“โสภาวดี เลิศมนัสชัย” พอใจผลการดำเนินงานของศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ไตรมาสแรกปีนี้ โดยสามารถผลักดันให้ธุรกรรมยืม และให้ยืมหลักทรัพย์มีสภาพคล่องเพิ่ม ส่งผลปริมาณผิดนัดชำระราคาและส่งมอบลดลงถึงร้อยละ 70 ส่วนมูลค่าหลักทรัพย์ที่ฝากไว้กับศูนย์รับฝากหลักทรัพย์มีจำนวนทั้งสิ้น 5.79 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 5
น.ส.โสภาวดี เลิศมนัสชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาสแรกปีนี้ ว่า หลังจากบริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ฯ ได้ผลักดันให้ธุรกรรมยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ (SBL) มีสภาพคล่องเพิ่มขึ้น โดยส่งเสริมให้มีหน่วยงานและสถาบันต่างๆ ที่ถือครองหลักทรัพย์อยู่ในมือเป็นปริมาณมากสนใจเข้ามาเป็นผู้ให้ยืม โดยในไตรมาสแรกมีปริมาณธุรกรรม SBL ทั้งสิ้นจำนวน 217.60 ล้านบาท ทำให้ปริมาณผิดนัดชำระราคาและส่งมอบ ณ สิ้นไตรมาสหนึ่งลดลงถึงร้อยละ 70 ส่งผลให้ประสิทธิภาพของการชำระราคาและส่งมอบในตลาดทุนไทยสูงขึ้นอยู่ในอัตราร้อยละ 99.98 เป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นในการลงทุนกับตลาดทุนไทยมากขึ้น โดยการชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ในไตรมาสแรกมีมูลค่า 132,299 ล้านบาท จากมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) รวมมูลค่า 744,173 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 17.78 ซึ่งเป็นอัตราที่ใกล้เคียงกับงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 16.42 ส่วนตราสารอนุพันธ์มีการชำระราคาและส่งมอบตามสัญญาที่มีซื้อขายจำนวนทั้งสิ้น 148,263 สัญญา คิดเป็นมูลค่า 68,638.90 ล้านบาท
ด้านงานรับฝากหลักทรัพย์ ซึ่งมีการรวมบริการรับฝากตราสารทุนและตราสารหนี้ไว้ด้วยกัน ณ สิ้นไตรมาสแรก มีมูลค่าหลักทรัพย์ที่ฝากไว้กับศูนย์รับฝากหลักทรัพย์จำนวนทั้งสิ้น 5.79 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2549 จำนวน 300,000 ล้านบาท หรือร้อยละ 5 แบ่งเป็นตราสารทุนจำนวน 370,573 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 3.39 ล้านล้านบาท ส่วนตราสารหนี้ภาครัฐในระบบงานรับฝากหลักทรัพย์มีจำนวน 440 หลักทรัพย์ มูลค่ารวม 2.4 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 75.55 ของมูลค่าตราสารหนี้ภาครัฐที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เป็นนายทะเบียน นอกจากนี้ บริษัทเปิดให้ผู้ถือหุ้นฝากหลักทรัพย์โดยตรงกับศูนย์รับฝากฯ ผ่านบัญชีผู้ออกหลักทรัพย์จำนวน 529 บริษัท รวมมูลค่าหลักทรัพย์ 91,551.35 ล้านบาท ทำให้ผู้ถือหุ้นได้รับความสะดวกมากขึ้น
น.ส.โสภาวดี กล่าวอีกว่า ณ สิ้นไตรมาสแรกปีนี้ บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ฯ ให้บริการนายทะเบียนแก่บริษัทจดทะเบียนทั้งหมดทั้งใน ตลท.และตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ รวม 522 บริษัท รวมมูลค่า 5.1 ล้านล้านบาท นายทะเบียนตลาดตราสารหนี้จำนวน 55 หลักทรัพย์ มูลค่า 139,274 ล้านบาท โดยในช่วงที่ผ่านมา บริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ฯ ได้ให้บริการจ่ายเงินปันผลและดอกเบี้ยกว่า 185,560 รายการ รวมมูลค่า 10,696 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นการโอนเงินปันผลเข้าบัญชีธนาคาร (e-Dividend) 101,420 รายการ คิดเป็นร้อยละ 55 ส่วนการดำเนินงานด้านนายทะเบียนกองทุน ไตรมาสแรก บริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ฯ ให้บริการแก่กองทุนจำนวน 153 กองทุน ประกอบด้วย กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 93 กองทุน กองทุนรวม 24 กองทุน กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ 22 กองทุน และกองทุนหุ้นระยะยาวจำนวน 14 กองทุน คิดเป็นมูลค่าสินทรัพย์สุทธิรวม 105,011 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 56 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2549 ซึ่งให้บริการเพียง 98 กองทุน ขณะที่บริการปฏิบัติการบริการบริษัทหลักทรัพย์ซึ่งให้บริการงาน Back Office แก่บริษัทหลักทรัพย์อย่างครบวงจร โดยครอบคลุมครบทุกตลาด ได้แก่ ตลาดตราสารทุน ตราสารหนี้ และตลาดตราสารอนุพันธ์ ปัจจุบันมีบริษัทหลักทรัพย์เข้ามาใช้บริการในส่วนของตราสารทุนจำนวน 10 บริษัท ตราสารหนี้จำนวน 8 บริษัท และตราสารอนุพันธ์จำนวน 24 บริษัท”
“ในด้านการเงิน บริษัทมีรายได้จากการดำเนินงาน 185.1 ล้านบาท ใกล้เคียงกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้หลักมาจากบริการนายทะเบียนหลักทรัพย์ร้อยละ 65 รองลงมาจากบริการรับฝากหลักทรัพย์ร้อยละ 18.3 ในส่วนของค่าใช้จ่ายสำหรับไตรมาสแรกนี้ บริษัทฯ มีค่าใช้จ่าย 169.5 ล้านบาท โดยมีกำไร 15.6 ล้านบาท เปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว 19.1 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 18.32” กรรมการผู้จัดการบริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ฯ กล่าว
น.ส.โสภาวดี เลิศมนัสชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาสแรกปีนี้ ว่า หลังจากบริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ฯ ได้ผลักดันให้ธุรกรรมยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ (SBL) มีสภาพคล่องเพิ่มขึ้น โดยส่งเสริมให้มีหน่วยงานและสถาบันต่างๆ ที่ถือครองหลักทรัพย์อยู่ในมือเป็นปริมาณมากสนใจเข้ามาเป็นผู้ให้ยืม โดยในไตรมาสแรกมีปริมาณธุรกรรม SBL ทั้งสิ้นจำนวน 217.60 ล้านบาท ทำให้ปริมาณผิดนัดชำระราคาและส่งมอบ ณ สิ้นไตรมาสหนึ่งลดลงถึงร้อยละ 70 ส่งผลให้ประสิทธิภาพของการชำระราคาและส่งมอบในตลาดทุนไทยสูงขึ้นอยู่ในอัตราร้อยละ 99.98 เป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นในการลงทุนกับตลาดทุนไทยมากขึ้น โดยการชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ในไตรมาสแรกมีมูลค่า 132,299 ล้านบาท จากมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) รวมมูลค่า 744,173 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 17.78 ซึ่งเป็นอัตราที่ใกล้เคียงกับงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 16.42 ส่วนตราสารอนุพันธ์มีการชำระราคาและส่งมอบตามสัญญาที่มีซื้อขายจำนวนทั้งสิ้น 148,263 สัญญา คิดเป็นมูลค่า 68,638.90 ล้านบาท
ด้านงานรับฝากหลักทรัพย์ ซึ่งมีการรวมบริการรับฝากตราสารทุนและตราสารหนี้ไว้ด้วยกัน ณ สิ้นไตรมาสแรก มีมูลค่าหลักทรัพย์ที่ฝากไว้กับศูนย์รับฝากหลักทรัพย์จำนวนทั้งสิ้น 5.79 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2549 จำนวน 300,000 ล้านบาท หรือร้อยละ 5 แบ่งเป็นตราสารทุนจำนวน 370,573 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 3.39 ล้านล้านบาท ส่วนตราสารหนี้ภาครัฐในระบบงานรับฝากหลักทรัพย์มีจำนวน 440 หลักทรัพย์ มูลค่ารวม 2.4 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 75.55 ของมูลค่าตราสารหนี้ภาครัฐที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เป็นนายทะเบียน นอกจากนี้ บริษัทเปิดให้ผู้ถือหุ้นฝากหลักทรัพย์โดยตรงกับศูนย์รับฝากฯ ผ่านบัญชีผู้ออกหลักทรัพย์จำนวน 529 บริษัท รวมมูลค่าหลักทรัพย์ 91,551.35 ล้านบาท ทำให้ผู้ถือหุ้นได้รับความสะดวกมากขึ้น
น.ส.โสภาวดี กล่าวอีกว่า ณ สิ้นไตรมาสแรกปีนี้ บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ฯ ให้บริการนายทะเบียนแก่บริษัทจดทะเบียนทั้งหมดทั้งใน ตลท.และตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ รวม 522 บริษัท รวมมูลค่า 5.1 ล้านล้านบาท นายทะเบียนตลาดตราสารหนี้จำนวน 55 หลักทรัพย์ มูลค่า 139,274 ล้านบาท โดยในช่วงที่ผ่านมา บริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ฯ ได้ให้บริการจ่ายเงินปันผลและดอกเบี้ยกว่า 185,560 รายการ รวมมูลค่า 10,696 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นการโอนเงินปันผลเข้าบัญชีธนาคาร (e-Dividend) 101,420 รายการ คิดเป็นร้อยละ 55 ส่วนการดำเนินงานด้านนายทะเบียนกองทุน ไตรมาสแรก บริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ฯ ให้บริการแก่กองทุนจำนวน 153 กองทุน ประกอบด้วย กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 93 กองทุน กองทุนรวม 24 กองทุน กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ 22 กองทุน และกองทุนหุ้นระยะยาวจำนวน 14 กองทุน คิดเป็นมูลค่าสินทรัพย์สุทธิรวม 105,011 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 56 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2549 ซึ่งให้บริการเพียง 98 กองทุน ขณะที่บริการปฏิบัติการบริการบริษัทหลักทรัพย์ซึ่งให้บริการงาน Back Office แก่บริษัทหลักทรัพย์อย่างครบวงจร โดยครอบคลุมครบทุกตลาด ได้แก่ ตลาดตราสารทุน ตราสารหนี้ และตลาดตราสารอนุพันธ์ ปัจจุบันมีบริษัทหลักทรัพย์เข้ามาใช้บริการในส่วนของตราสารทุนจำนวน 10 บริษัท ตราสารหนี้จำนวน 8 บริษัท และตราสารอนุพันธ์จำนวน 24 บริษัท”
“ในด้านการเงิน บริษัทมีรายได้จากการดำเนินงาน 185.1 ล้านบาท ใกล้เคียงกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้หลักมาจากบริการนายทะเบียนหลักทรัพย์ร้อยละ 65 รองลงมาจากบริการรับฝากหลักทรัพย์ร้อยละ 18.3 ในส่วนของค่าใช้จ่ายสำหรับไตรมาสแรกนี้ บริษัทฯ มีค่าใช้จ่าย 169.5 ล้านบาท โดยมีกำไร 15.6 ล้านบาท เปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว 19.1 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 18.32” กรรมการผู้จัดการบริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ฯ กล่าว