ในช่วงนี้ ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่นักชมภาพยนตร์ต้องดูคงไม่พ้นเรื่อง "Spider-Man 3"
ผมคิดว่าหลายคนคงจะได้เห็นความตระการตาของฉากต่างๆที่ได้ทุ่มทุนมหาศาล เรื่องราวที่ตื่นเต้นสนุกสนาน แฝงมุกขำขันที่น่ารัก และมีสิ่งสำคัญอีกส่วนหนึ่งคือ "คุณค่า" ที่ได้จากภาพยนตร์ด้วย
ผมเปิดเว็บไซท์ ของ Spider-Man 3 และประทับใจกับประโยคสำคัญที่หน้าแรกว่า "Can a man confront Power of the Darkness without Giving into it ?" หมายความว่า "คนๆหนึ่งจะเผชิญกับอำนาจในทางมืด โดยไม่ยอมตกอยู่ภายใต้อำนาจของมันหรือไม่ ?"
ผมนึกถึงหลักธรรมว่า "หากมารบอกเราว่า ให้ก้มลงกราบมาร แล้วจะให้เราครอบครองมหานครอันรุ่งเรือง" เราจะปฏิเสธได้ไหม ? หลายคนบอกว่า "ทุกคนจะมีราคา" บางคนมีคุณธรรม หากโกงเป็นแสนเป็นล้านบาท อาจจะไม่ทำ แต่หากโกงเป็นร้อยล้านหมื่นล้าน ก็จะ "ฝืนใจ" ทำได้
ปีเตอร์ พาร์คเกอร์ ได้รับอำนาจพิเศษโดยบังเอิญ (แบบการ์ตูน) เขาแข็งแรง พ่นใยแมงมุมได้ สามารถโหนกระโดดไปตามตึกราวเหาะเหินได้ หากเขาจะก้มกราบมาร โดยขโมยของคนอื่นเบียดเบียนคนอื่น เอาของชาวบ้านมาเป็นของตัวก็ย่อมทำได้
แต่ลุงเบนสอนเขาไว้ว่า "Peter, these are the years when a man changes into the man he's gonna become the rest of his life, just be careful who you change into. Remember, with Great Power comes Great Responsibility" หมายความว่า ในเวลาขณะนี้ (จริงๆแล้วขณะใดๆ) คนเราย่อมตัดสินใจที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเราให้เป็น "ผู้ที่เราจะเป็นในเวลาที่ยังเหลือของชีวิต" ได้เสมอ
เมื่อเราตัดสินใจจะเดินในทางสว่าง ก็หมายความว่าเราตั้งใจจะอยู่ในทางสว่างตลอดชีวิตที่ยังเหลือ และหากเราตัดสินใจเดินในทางแห่งความมืด ก็แปลว่าเรายังไม่ "กลับใจ" และก็คือการตัดสินใจในทางมืดตลอดชีวิตที่ยังเหลือ
(หากเราคิดจะทำบาปก่อน แล้วหวังจะกลับใจภายหน้า ลองคิดดูว่า เรากำลังอยู่ในทางสว่างหรือทางมืดกันแน่ ?)
ส่วนหลังของคำสอนก็ดีมากที่ว่า "อำนาจพิเศษ มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่" อย่าเพียงใช้อำนาจพิเศษเพื่อตนเอง แต่พึงใช้เพื่อส่วนรวม ดังคำสอนที่ว่า "คนเราทุกคน ถูกสร้างมาให้เป็นดังอวัยวะของกายเดียวกัน" หัวใจมีอำนาจมาก มีคุณค่ามาก ก็เพราะมันสูบฉีดเลือดให้กับอวัยวะทั่วร่างกาย
ไม่ใช่เพียงสูบเลือดจากร่างกายมาเก็บไว้ที่ตัว และหากเป็นเช่นนั้น หัวใจก็ตายไปด้วย และเป็นการตายที่ไร้คุณค่า
แทนที่สไปเดอร์แมนจะให้อำนาจพิเศษในการหาประโยชน์ส่วนตัว เพราะหนีตำรวจได้สบายๆ แต่เขากับช่วยตำรวจจับผู้ร้าย แม้เขาจะไม่มีทรัพย์สินมากมาย แต่สิ่งที่เขามีคือ สันติสุข และความภาคภูมิใจในชีวิต
ในภาค 2 ก็มีคำสอนดีๆโดยป้า aunt May ว่า "I believe there's a hero in all of us that keep us honest, gives us strength, makes us noble and finally allow us to die with pride. Even though sometimes we have to be steady and give up the thing we want the most - even our dream."
ด้วยความศรัทธาที่เธอมี เธอเชื่อว่ามีวีรบุรุษในหมู่มนุษย์เรา ที่ทำให้เรารักษาความสัตย์ซื่อ ให้กำลังแก่เรา ทำให้เรารักศักดิ์ศรี และแม้เราต้องตายไป ก็ตายอย่างภาคภูมิใจ แม้บางครั้งเราต้องเพียงพอ หรือยอมเสียสละสิ่งที่เราอยากได้ แม้กระทั่งความฝันของเรา
ในภาค 2 ปีเตอร์ พาร์คเกอร์ ต้องเผชิญกับการทดสอบจิตใจ เขาทำความดี เขาช่วยเหลือผู้คนมากมาย บางครั้งทำให้เขาส่งพิซซาไม่ทัน ไปดูละครที่แฟนเขาเล่นไม่ทัน ความท้อแท้ของเขาทำให้เขามีพลังที่เสื่อมลง จนต้องลงจากตึกสูงด้วยลิฟท์ (ฮา) แล้วเขาก็ตระหนักในหน้าที่ ด้วยฐานะผู้ที่มีอำนาจพิเศษ ในการช่วยเหลือผู้คนต่อไป เขาตระหนักในคำสอนของป้าแมรี่ ยึดมั่นในคุณธรรม อดทนทำดีได้แม้ยังไม่เห็นผลของการทำความดี
ในภาค 3 ก็ให้บทเรียนที่ลึกซึ้งขึ้นไปอีก มีตัวประหลาดดำ ตกมาจากฟากฟ้า ครอบหนือผู้ใด ผู้นั้นก็ตกในอำนาจมืด สไปเดอร์แมนชุดแดงก็กลายเป็นชุดดำได้ เมื่อเขารู้สึกหลงไปกับอำนาจ แสดงความหล่อ เท่ห์ เต้นรำงามๆก็ได้รับความนิยมสูง แต่เขากลับทำไปเพียงเพราะความคะนอง และไม่คำนึงถึงจิตใจผู้อื่น โดยเฉพาะ Mary Jane แฟนเขา
ยิ่งเพิ่มพูนด้วยความรู้สึกเจ็บแค้น ว่ามีผู้ร้ายที่ฆ่าลุงของเขายังลอยนวลอยู่ รู้สึกว่าสังคมก็มีแต่ผู้เลวร้าย ด้วยมาตรฐานความดีงาม แทบไม่เห็นมีใครดีจริงสักคน ก็อาจทำให้หลงไปได้ง่ายๆว่า ถ้าเช่นนั้น ฉันจะอดทนอยู่ในทางแห่งความสว่างไปทำไม ก็ใช้อำนาจพิเศษไปในทางเลวร้ายเสียเลย
แต่เขาก็กลับใจ ต่อสู้กับความบาปที่ครอบเหนือจิตใจของเขา เสียงระฆังที่คริสตจักรดังกังวาน ช่วยดึงสติของเขาให้กลับมา และทำให้เขากลับมาในทางชอบธรรมได้ในที่สุด
สไปเดอร์แมน 3 ยังได้พูดถึงมนุษย์ทราย Flint Monko ซึ่งเคยหลงผิดไป แต่ที่เขาทำ ก็เพราะมีเหตุผลบางอย่าง โดยหวังว่าจะหาเงินมาช่วยลูกสาวของเขา เขาทำผิดโดยไปลักขโมยของคนอื่น พลาดท่าฆ่าคนตาย แต่เขาก็ต้องรับผลของมัน โดยต้องติดคุก แหกคุก แต่ก็ไม่สามารถพบลูกสาวได้ และไม่สามารถช่วยลูกสาวได้
แต่อย่างไรก็ตาม หากปีเตอร์ พาร์เกอร์ยังรักษาความเจ็บแค้นในจิตใจ ใจก็เป็นทุกข์ เจ็บปวด แค้นอาฆาต ปรารถนาไม่ดีต่อคนอื่น มีหลักธรรมอยู่ว่า "ทุกคนจงสำรวจการกระทำของตนเอง จึงจะมีอะไรๆที่จะอวดได้ในตัวไม่ใช่เปรียบกับผู้อื่น เพราะว่าทุกคนต้องรับภาระของตัวเอง" ไม่ใช่ว่าเราเห็นคนไม่ดี แล้วเราก็ต้องไม่ดีไปด้วย เราพึงรักษาตัวเองอยู่ในทางที่ดี
หากเรารู้ว่าหลักธรรมที่ว่า "อย่าฆ่าคน" นั้น มีความหมายถึง "อย่าฆ่าคนแม้ในใจของเรา" คือ "อย่าโกรธกัน" "อย่าตัดสัมพันธ์กัน"
ผมเห็นคนในสังคมจำนวนไม่น้อยโกรธกัน แค้นกัน เลิกรักกัน ตัดความสัมพันธ์ในใจที่มีต่อกัน แม้กระทั่งคนใกล้ชิด เช่น สามีภรรยา พี่น้อง เขยสะใภ้กับพ่อแม่ของคู่ครอง เจ้านายลูกน้อง เพื่อนร่วมงาน และเพื่อนร่วมสังคม ผมว่ามันทำให้ความรักขาดไป และนำไปสู่ความทุกข์
บางครั้งที่มีคนทำให้เรารู้สึกโกรธ น่าจะคิดว่า "เขายิ่งใหญ่เพียงไร" จึงทำให้เราออกจากทางชอบธรรม จนโกรธเขาได้ เราแต่ละคนต้องรับภาระของตัว แม้เราเห็นเขาบกพร่อง คู่ควรที่เราจะโกรธ แต่ทำไมเราต้องทิ้งความชอบธรรมในจิตใจของเราไปด้วย ? สไปเดอร์แมนจึงเลือกที่จะให้อภัย และมีสันติสุขแท้ในใจ
ในภาค 3 นี้ ยังชี้ให้เห็นว่า แม้กระทั่งสำหรับผู้ที่เคยอยู่ในทางมืด สร้างอำนาจพิเศษให้ตนเอง เพียงเพื่อประโยชน์ของตนเอง แต่ถึงจุดแห่งความตระหนัก
เขาได้รับความรัก ความเชื่อ และความหวัง เขาก็กลับใจ อยากทำความดี ยอมเสียสละเพื่อผู้อื่น จนตลอดชีวิตที่เหลืออยู่ และยังมี Eddie Brock ตากล้องอีกคน ที่ยอมให้อำนาจมืดครอบงำจิตใจ จนได้สิ่งที่ต้องการด้วยวิธีการของอำนาจมืด และสไปเดอร์แมนต้องเตือนเขาว่า อย่าหลงทางไปเลย
"เราทุกคนมีทางเลือก" ทางเลือกแห่งความมืด อาจจะดูเลือกเดินได้ง่าย เพราะจะได้อำนาจที่ยิ่งใหญ่ และอาจได้สิ่งต่างๆเป็นของตัว แต่เนื่องจากเป็นทางที่ไปล่วงล้ำต่อสิทธิเสรีภาพและประโยชน์ของคนอื่น ก็ไม่มีทางที่จะจีรังได้ ความบาปเหล่านี้จะต้องถูกหยุดไป มิเช่นนั้น คนอื่นๆก็จะเดือดร้อน
แต่ทางเลือกในทางสว่าง อาจจะยังต้องเผชิญปัญหาบ้าง มันไม่ง่ายเลย แต่เมื่อเรามองวีรบุรุษที่รักษาความดี ความอดทน ความรัก ความบริสุทธิ์ จนถึงเวลาสุดท้าย เราก็จะมีพลังที่จะยืนหยัดอยู่ในความดี และหากสังคมไทยอยู่ทางสว่าง เราก็จะพบกับความสันติสุขและความเจริญรุ่งเรืองครับ
มนตรี ศรไพศาล
(montree4life@yahoo.com)