การยอมรับการนำโดยเบื้องบนที่มองไม่เห็น” ลิงกวินี่ยอมรับว่า โดยกำลังของเขาเอง เขาทำอาหารไม่ได้ดี แต่เขาเป็นผู้เสริฟอาหารได้ดีมาก ในที่สุด เขาก็กล้าที่จะบอกว่า มีหนูน้อยพ่อครัวอัจฉริยะผู้สร้างสรรค์ช่วยนำชีวิตเขาอยู่ ก็ทำให้เรารู้สึกดีว่า พร้อมจะให้เครดิตก็ผู้นำทางให้ทำดี และหนูน้อยอัจฉริยะเรมี่ ก็มีท่านกุสโตว์ผู้ล่วงลับในความเชื่อในจิตใจอยู่กับเขาตลอดเวลา คอยปลอบใจยามลำบาก แนะนำในทางสว่างในการดำเนินชีวิต ให้ความรู้ความคิดดีๆในการเป็นพ่อครัวคนเก่ง จึงไม่ถือว่า การพึ่งเบื้องบนที่มองไม่เห็นเป็นเรื่องน่าอับอายแต่อย่างใด

ใจใสสะอาดของเรา จะสามารถจำแนกได้ว่า คำแนะนำการตัดสินใจหลายๆครั้งในชีวิตที่ปรากฏขึ้นในใจนั้น เป็นจากเบื้องบนซึ่งเป็นทางสว่างให้เรารักผู้อื่น หรือเป็นทางมืด ที่ทำให้เราเห็นแก่ตัว โกรธเกลียดผู้อื่น และเอาเปรียบผู้อื่น

หากเราเรียนรู้ที่จะเน้นการพัฒนาคน ให้เป็นผู้สร้าง ไม่ใช่ทำให้อ่อนแอ ทำให้ช่วยตัวเองไม่ได้ ต้องเอาของของคนอื่นๆ พักหนี้ ฯลฯ คิดสิ่งใด ก็ให้เป็นหลักประโยชน์ต่อกันและกัน และส่วนรวม มีความคิดสร้างสรรค์ไม่สิ้นสุด และพึ่งพาเบื้องบนที่เป็นทางสว่าง ก็จะนำไปสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืนสดใสตลอดไปครับ

มนตรี ศรไพศาล
(montree4life@yahoo.com)
กำลังโหลดความคิดเห็น