xs
xsm
sm
md
lg

ตลท.อนุมัติให้MDXเทรดหมวดปกติ หลังฟื้นฟูกืจการเสร็จดีเดย์เทรด1ส.ค.นี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ตลท.ให้ MDX พ้นเหตุอาจถูกเพิกถอนและเปิดซื้อขายหลักทรัพย์ ในหมวดธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค(กลุ่มทรัพยากร) ได้ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2550 เป็นต้นไป หลังบริษัทเดินหน้าแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการและศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งยกเลิกคำสั่งการฟื้นฟูกิจการของบริษัทตั้งแต่ 9 พ.ค.49

ตลาดหลักทรัพย์เห็นควรให้ บริษัท เอ็ม ดี เอ็กซ์ จำกัด (มหาชน) (MDX) พ้นเหตุอาจถูกเพิกถอน โดยปลดเครื่องหมาย SP (Suspension) และ NC (Non-Compliance) หลักทรัพย์ของ MDX และอนุญาตให้ซื้อขายหลักทรัพย์ของ MDX ในหมวดธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค(กลุ่มทรัพยากร) ได้ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2550 เป็นต้นไป

โดย MDX ได้ยื่นคำขอให้พ้นเหตุอาจถูกเพิกถอนและเปิดการซื้อขายหลักทรัพย์โดยแสดงให้เห็นว่าบริษัทมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานเป็นเวลา 1 ปี ก่อนยื่นคำขอโดยเริ่มตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ปี 2549ถึงไตรมาสที่ 1 ปี 2550 และมีส่วนของผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 31 มีนาคม 2550 เท่ากับ 477.53 ล้านบาทรวมทั้งสามารถแสดงได้ว่าบริษัทมีฐานะการเงินและผลการดำเนินงานที่มั่นคงตามสภาพธุรกิจของบริษัทไปอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ MDX ได้ปรับโครงสร้างหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการแล้วเสร็จและศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งยกเลิกการฟื้นฟูกิจการของบริษัทตั้งแต่วันที่ 9 พฤษภาคม 2549

ทั้งนี้ MDX มีรายได้หลักจากการประกอบธุรกิจโครงการนิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ ซิตี้ ซึ่งตั้งอยู่ที่จังหวัดฉะเชิงเทราและธุรกิจด้านพลังงานไฟฟ้า โดยผ่านการลงทุนของบริษัทย่อย ปัจจุบันมี 2 โครงการคือ 1) โครงการเทินหินบูน เป็นโครงการเขื่อนไฟฟ้าพลังงานน้ำขนาด 210 เมกกะวัตต์ ตั้งอยู่ในประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว 2) โครงการโรงไฟฟ้าบางบ่อ เป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนขนาด 350 เมกกะวัตต์ ตั้งอยู่ในประเทศไทย

นอกจากนี้ ผู้ถือหุ้นที่มีส่วนร่วมในการบริหารงานของ MDX (Strategic Shareholders)ได้แก่ ผู้ถือหุ้นที่มีอำนาจควบคุม กรรมการ และผู้บริหารของ MDX รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องและบุคคลที่มีความสัมพันธ์กับกลุ่มบุคคลดังกล่าว รวมทั้งผู้ถือหุ้นที่ถือหุ้นเกินกว่าร้อยละ 5 ของทุนชำระแล้วและผู้ที่เกี่ยวข้องซึ่งถือหุ้นสามัญ 388,885,942 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 81.77 ของทุนชำระแล้วให้คำรับรองต่อตลาดหลักทรัพย์ฯว่าจะไม่นำหลักทรัพย์ทั้งหมดของตนออกขายภายใน 1 ปี(Silent Period) นับแต่วันที่หลักทรัพย์ของ MDX กลับมาทำการซื้อขายในหมวดธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค (กลุ่มทรัพยากร)

โดยในช่วง 6 เดือนแรกผู้ถือหุ้นดังกล่าวได้รับการผ่อนผันให้ทยอยขายหลักทรัพย์ได้ร้อยละ 25 ของจำนวนหลักทรัพย์ที่ถูกห้ามขายทั้งหมดและใน 6 เดือนถัดไปสามารถทยอยขายหลักทรัพย์ ได้อีกร้อยละ 25 ของจำนวนหลักทรัพย์ที่ถูกห้ามขายทั้งหมด

อนึ่ง เพื่อให้การซื้อขายหลักทรัพย์ดังกล่าวเป็นไปตามสภาพความจริง ตลาดหลักทรัพย์ฯจึงกำหนดให้ราคาซื้อขายหลักทรัพย์ของ MDX บนกระดานหลักในวันที่ 1 สิงหาคม 2550 ไม่มีกำหนดราคาสูงสุดและต่ำสุด

นางส่องศรี กัลยาณมิตร กรรมการผู้จัดการ เปิดเผยว่า ตามที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้ แจ้งเหตุเข้าข่ายอาจถูกเพิกถอนจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนของบริษัทในวันที่ 27 พฤษภาคม 2542 เนื่องจากการนำส่งงบการเงินไตรมาสที่ 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2541 ล่าช้าเกินกว่า 180 วัน พร้อมทั้งย้ายหลักทรัพย์ของบริษัทไปอยู่ในหมวด "บริษัทจดทะเบียนที่อยู่ระหว่างแก้ไขการดำเนินงาน" หรือ "REHABCO" ตั้งแต่วันที่ 2 มิถุนายน 2542 และห้ามซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทจนกว่าบริษัท จะสามารถดำเนินการให้เหตุแห่งการเพิกถอนหมดไป

ต่อมาตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ แจ้งเหตุเข้าข่ายอาจถูกเพิกถอนจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนเพิ่มเติมในวันที่ 12 พฤศจิกายน 2542 อันเนื่องมาจากการที่ส่วนของผู้ถือหุ้นในงบการเงินประจำปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2541 หลังปรับปรุงความเห็นของผู้สอบบัญชีมีค่าต่ำกว่าศูนย์ นั้น

อย่างไรก็ดี ขณะนี้ บริษัทได้ดำเนินการแก้ไขเหตุแห่งการเพิกถอนเสร็จสมบูรณ์แล้ว อีกทั้งมีคุณสมบัติครบถ้วนตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ใช้พิจารณาในการขอพ้นเหตุแห่งการเพิกถอนรวมทั้งขอเปิดการซื้อขายหลักทรัพย์ในหมวดอุตสาหกรรมพลังงานและสาธารณูปโภค

โดยแผนฟื้นฟูกิจการนั้น MDX ได้ลดทุนจดทะเบียนจาก 5,000.00 ล้านบาท ให้เหลือจำนวน 1,656.30 ล้านบาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญ 165,630,378 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท จากนั้นได้ดำเนินการเพิ่มทุนจดทะเบียน 3,100 ล้านบาท โดยการออกหุ้นสามัญ 310,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท เพื่อรองรับการแปลงหนี้เป็นทุน ทั้งนี้หลังจากการเพิ่มทุน MDX มีทุนจดทะเบียน ทั้งสิ้น 4,756.30 ล้านบาท และต่อมา MDX ได้ดำเนินการแปลงหนี้เป็นทุนให้กับเจ้าหนี้รวม 3,099.63 ล้านบาท ทำให้ปัจจับัน บริษัท มีทุนเรียกชำระแล้วทั้งสิ้น 4,755.93 ล้านบาททั้งนี้ ภายหลังการแปลงหนี้เป็นทุนทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นเดิมลดลงเหลือ 34.83%

งบการเงินรวมของบริษัท และบริษัทย่อยสิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2550 บริษัท มีหนี้สินรวมเพียง 1,720.36 ล้านบาทเทียบกับ 12,419.42 ล้านบาท ณ วันที่ 10 เมษายน 2545 ซึ่งเป็นวันที่ศาลฯ มีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการ หรือลดลง 86.15 %
กำลังโหลดความคิดเห็น