xs
xsm
sm
md
lg

อีสเทอร์นฯยันกลุ่มจีอีไม่ขายทิ้ง ระบุใช้อสังหฯเป็นช่องทางเพิ่มลูกค้า-บริหาร์NPAแบงก์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

"อีสเทอร์น สตาร์ฯ"ยันผู้ถือหุ้นกลุ่มGE ฯ ไม่ขายทิ้งหุ้นหลังเข้าซื้อหุ้นแบงก์กรุงศรีฯ จากกลุ่ม “รัตนรักษ์” ระบุหวังใช้เป็นช่องทางเพิ่มฐานลูกค้าเข้าแบงก์ ด้านอีสเทอร์น สตาร์ฯ เตรียมเดินหน้าผุดโครงการใหม่ในครึ่งปีหลัง 2 โครงการมูลค่ารวม 5,200 ล้านบาท มั่นใจสิ้นปีนี้ยอดรายได้รวมเพิ่มเกือบเท่าตัว

จากการปรับเปลี่ยนโครงการผู้ถือหุ้นใหญ่ในกลุ่มธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY จากกลุ่ม “รัตนรักษ์ “ ที่ต้องขายหุ้นบางส่วนให้กลุ่ม จีอี แคปปิตอล อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้งฯ ซึ่งถือหุ้นใหญ่ในบริษัทอีสเทอร์น สตาร์ เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) ผ่านกลุ่มซันไรส์ที่ถือหุ้นในบริษัทอีสเทอร์นฯประมาณ 68.97 % ที่ประกอบด้วยผู้ถือหุ้น บริษัท กรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ จำกัด, บริษัท บีบีทีวี เอ็ดควิตี้ จำกัด (ช่อง7) และบริษัท ซันไรส์ อีควิตี้ จำกัด จนมีกระแสข่าวว่ากลุ่มจีอีจะขาย อีสเทอร์น สตาร์ฯออกไป เนื่องจากไม่ใช้ธุรกิจหลักที่สร้างรายได้

นายกฤษณนันท์ นันจรูญ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการบริษัท อิสเทิร์น สตาร์ เรียลเอสเตท จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ถึงแม้ว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จะไม่ใช่ธุรกิจหลักของกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ก็ตาม แต่มีข้อตกลงก่อนขายหุ้นให้แก่กลุ่มจีอีว่า จะยังคงให้การสนับสนุนธุรกิจอสังหาฯอย่างต่อเนื่อง ด้วยเพราะธุรกิจนี้ยังมีแนวโน้มที่ดี แม้บางช่วงจะชะลอบ้าง ในขณะเดียวกัน ยังเป็นอีกธุรกิจที่สามารถเพิ่มฐานลูกค้าให้กับธุรกิจการเงิน อีกทั้งยังเป็นธุรกิจที่สามารถที่จะนำเอาทรัพย์ที่เป็นทรัพย์สินรอการขาย(NPA)ประเภทที่ดินเปล่าของธนาคารไปพัฒนาได้ ซึ่งจะช่วยลดปัญหาได้อีกทางหนึ่ง

สำหรับการพัฒนาโครงการนั้น นอกจากโครงการที่ดำเนินการในปัจจุบัน ซึ่งได้แก่ คอนโดมิเนียม ย่านพระราม 3 ถ.นราธิวาส ,บ้านเดี่ยวย่านพัฒนาการ 69 และที่ บ้านฉาง จ.ระยอง รวมมูลค่ากว่า 4,096 ล้านบาท บริษัทยังมีแผนที่จะนำเอาที่ดิน 2 แปลง ย่าน อ่อนนุช จำนวน 35 ไร่ พัฒนาเป็นบ้านเดี่ยวจำนวน 140 ยูนิต ระดับราคา 7-10 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท และ ย่านพระราม 3 (ใกล้สะพานแขวนพระราม 9 ) เนื้อที่ 11 ไร่ พัฒนาเป็นคอนโดมิเนียม 3 อาคาร จำนวน 1,300 ยูนิต ระดับราคา 2.2-4 ล้านบาท โดยแบ่งการพัฒนาออกเป็นเฟสๆ คาดว่าจะสามารถเปิดขายได้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2550 รวมมูลค่า 5,200 ล้านบาท และนอกจากนี้ ยังที่ดินเปล่า ย่านราษฎร์บูรณะ 10 ไร่ และ ย่าน ถ.พระราม 6 ประมาณ 3 ไร่ จะพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมในปีถัดไป

นายกฤษณนันท์ กล่าวยอมรับว่า ในการขายบ้านเดี่ยวระดับราคา 15-20 ล้านบาท/ยูนิต ย่านพัฒนาการ 69 นั้น มีอัตราการขายค่อนข้างช้า เนื่องจากเป็นบ้านที่มีราคาสูง ด้วยเหตุนี้บริษัทได้ปรับแผนการพัฒนาใหม่ด้วยการ ปรับลดขนาดพื้นที่ใช้สอยเล็กลง เพื่อสอดคล้องกับการตั้งราคาขายใหม่ที่อยู่ขายต่ำลง 20-25% หรือประมาณ 12-17 ล้านบาท/ยูนิต ซึ่งโครงการดังกล่าวมียูนิตที่ขายรวมประมาณ 60 ยูนิต มูลค่ารวมกว่า 934 ล้านบาท เปิดขายตั้งแต่ปี 2547 ณ สิ้นปี 2549 มีความคืบหน้าการขายไปกว่า 5%

อย่างไรก็ตาม แม้ยอดขายบ้านเดี่ยวจะชะลอตัว แต่ในการขายห้องชุดในโครงการคอนโดมิเนียมที่ พระราม 3 และที่ นราธิวาส ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง และได้เริ่มโอนกรรมสิทธิ์ให้ลูกค้าบ้างแล้ว รวมถึงการขายทีอยู่อาศัยในโครงการจัดสรรที่บ้านฉาง จ.ระยอง ที่อยู่ในเกณฑ์ที่ดี จึงเชื่อว่าในปีนี้บริษัทจะมีรายได้เพิ่มจากปีก่อนเป็นเท่าตัว โดยคาดว่าจะมีรายได้ 700-800 ล้านบาท โดยในปี 2549 มีรายได้ 400 ล้านบาท และ ณ สิ้นปีที่ผ่านมาบริษัทมีขาดทุนสะสมอยู่ 640 ล้านบาท

“ต้องยอมรับว่าคอนโดฯของเราเป็นคอนโดฯระดับไฮเอ็น ทำให้อัตราการขายช้ากว่าซิตี้คอนโดฯ ทั่วๆไปที่มีราคาถูก แต่บริษัทก็ได้เตรียมแคมเปญการเงินร่วมกับธนาคารกรุงศรีอยุธยา และธนาคารพาณิชย์อื่น เพื่อช่วยให้สินเชื่อแก่ลูกค้า” นายกฤษณนันท์ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น