ผู้ถือหุ้นใหญ่ "ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง" เข้าพยุงหุ้นตั้งแต่วันแรกที่เข้าจดทะเบียน 15.35 ล้านหุ้น ในราคาปิดวันนั้นที่ 1.83 บาท พร้อมฉวยจังหวะราคาหุ้นปรับสูงเทขายทันที ฟันกำไรอื้อ ด้านนักวิเคราะห์ ชี้ เหตุราคาหุ้นวิ่งจากนักลงทุนเข้าเก็งกำไรจากเป็นหุ้นใหม่ 4 วันราคาหุ้นพุ่งสูงกว่าราคาจองเกือบ 38% แนะขายทำกำไร
ความเคลื่อนไหวราคาหุ้นบริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ UNIQ วานนี้ (4 เม.ย.) ปิดที่ระดับ 2.48 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท หรือเพิ่มขึ้น 8.77% มูลค่าซื้อขาย โดยราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นจากราคาจองที่ 1.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.68 บาท หรือคิดเป็น 37.77%
ทั้งนี้ ราคาหุ้น UNIQ ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นวันแรกเมื่อวันที่ 30 มีนาคมที่ผ่านมา โดยราคาปิดล่าสุดที่ 2.48 บาท สูงกว่าราคาปิด ณ วันแรกที่ 1.83 บาท หรือเพิ่มขึ้น 0.65 บาท คิดเป็น 35.52%
แบบรายงานการได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์ของกิจการ (แบบ 246-2 , แบบ 256-2) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แจ้งว่า นายเกรียงศักดิ์ สุวิวัฒน์ธนชัย ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ UNIQ ได้เข้ามาซื้อหุ้น UNIQ จำนวน 15.35 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 2.46% ราคาหุ้นละ 1.83 บาท ซึ่งเป็นวันแรกที่หุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) (30 มี.ค.50) และเป็นราคาปิดในวันนั้น ทั้งนี้เป็นการซื้อผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำให้ภายหลังการซื้อหุ้นครั้งนี้ถือหุ้นเพิ่มเป็น 74.17 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 11.87%
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2550 นายเกรียงศักดิ์ ได้มีการขายหุ้นออกมาจำนวน 15.84 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 2.54% ซึ่งราคาขายหุ้นนั้นไม่ได้มีการแจ้งว่าขายในราคาหุ้นละเท่าไร โดยเป็นการขายผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำให้ภายหลังการขายหุ้นครั้งนี้เหลือถือหุ้นเป็น 58.33 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 9.33%
สำหรับความเคลื่อนไหวราคาหุ้นวันที่ 2 เม.ย.ปิดที่ 2.18 บาท โดยระหว่างวันราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุด 2.18 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 1.84 บาท ขณะราคาหุ้นวันที่ 3 เมษายน 2550 ราคาปิดที่ 2.28 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุด 2.42 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 2.06 บาท
นางสาวกรภัทร์ สุวิวัฒน์ธนชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ UNIQ เปิดเผยว่า การที่นายเกรียงศักดิ์ สุวิวัฒน์ธนชัย เข้าไปซื้อหุ้นของบริษัทในวันแรกที่หุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯเนื่องจากมองว่าราคาหุ้นของบริษัทต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานจึงเข้าไปซื้อ แต่ส่วนที่มีการขายหุ้นออกมาเนื่องจาก ราคาหุ้นมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นจึงมีการขายทำกำไร
ส่วนการที่ราคาหุ้นของบบริษัทมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นนั้น เพราะนักลงทุนมองว่าผลประกอบการของบริษัทในปีนี้จะมีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างปีก่อน เนื่องจาก ปีนี้บริษัทจะรับรู้รายได้จากงานที่ได้ทำในปีที่ผ่านมาที่มีมูลค่า 1,300 ล้านบาท และในปีนี้บริษัทได้มีการเซ็นสัญญารับงานใหม่อีก 3 งาน มูลค่ารวม กว่า 4,000 ล้านบาท รวมแล้วมีงานในมือจำนวน 5,400 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้ในปีนี้และปีหน้า และนอกจากนี้บริษัทมีแผนที่จะเข้าร่วมประมูลงานใหม่ๆเ พิ่มขึ้นขึ้นซึ่งขณะนี้มีงานในกรุงเทพฯที่เตรียมที่จะประมูลมูลค่า 20,000 ล้านบาท และบริษัทก็มีความสนใจที่จะเข้าร่วมประมูลงานโครงสร้างพื้นฐาน (เมกกะโปรเจ็กต์)
นอกจากนี้ การที่ราคาหุ้นของบริษัทส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะ บริษัทมีการประกาศจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.03 บาท ต่อหุ้น ซึ่งถือเป็นการจ่ายเงินปันผลครั้งแรกตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา หรือประมาณ 13 ปี
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ แห่งหนึ่งกล่าวว่า จากการที่ราคาหุ้นของ UNIQ มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรจากที่เป็นหุ้นที่เพิ่งเข้ามาจดทะเบียนใหม่ แต่การขณะนี้ถือว่าราคาหุ้นได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น 38% จากราคาจองซึ่งถือว่าราคาสูงเกินไปแล้ว ซึ่งจะต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไร ดังนั้น บริษัทจึงไม่แนะนำให้นักลงทุนซื้อ
ความเคลื่อนไหวราคาหุ้นบริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ UNIQ วานนี้ (4 เม.ย.) ปิดที่ระดับ 2.48 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท หรือเพิ่มขึ้น 8.77% มูลค่าซื้อขาย โดยราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นจากราคาจองที่ 1.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.68 บาท หรือคิดเป็น 37.77%
ทั้งนี้ ราคาหุ้น UNIQ ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นวันแรกเมื่อวันที่ 30 มีนาคมที่ผ่านมา โดยราคาปิดล่าสุดที่ 2.48 บาท สูงกว่าราคาปิด ณ วันแรกที่ 1.83 บาท หรือเพิ่มขึ้น 0.65 บาท คิดเป็น 35.52%
แบบรายงานการได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์ของกิจการ (แบบ 246-2 , แบบ 256-2) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แจ้งว่า นายเกรียงศักดิ์ สุวิวัฒน์ธนชัย ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ UNIQ ได้เข้ามาซื้อหุ้น UNIQ จำนวน 15.35 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 2.46% ราคาหุ้นละ 1.83 บาท ซึ่งเป็นวันแรกที่หุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) (30 มี.ค.50) และเป็นราคาปิดในวันนั้น ทั้งนี้เป็นการซื้อผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำให้ภายหลังการซื้อหุ้นครั้งนี้ถือหุ้นเพิ่มเป็น 74.17 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 11.87%
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2550 นายเกรียงศักดิ์ ได้มีการขายหุ้นออกมาจำนวน 15.84 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 2.54% ซึ่งราคาขายหุ้นนั้นไม่ได้มีการแจ้งว่าขายในราคาหุ้นละเท่าไร โดยเป็นการขายผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำให้ภายหลังการขายหุ้นครั้งนี้เหลือถือหุ้นเป็น 58.33 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 9.33%
สำหรับความเคลื่อนไหวราคาหุ้นวันที่ 2 เม.ย.ปิดที่ 2.18 บาท โดยระหว่างวันราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุด 2.18 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 1.84 บาท ขณะราคาหุ้นวันที่ 3 เมษายน 2550 ราคาปิดที่ 2.28 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุด 2.42 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 2.06 บาท
นางสาวกรภัทร์ สุวิวัฒน์ธนชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ UNIQ เปิดเผยว่า การที่นายเกรียงศักดิ์ สุวิวัฒน์ธนชัย เข้าไปซื้อหุ้นของบริษัทในวันแรกที่หุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯเนื่องจากมองว่าราคาหุ้นของบริษัทต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานจึงเข้าไปซื้อ แต่ส่วนที่มีการขายหุ้นออกมาเนื่องจาก ราคาหุ้นมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นจึงมีการขายทำกำไร
ส่วนการที่ราคาหุ้นของบบริษัทมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นนั้น เพราะนักลงทุนมองว่าผลประกอบการของบริษัทในปีนี้จะมีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างปีก่อน เนื่องจาก ปีนี้บริษัทจะรับรู้รายได้จากงานที่ได้ทำในปีที่ผ่านมาที่มีมูลค่า 1,300 ล้านบาท และในปีนี้บริษัทได้มีการเซ็นสัญญารับงานใหม่อีก 3 งาน มูลค่ารวม กว่า 4,000 ล้านบาท รวมแล้วมีงานในมือจำนวน 5,400 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้ในปีนี้และปีหน้า และนอกจากนี้บริษัทมีแผนที่จะเข้าร่วมประมูลงานใหม่ๆเ พิ่มขึ้นขึ้นซึ่งขณะนี้มีงานในกรุงเทพฯที่เตรียมที่จะประมูลมูลค่า 20,000 ล้านบาท และบริษัทก็มีความสนใจที่จะเข้าร่วมประมูลงานโครงสร้างพื้นฐาน (เมกกะโปรเจ็กต์)
นอกจากนี้ การที่ราคาหุ้นของบริษัทส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะ บริษัทมีการประกาศจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.03 บาท ต่อหุ้น ซึ่งถือเป็นการจ่ายเงินปันผลครั้งแรกตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา หรือประมาณ 13 ปี
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ แห่งหนึ่งกล่าวว่า จากการที่ราคาหุ้นของ UNIQ มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรจากที่เป็นหุ้นที่เพิ่งเข้ามาจดทะเบียนใหม่ แต่การขณะนี้ถือว่าราคาหุ้นได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น 38% จากราคาจองซึ่งถือว่าราคาสูงเกินไปแล้ว ซึ่งจะต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไร ดังนั้น บริษัทจึงไม่แนะนำให้นักลงทุนซื้อ