xs
xsm
sm
md
lg

POWERโต้คำสั่งแก้งบกลต.ฟ้องศาลขอความเป็นธรรม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

"เพาเวอร์-พี" โต้คำสั่งก.ล.ต หลังให้แก้ไขงบการเงินงวดปี 47-48 และงวดครึ่งปี 49 พร้อมสั่งให้ตั้งผู้ตรวจสอบบัญชีพิเศษพิจารณาว่ารายได้ทุกรายการสามารถบันทึกได้หรือไม่ ยันคำสั่งไม่ชอบธรรมและไม่ถูกต้อง ยื่นฟ้องศาลปกครองกลางขอให้มีคำสั่งหรือคำพิพากษาเพิกถอนคำสั่งของก.ล.ต. ด้านก.ล.ต.พร้อมชี้แจงข้อเท็จจริงต่อศาลยันพิจารณาตามขั้นตอนปกติเพื่อประโยชน์ต่อนักลงทุน ชี้เป็นสิทธิที่จะฟ้องร้องได้

นายปิยะ พูลสวัสดิ์ รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เพาเวอร์-พี จำกัด (มหาชน) หรือ POWER กล่าวว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ได้มีหนังสือที่ กลต.ช.2469/2549 เรื่องแก้ไขงบการเงิน และจัดให้มีการสอบบัญชีโดยผู้สอบบัญชี ตามมาตรา58(3) แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ลงวันที่ 8 พฤศจิกายน 2549 มาถึงบมจ.เพาเวอร์-พี เพื่อให้ทำการแก้ไขงบการเงินในงวดปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2547 งวดปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2548 และงวดไตรมาสสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2549

นอกจากนี้ยังสั่งให้บริษัทฯ จัดให้มีการสอบบัญชี (Special Audit) โดยผู้สอบบัญชี เพื่อพิจารณาว่ารายได้ทุกรายการดังกล่าวสามารถรับรู้เป็นรายได้ตามหลักการบัญชีรับรองโดยทั่วไปหรือไม่ และผลการตรวจสอบโดยผู้สอบบัญชีปรากฏว่ามีรายการใดไม่เป็นไปตามหลักการบัญชีรับรองโดยทั่วไป ให้บริษัทฯ แก้ไขงบการเงินงวดปีที่ได้รับผลกระทบ และงวดไตรมาสสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2549 ไปในคราวเดียวกันนั้นด้วย

ทั้งนี้ จากคำสั่งดังกล่าวบริษัท เพาเวอร์-พี จำกัด (มหาชน) เห็นว่าเป็นคำสั่งทางปกครองที่ไม่ถูกต้องและไม่ชอบธรรมกับบริษัทฯ เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2549 จึงได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่ง พร้อมกับยื่นคำขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ แต่เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2550 สำนักงานก.ล.ต. ได้มีหนังสือที่ กลต.ม.379/2550 เรื่องการแจ้งผลการพิจารณาคำอุทธรณ์คำสั่งให้แก้ไขงบการเงิน และจัดให้มีการสอบบัญชีเป็นกรณีพิเศษโดยผู้สอบบัญชี มายังบมจ.เพาเวอร์-พี โดยแจ้งว่าคณะกรรมการก.ล.ต.ได้ประชุมพิจารณาคำอุทธรณ์ และคำชี้แจงของบริษัทฯ เพิ่มเติมแล้ว มีความเห็นพ้องกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ว่าการจัดทำงบการเงินของบริษัทฯ ไม่เป็นไปตามมาตรฐานบัญชีรับรองโดยทั่วไป การที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สั่งให้บริษัทฯ แก้ไขงบการเงินและจัดให้มีการสอบบัญชีเป็นกรณีพิเศษ (Special Audit) โดยผู้สอบบัญชี เป็นการดำเนินการโดยชอบแล้ว จึงมีคำสั่งยืนตามคำสั่งดังกล่าวของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลัก ทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และแจ้งว่าบริษัทฯมีสิทธิโต้แย้งคำสั่งดังกล่าวต่อศาลปกครองภายใน 90 วัน นับแต่ได้รับหนังสือ

อย่างไรก็ตาม การพิจารณาของคณะกรรมการบริษัท เห็นว่าควรโต้แย้งคำสั่งดังกล่าวต่อศาลปกครอง เพื่อขอให้ศาลปกครองกลางมีคำสั่งหรือคำพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งของสำนักงานก.ล.ต. ที่ได้มีคำสั่งให้บริษัทแก้ไขงบการเงิน รวมตลอดทั้งจัดให้มีการสอบบัญชีโดยผู้สอบบัญชี ตามมาตรา 58(3) แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ตามหนังสือที่ กลต.ช.2469/2549ฉบับลงวันที่ 8 พฤศจิกายน 2549 เสีย ซึ่งขณะนี้คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองกลาง

**ก.ล.ต.ยันทำตามกฎหมาย

ด้านรายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ แจ้งว่า ตามที่ปรากฏข่าว บมจ. เพาเวอร์-พี (POWER) ได้ยื่นคำร้องต่อศาลปกครอง เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งหรือคำพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งของ ก.ล.ต. ในกรณีที่ให้ POWER แก้ไขงบการเงินปี 2547 ปี 2548 และงบไตรมาส 2 ปี 2549 และจัดให้มีการสอบบัญชีโดยผู้สอบบัญชี (special audit) สำหรับรายการรายได้อื่นที่มีความคลุมเครือ นั้น

ทั้งนี้ ก.ล.ต. ขอยืนยันว่าการดำเนินการของ ก.ล.ต. กระทำด้วยความรอบคอบภายใต้อำนาจกฎหมายหลักทรัพย์ฯ และตามขั้นตอนการปฏิบัติงานปกติของ ก.ล.ต. เพื่อให้มีการเปิดเผยข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วน อันเป็นประโยชน์โดยตรงต่อการตัดสินใจของผู้ถือหุ้น และผู้ลงทุนทั่วไป ตลอดจนเพื่อรักษาความเชื่อมั่นต่อตลาดทุนโดยรวม สำหรับการฟ้องร้องต่อศาลปกครองนั้น เป็นสิทธิที่ POWER สามารถกระทำได้ และ ก.ล.ต. ก็พร้อมที่จะให้ข้อเท็จจริงทั้งหมดต่อศาล

อนึ่ง เมื่อวันที่ 8 พ.ย. 49 ที่ผ่านมาก.ล.ต.ได้พิจารณาตรวจสอบการบันทึกรายการรับรู้รายได้ของบมจ. เพาเวอร์-พี พร้อมสั่งให้มีผู้สอบบัญชีดำเนินการตรวจสอบพิเศษ (special audit) เข้ามาตรวจสอบรายการต้องสงสัยดังกล่าว ซึ่งแม้ผลการตรวจสอบพิเศษในครั้งนั้นจะไม่สามารถสรุปได้ว่า รายการต้องสงสัยดังกล่าวไม่ถูกต้องตามหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไป แต่ก็ได้ตั้งข้อสังเกตไว้หลายประการ

ต่อมาการตรวจสอบของ ก.ล.ต. ปรากฏพยานหลักฐานที่น่าเชื่อได้ว่า รายได้ที่บริษัทรับรู้ไว้ส่วนหนึ่ง รวม 10.5 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 43 ของกำไรจากการดำเนินงาน มิได้มีการให้บริการจริง จึงไม่สามารถที่จะรับรู้รายได้ดังกล่าวในงบการเงินประจำปี 2547 ได้ตามหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไป การกระทำดังกล่าวทำให้งบการเงินของ POWER แสดงฐานะทางการเงินและผลการดำเนินงานดีกว่าความเป็นจริง โดยน่าเชื่อว่า ผู้บริหารของ POWER 3 ราย ได้แก่ นายราชศักดิ์ สุเสวี ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นายพงษ์ศักดิ์ คงปัญญากุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายการเงินและการบัญชี และนางสาวศิริพร ตั้งมิตรประชา ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ มีส่วนรู้เห็นและมีส่วนร่วมในการจัดทำบัญชีของ POWER ไม่ถูกต้อง ไม่ตรงต่อความเป็นจริง เพื่อลวงบุคคลใดๆ ซึ่งการกระทำดังกล่าว เข้าข่ายเป็นการกระทำผิดตามมาตรา 312 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ก.ล.ต. จึงได้กล่าวโทษบุคคลข้างต้น รวมทั้งผู้สนับสนุนในการกระทำผิดอีก 1 ราย คือ นายคมกริช ลือจรรยา ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อขอให้พิจารณาสอบสวนและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น