แอล.พี.เอ็น.ไตรมาสแรกยอดโอนไม่เข้าเป้า ทำได้แค่ประมาณ 1,000 ล้านบาท จากเป้าหมายทั้งปี 6,300 ล้านบาท มั่นใจไตรมาส 2-3 ยอดโอนกว่า 6,200 ล้านบาท จาก 2 โครงการใหญ่ ล่าสุด เปิดขายลุมพินี คอนโดทาวน์ ราคา 6 แสน ย่านรามอินทรา เล็งหาที่ดินเปิดเพิ่มอีก 1 แห่งภายในปีนี้ พร้อมเร่งปั้น “พรสันติ” บุกแนวราบ หวังกระจายความเสี่ยงหากตลาดอาคารชุดซบเซา
นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาสแรก ที่ผ่านมา คาดว่า จะมียอดโอนสินค้าเข้ามาประมาณ 1,100 ล้านบาท จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ทั้งปี 6,000-6,300 ล้านบาท ซึ่งยอดโอนที่ต่ำดังกล่าวเนื่องจากบริษัทยังไม่เริ่มโอนอาคารชุดที่มีการขายไปก่อนหน้านี้ โดยโครงการที่จะเริ่มโอนได้นั้น ได้แก่ โครงการลุมพินี เพลส นราธิวาส-เจ้าพระยา จำนวน 3,000 ล้านบาท จากมูลค่าโครงการรวม 3,600 ล้านบาท ซึ่งได้เริ่มทยอยโอนบางส่วนไปในไตรมาส 1 และส่วนที่เหลือคาดว่าจะโอนได้ในไตรมาส 2-3 อีกจำนวน 3,000 ล้านบาท
ส่วนความคืบหน้าโครงการลุมพินี เพลส นราธิวาส-เจ้าพระยา ปัจจุบันมียอดขายประมาณ 1,000 ยูนิตแล้ว เหลือเพียง 200 ยูนิตเท่านั้น โดยบริษัทจะมีการออกแคมเปญเพื่อกระตุ้นยอดขายอย่างต่อเนื่อง และคาดว่า ภายในปลายไตรมาส 2 หรือต้นไตรมาส 3 จะสามารถปิดยอดขายได้หมด ขณะที่โครงการลุมพินี คอนโดทาวน์ บดินทรเดชา-รามคำแหง ขณะนี้มียอดขายกว่า 70% แล้ว
นอกจากนี้ ยังมียอดโอนจากโครงการลุมพินี สะพานควาย จำนวน 2,200 ล้านบาท ในช่วงไตรมาส 3 รวมโครงการลุมพินี เพลส ปิ่นเกล้า 2 อีกประมาณ 1,000 ล้านบาท รวมทั้ง 3 โครงการ จำนวน 6,200 ล้านบาท อีกทั้งยังมียอดโอนจากโครงการอื่นๆ อีกบางส่วน
ล่าสุด บริษัทเตรียมเปิดขายโครงการ ลุมพินี คอนโดทาวน์ รามอินทรา-หลักสี่ บนเนื้อที่ทั้งหมด 25 ไร่ ในระยะแรกโดยจะดำเนินการในเฟสที่ 1 ก่อน โดยพัฒนาเป็นอาคารสูง 8 ชั้น 7 อาคาร บนพื้นที่ 11 ไร่ 3 งาน จำนวนทั้งสิ้น 1,568 ยูนิต ขนาด 25-35.5 ตรางเมตร รวมมูลค่าโครงการในเฟส 1 ประมาณ 1,100 ล้านบาท
นายโอภาส กล่าวว่า โครงการลุมพินี คอนโดทาวน์ ตั้งอยู่ริมถนนรามอินทรา ติดห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล รามอินทรา เริ่มเปิดขายวันที่ 28-29 เมษายนนี้ ด้วยราคาเริ่มต้น 6.4 แสน ราคาเฉลี่ย 26,000 บาท / ตร.ม.ผ่อนเดือนละ 2 พันกว่าบาท เพื่อตอบสนองความต้องการที่อยู่อาศัยของลูกค้าในระดับล่างบน (C+) ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายที่ใหญ่ที่สุด ในขณะที่มีผู้ประกอบการน้อยรายที่ให้ความสำคัญกับลูกค้ากลุ่มนี้ เนื่องจากปัญหาด้านต้นทุน และการบริหารชุมชน ซึ่งแบรนด์ “ลุมพินี คอนโดทาวน์“ ถือเป็นเรือธง (Flag Ship) ที่สำคัญของบริษัทในอนาคต
นอกจากนี้ บริเวณโครงการดังกล่าว บริษัทยังมีพื้นที่เหลือประมาณ 4 ไร่ ซึ่งอยู่ด้านหน้าโครงการ ขณะนี้อยู่ระห่างพิจารณาว่าจะพัฒนาให้เป็นพื้นที่ในเชิงพาณิชย์ หรือโครงการประเภทอื่นๆ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยพื้นที่ในส่วนนี้จะให้บริษัท พรสันติ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกเป็นผู้ดำเนินงาน เนื่องจากเป็นการพัฒนาที่ดินในแนวราบ อย่างไรก็ดี ในปีนี้บริษัทมีแผนที่จะพัฒนาโครงการในแบรนด์ ลุมพินี คอนโดทาวน์ อีกหนึ่งแห่งขณะนี้อยู่ระหว่างหาทำเลและที่ดินที่จำนำมาพัฒนาคาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้
นายโอภาส กล่าวอีกว่า ในส่วนของบริษัท พรสันติ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ตั้งขึ้นเพื่อพัฒนาโครงการแนวราบ อาทิ บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ อาคารพาณิชย์ ชอปปิ้งมอลล์ ทุกเซ็กเมนต์อสังหาริมทรัพย์ที่มีโอกาสในการสร้างรายได้และกำไรที่บริษัท แอล.พี.เอ็น.ไม่ลงไปทำตลาดนั้น
“พรสันติจะพัฒนาโครงการในแนวราบ ที่ แอล.พี.เอ็น.ไม่ได้พัฒนา ซึ่งในปีนี้พรสันติจะพัฒนาในที่ดินที่เหลือเศษจากการพัฒนาคอนโดฯ ของ แอล.พี.เอ็น.เพื่อจะได้ไม่มีต้นทุนในการดำเนินงานสูงมากนัก เพราะถือว่าเป็นช่วงเริ่มเรียนรู้หรืออยู่ในชั้นอนุบาล อนาคตหากพรสันติหาตลาดที่เหมาะสมหรือถนัด ก็จะทำการบุกตลาดนั้นอย่างเต็มที่ และจะทำให้ แอล.พี.เอ็น.ได้กระจายความเสี่ยงไปยังตลาดอื่นๆ หากในอนาคตตลาดคอนโดฯไม่ได้รับความนิยม” นายโอภาส กล่าว
ในเดือนพฤษภาคม พรสินติ จะพัฒนาโครงการทาวน์เฮ้าส์ ย่านลาดพร้าว 21 จำนวนทั้งสิ้น 43 ยูนิต ราคาเริ่มต้นที่ 7 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 300 ล้านบาท และก่อนหน้านี้ ได้พัฒนาอาคารพาณิชย์ในพื้นที่ของโครงการลุมพินีเพลส ศูนย์วัฒนธรรม จำนวน 5 ยูนิต ซึ่งได้ปิดการขายไปหมดแล้ว
นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาสแรก ที่ผ่านมา คาดว่า จะมียอดโอนสินค้าเข้ามาประมาณ 1,100 ล้านบาท จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ทั้งปี 6,000-6,300 ล้านบาท ซึ่งยอดโอนที่ต่ำดังกล่าวเนื่องจากบริษัทยังไม่เริ่มโอนอาคารชุดที่มีการขายไปก่อนหน้านี้ โดยโครงการที่จะเริ่มโอนได้นั้น ได้แก่ โครงการลุมพินี เพลส นราธิวาส-เจ้าพระยา จำนวน 3,000 ล้านบาท จากมูลค่าโครงการรวม 3,600 ล้านบาท ซึ่งได้เริ่มทยอยโอนบางส่วนไปในไตรมาส 1 และส่วนที่เหลือคาดว่าจะโอนได้ในไตรมาส 2-3 อีกจำนวน 3,000 ล้านบาท
ส่วนความคืบหน้าโครงการลุมพินี เพลส นราธิวาส-เจ้าพระยา ปัจจุบันมียอดขายประมาณ 1,000 ยูนิตแล้ว เหลือเพียง 200 ยูนิตเท่านั้น โดยบริษัทจะมีการออกแคมเปญเพื่อกระตุ้นยอดขายอย่างต่อเนื่อง และคาดว่า ภายในปลายไตรมาส 2 หรือต้นไตรมาส 3 จะสามารถปิดยอดขายได้หมด ขณะที่โครงการลุมพินี คอนโดทาวน์ บดินทรเดชา-รามคำแหง ขณะนี้มียอดขายกว่า 70% แล้ว
นอกจากนี้ ยังมียอดโอนจากโครงการลุมพินี สะพานควาย จำนวน 2,200 ล้านบาท ในช่วงไตรมาส 3 รวมโครงการลุมพินี เพลส ปิ่นเกล้า 2 อีกประมาณ 1,000 ล้านบาท รวมทั้ง 3 โครงการ จำนวน 6,200 ล้านบาท อีกทั้งยังมียอดโอนจากโครงการอื่นๆ อีกบางส่วน
ล่าสุด บริษัทเตรียมเปิดขายโครงการ ลุมพินี คอนโดทาวน์ รามอินทรา-หลักสี่ บนเนื้อที่ทั้งหมด 25 ไร่ ในระยะแรกโดยจะดำเนินการในเฟสที่ 1 ก่อน โดยพัฒนาเป็นอาคารสูง 8 ชั้น 7 อาคาร บนพื้นที่ 11 ไร่ 3 งาน จำนวนทั้งสิ้น 1,568 ยูนิต ขนาด 25-35.5 ตรางเมตร รวมมูลค่าโครงการในเฟส 1 ประมาณ 1,100 ล้านบาท
นายโอภาส กล่าวว่า โครงการลุมพินี คอนโดทาวน์ ตั้งอยู่ริมถนนรามอินทรา ติดห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล รามอินทรา เริ่มเปิดขายวันที่ 28-29 เมษายนนี้ ด้วยราคาเริ่มต้น 6.4 แสน ราคาเฉลี่ย 26,000 บาท / ตร.ม.ผ่อนเดือนละ 2 พันกว่าบาท เพื่อตอบสนองความต้องการที่อยู่อาศัยของลูกค้าในระดับล่างบน (C+) ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายที่ใหญ่ที่สุด ในขณะที่มีผู้ประกอบการน้อยรายที่ให้ความสำคัญกับลูกค้ากลุ่มนี้ เนื่องจากปัญหาด้านต้นทุน และการบริหารชุมชน ซึ่งแบรนด์ “ลุมพินี คอนโดทาวน์“ ถือเป็นเรือธง (Flag Ship) ที่สำคัญของบริษัทในอนาคต
นอกจากนี้ บริเวณโครงการดังกล่าว บริษัทยังมีพื้นที่เหลือประมาณ 4 ไร่ ซึ่งอยู่ด้านหน้าโครงการ ขณะนี้อยู่ระห่างพิจารณาว่าจะพัฒนาให้เป็นพื้นที่ในเชิงพาณิชย์ หรือโครงการประเภทอื่นๆ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยพื้นที่ในส่วนนี้จะให้บริษัท พรสันติ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกเป็นผู้ดำเนินงาน เนื่องจากเป็นการพัฒนาที่ดินในแนวราบ อย่างไรก็ดี ในปีนี้บริษัทมีแผนที่จะพัฒนาโครงการในแบรนด์ ลุมพินี คอนโดทาวน์ อีกหนึ่งแห่งขณะนี้อยู่ระหว่างหาทำเลและที่ดินที่จำนำมาพัฒนาคาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้
นายโอภาส กล่าวอีกว่า ในส่วนของบริษัท พรสันติ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ตั้งขึ้นเพื่อพัฒนาโครงการแนวราบ อาทิ บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ อาคารพาณิชย์ ชอปปิ้งมอลล์ ทุกเซ็กเมนต์อสังหาริมทรัพย์ที่มีโอกาสในการสร้างรายได้และกำไรที่บริษัท แอล.พี.เอ็น.ไม่ลงไปทำตลาดนั้น
“พรสันติจะพัฒนาโครงการในแนวราบ ที่ แอล.พี.เอ็น.ไม่ได้พัฒนา ซึ่งในปีนี้พรสันติจะพัฒนาในที่ดินที่เหลือเศษจากการพัฒนาคอนโดฯ ของ แอล.พี.เอ็น.เพื่อจะได้ไม่มีต้นทุนในการดำเนินงานสูงมากนัก เพราะถือว่าเป็นช่วงเริ่มเรียนรู้หรืออยู่ในชั้นอนุบาล อนาคตหากพรสันติหาตลาดที่เหมาะสมหรือถนัด ก็จะทำการบุกตลาดนั้นอย่างเต็มที่ และจะทำให้ แอล.พี.เอ็น.ได้กระจายความเสี่ยงไปยังตลาดอื่นๆ หากในอนาคตตลาดคอนโดฯไม่ได้รับความนิยม” นายโอภาส กล่าว
ในเดือนพฤษภาคม พรสินติ จะพัฒนาโครงการทาวน์เฮ้าส์ ย่านลาดพร้าว 21 จำนวนทั้งสิ้น 43 ยูนิต ราคาเริ่มต้นที่ 7 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 300 ล้านบาท และก่อนหน้านี้ ได้พัฒนาอาคารพาณิชย์ในพื้นที่ของโครงการลุมพินีเพลส ศูนย์วัฒนธรรม จำนวน 5 ยูนิต ซึ่งได้ปิดการขายไปหมดแล้ว