กุนซือ "ประชัย" กระทุ้งต่อมคุณธรรมนายกฯ กรณีขายหุ้น "ทีพีไอ" คืนผู้ถือหุ้นเดิม วอน "พล.อ.สุรยุทธ์" อย่าโยนความรับผิดชอบไปที่คดีที่ค้างในศาล ขณะที่ "ประชัย" พร้อมถอนฟ้องทุกคดีในวันเดียว หากรัฐบาลขายหุ้นทีพีไอด้วยความเป็นธรรม
จากกรณีที่พล.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องที่นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TPI (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC) ทำหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมด้วยการขอซื้อหุ้นทีพีไอคืนในสัดส่วน 62% ราคาหุ้นละ 3.30 บาท บวกดอกเบี้ยและหักด้วยเงินปันผล หลังจากที่รัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ขายหุ้นทีพีไอในราคาถูกให้กับพันธมิตร ทั้งบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) กองทุนวายุภักษ์1 และธนาคารออมสิน
ทั้งนี้ พล.อ.สุรยุทธ์ ได้ระบุว่า ที่ผ่านมาตนได้มอบหมายให้ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในยุคนั้นเข้าไปศึกษาดูแล้ว จนถึงปัจจุบันยังมีข้อขัดข้องเกี่ยวกับคดีที่อยู่ในชั้นศาล ถ้าหากทำอะไรอาจเกิดปัญหาได้ จึงต้องรอให้ศาลพิจารณาในเรื่องนี้ให้เสร็จสิ้นก่อนนั้น ซึ่งอาจขัดกับภาพที่ปรกติจะเห็นท่านนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ที่รักความเป็นธรรม และชอบหยิบยกหลักธรรม ออกมาสั่งสอนประชาชน
นายศิลปิน บูรณศิลปิน รองผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPL ในฐานะคนใกล้ชิดกับนายประชัย กล่าวว่า ในเรื่องคดีของทีพีไอที่ยังอยู่ในชั้นศาล ทั้งศาลล้มละลายและศาลฎีกา ส่วนใหญ่เป็นคดีที่ทีพีไอร้องขอความเป็นธรรมทั้งสิ้น เพราะที่ผ่านมาทีพีไอไม่ได้รับความเป็นธรรมจากหน่วยงานของรัฐอย่างกระทรวงการคลังที่ตกอยู่ภายใต้การครอบงำของระบอบทักษิณมาโดยตลอด
ดังนั้น หากนายกรัฐมนตรีมีความจริงใจที่จะพิจารณาขายคืนหุ้นทีพีไอให้กับกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม โดยไม่ต้องโยนความรับผิดชอบไปที่อื่น โดยเฉพาะเรื่องของคดีความของทีพีไอที่ติดค้างอยู่ในชั้นศาลนั้น นายประชัย พร้อมที่จะดำเนินการถอนฟ้องหรือถอนคดีทั้งหมดภายในวันเดียว
"เป็นที่รู้กันดีว่า ปัญหาที่แท้จริงของทีพีไอคือ กระทรวงการคลังไม่มีอำนาจในการบริหารกิจการของเอกชน ตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 ที่ระบุไว้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะกรณีที่กระทรวงการคลังมีหนังสือแจ้งต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ (จพท.) ยินยอมเป็นผู้บริหารแผนของทีพีไอ ตามที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้สอบถามนั้น ปรากฏข้อเท็จจริงว่า คลังแจ้งแต่เพียงว่ายอมเป็นผู้บริหารแผน แต่ในฐานะที่ตัวเองเป็นหน่วยงานของรัฐ ซึ่งเป็นนิติบุคคลมีอำนาจกระทำการที่กฎหมายกำหนด กลับไม่ได้แจ้งว่าตัวเองมีอำนาจตามที่กฎหมายกำหนดแค่ไหนเพียงใด และที่สำคัญยังไม่ได้แจ้งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และศาลล้มละลายทราบว่า ความจริงแล้วกระทรวงการคลังไม่มีอำนาจตามกฎหมาย"
ประเด็นดังกล่าว กระทรวงการคลังไม่ว่ารัฐบาลชุดใดได้ใช้ความพยายามช่วยกันปกปิดมาตลอด เพราะเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมายอย่างชัดเจน และที่อันตรายที่สุด คือ การดึงเอากระบวนการยุติธรรมเข้าไปในวังวน จนเป็นสาเหตุให้ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งขัดกับ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดินพ.ศ.2534 ซึ่งนับเป็นเรื่องที่ร้ายแรงอย่างที่สุด
"การที่พล.อ.สุรยุทธ์ ออกมาให้สัมภาษณ์ประเด็นการร้องขอความเป็นธรรมจากกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมของทีพีไอในลักษณะดังกล่าว ถือว่าเป็นการปัดความความรับผิดชอบ และแสดงให้เห็นว่ายังคงปกป้องการกระทำที่ผิดกฎหมายบ้านเมืองของระบอบทักษิณอย่างชัดเจน" นายศิลปิน กล่าว