xs
xsm
sm
md
lg

ราคาหุ้นKASETแผ่วอีกปิดลดลง 0.09บาท หลังผู้บริหารเผยไม่มีเหตุผลที่เป็นนัยสำคัญ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ราคาหุ้น KASET หลังวิ่งมาหลายวันแผ่วแล้ว ปิดตลาดที่ 1.61 บาท ลดลง 0.09 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขายหนาแน่น 298.11 ล้านบาท หลังผู้บริหารเผยไม่มีนัยสำคัญ เชื่อนักลงทุนสถาบันหันมาให้ความสนใจลงทุนหุ้นปันผล เพราะที่ผ่านมาบริษัทมีการจ่ายปันผลอย่างต่อเนื่อง โดยปี 49 ปันผลหุ้นละ 0.02 บาท ขณะที่ปีนี้ตั้งเป้าการเติบโตไว้ 10-15% จากปีก่อน

ราคาหุ้น KASET ของบริษัท ไทยฮา จำกัด (มหาชน) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาวิ่งมาอย่างน่าจับตามอง โดยจะเห็นว่าราคาหุ้นขยับเพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ นับจากต้นเดือนมีนาคมแล้ว แต่ที่เห็นได้ชัดคือเมื่อ 14 มีนาคม พบว่าราคาหุ้นบวกไป 30 สตางค์หรือ 29.41% ปิดตลาดที่ 1.70 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 59.26 ล้านบาท และวันต่อมาราคาหุ้นยังซื้อยขายอย่างหนาตา ปรับขึ้นไปอีก 30 สตางค์ ปิดที่ 1.70 บาท เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 28.79 % ด้วยมูลค่าซื้อขาย 138.23 ล้านบาท

และเมื่อวันศุกร์ 16 มีนาคม ราคาหุ้นยังพบว่าแรงซื้อเข้ามาต่อเนื่อง มูลค่าซื้อขายช่วงเช้ามีถึง 207 ล้านบาท ขณะที่ราคาหุ้นปรับขึ้นไปที่ 1.97 บาท หรือบวกเพิ่ม 27 สตางค์ เป็นหุ้นที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุดของตลาดหลักทรัพย์ mai ช่วงบ่ายราคาหุ้นค่อนข้างอ่อนตัวลง แต่แรงซื้อยังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จนปิดตลาดด้วยราคา 1.61 บาท ลดลง 0.09 บาท คิดเป็นการเปลี่ยนแปลงลดลง 5.29% % ด้วยมูลค่าการซื้อขายรวม 298.11 ล้านบาท

นายสมฤกษ์ ตั้งพิรุฬห์ธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยฮา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ไม่ทราบถึงเรื่องการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้น ตลอดจนแรงซื้อที่มีเข้ามาอย่างหนาตากว่าช่วงก่อนหน้า และยืนยันว่าไม่มีนัยสำคัญใด ๆ มาหนุน แต่เชื่อว่าอาจเพราะมีนักลงทุนสถาบันหรือกองทุนอาจสนใจที่จะเข้ามาซื้อหุ้นเพื่อลงทุน เพราะหุ้น KASET เป็นหุ้นปันผล เพราะปี 49 บริษัทประกาศจ่ายเงินปันผลหุ้นละ 0.02 บาท และกำหนดจ่าย 18 พฤษภาคมนี้

" ตอนนี้ไม่มีอะไร ไม่มีการลงทุนเพิ่มทุนหรือการเจรจากับพันธมิตร แต่ผมเชื่อว่านักลงทุนสถาบันน่าจะให้ความสนใจหุ้นเรามากขึ้น เพราะหุ้นเราเป็นหุ้นผลที่ให้ผลตอบแทนกับผู้ถือหุ้นต่อเนื่อง หรืออาจเพราะสินค้าใหม่ที่เราโฆษณาที่เพิ่งออนแอร์ไปหรือเปล่าโจ๊กกึ่งสำเร็จรูปและวุ้นเส้นกึ่งสำเร็จรูป " นายสมฤกษ์กล่าว

สำหรับผลการดำเนินงานงวดสิ้นปี 49 สิ้นสุด 31 ธันวาคม 49 ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 5 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 8.83 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรสุทธิต่อหุ้นลดลงจาก 6 สตางค์เหลือ 3 สตางค์ต่อหุ้น หรือกำไรสุทธิลดลง 43.67%

เนื่องจาก ในปี 2549 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายทั้งสิ้น 1,234.63 ล้านบาท และมีขณะที่ปี 2548 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีรายได้จากการขายทั้งสิ้น 1,166.89 ล้านบาท ขณะที่มีค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยจ่ายทั้งสิ้น 18.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 48 ที่มีดอกเบี้ยจ่ายทั้งสิ้น 10.47 ล้านบาทโดยเพิ่มขึ้น 8.34 ล้านบาท หรือเท่ากับร้อยละ 79.66เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยมีการปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ บริษัท ไทยฮา ออสเตรเลีย จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ประเทศออสเตรเลีย (จัดตั้งเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2548) มีค่าใช้จ่ายการ
ตลาด ซึ่งจะเป็นเพียงช่วงแรกของการบุกตลาดในประเทศออสเตรเลีย

นายสมฤกษ์ เปิดเผยถึงแผนงานปีนี้ว่า บริษัทจะหันมาเน้นสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น หลังจากที่ก่อนหน้าได้เน้นเฉพาะการขายสินค้าแบบแห้งอย่าง ข้าว วุ้นเส้น เป็นต้น ก็จะหันมาเน้นผลิตสินค้ากึ่งสำเร็จรูปเพื่อเพิ่มความหลากหลายและเพิ่มความสะดวกให้กับผู้บริโภค และเชื่อว่าตลาดสินค้าอาหารกึ่งสำเร็จรูปแม้จะมีหลากหลายชนิด และการแข่งขันทางการตลาด แต่เมื่อเทียบกับสินค้าจำหน่ายพวกข้าวหรือวุ้นเส้น ถือว่ารุนแรงน้อยกว่า

โดยตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ไว้ที่ 10-15% จากปีก่อน และปีนี้ยอดขายจากต่างประเทศจะมีมากขึ้นเพราะส่งออกเพิ่มขึ้น เนื่องจากการที่บริษัทได้เน้นการส่งออกมากขึ้น แม้ว่าสัดส่วนระหว่างการขายในประเทศและส่งออกจะเป็น 60 ต่อ 40 แต่ฐานของการจำหน่ายเพิ่มขึ้น จึงทำให้สัดส่วนรายได้ที่ตั้งเป้าไว้จะให้ปรับเป็นอย่างละ 50% นั้นยังคงไม่เปลี่ยนแปลงไปตามเป้าหมาย

" ปีนี้เป้าส่งออกของเราเพิ่มจาก 20% เป็น 20-30% ซึ่งปีที่ผ่านมาเราทำรายได้จากการส่งออกประมาณ 500 ล้านบาท และปีนี้ก็น่าจะทำได้ามเป้าหมาย " นายสมฤกษ์กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น