เกษร โฮลดิ้ง ทุ่ม 300 ล้านซื้อกิจการ อัมรินทร์ พลาซ่า ต่อจากเอราวัณ ราชประสงค์ บริษัทในเครือ "ดิ เอราวัณ กรุ๊ป" หวังเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ พร้อมปรับปรุงย่านราชประสงค์ให้เป็นศูนย์รวมธุรกิจเต็มตัว ขณะที่ผู้บริหารเอราวัณ ระบุระยะเวลาในการสัญญาเช่าพื้นที่เหลือเพียง 8 ปีไม่คุ้มค่าหากต้องมีการปรับปรุง คาดสรุปดีลได้ภายในเม.ย.นี้
นายวิบูลย์ ชัยศุจยากร ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและกฎหมาย บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERAWAN กล่าวว่า คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติการขายกิจการอัมรินทร์พลาซ่าโดยเข้าทำสัญญาซื้อขายหุ้นสามัญของบริษัทเอราวัณ ราชประสงค์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยให้แก่ บริษัท เกสร โฮลดิ้ง จำกัด
ทั้งนี้ ลักษณะการดำเนินธุรกิจของเอราวัณ ราชประสงค์ ประกอบธุรกิจให้เช่าพื้นที่ศูนย์การค้าและสำนักงานภายในอาคารอัมรินทร์ พลาซ่า และธุรกิจให้เช่าพื้นที่ศูนย์การค้าภายในอาคาร Erawan Bangkok ซึ่งภายหลังจากการขายสิทธิการเช่าและทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องในอาคารทั้ง 2 แห่งจะประกอบธุรกิจหลัก โดยการให้เช่าพื้นที่ศูนย์การค้าและสำนักงานภายในอาคารอราวัณ ราชประสงค์
สำหรับการเข้าซื้อราคาอยู่ที่ 59.66 บาทต่อหุ้น กำหนดมูลค่าจากการเจรจาโดยยึดหลักเกณฑ์จากมูลค่ายุติธรรมของกิจการประมาณ 500 ล้านบาท ปรับด้วยเงินทุนหมุนเวียนสุทธิและหักด้วยหนี้สิน ทำให้มูลค่ารวมสิ่งตอบแทนอยู่ที่ประมาณ 298.66 ล้านบาท
ส่วนเหตุผลที่ทำรายการดังกล่าวเนื่องจากในช่วงนี้ ERAWAN มีการลงทุนมูลค่าสูงในธุรกิจโรงแรมซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัท จึงมีความจำเป็นต้องหาเงินทุนจากแหล่งต่างๆ เพื่อสนับสนุนการขยายกิจการดังกล่าว การจำหน่ายทรัพย์สินที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหลักของ ERAWAN ได้แก่ธุรกิจให้เช่าพื้นที่อาคารศูนย์การค้าและอาคารสำนักงานในอาคารอัมรินทร์ พลาซ่าให้แก่บุคคลภายนอกจะช่วยลดภาระหนี้สินของ ERAWAN ในช่วงดังกล่าว
นายกษมา บุณยคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ดิ เอราวัณ กรุ๊ป กล่าวว่า การบรรลุข้อตกลงดังกล่าวถือเป็นการตัดสินใจที่อยู่บนพื้นฐานของการประสานประโยชน์ให้กับทั้งสองฝ่าย ซึ่งมีจุดแข็งในการดำเนินงานที่ต่างกัน แต่สามารถจะส่งเสริมและสนับสนุนซึ่งกันและกันได้ในอนาคต
ทั้งนี้ สัญญาเช่าของโครงการอัมรินทร์ พลาซ่า ที่มีกับ เกษร กรุ๊ป ในขณะนี้นั้นเหลือประมาณ 8 ปี จากระยะเวลาทั้งหมด 30 ปี ทางดิ เอราวัณ กรุ๊ป จึงไม่สามารถจะลงทุนปรับปรุงศูนย์การค้าให้ได้ดีกว่านี้มากในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ การขายกิจการส่วนนี้คืนให้แก่เจ้าของที่ดินจะเป็นการเปิดโอกาสให้มีการพัฒนาและปรับปรุงศูนย์การค้าแห่งนี้ ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์แก่ทุกๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
นายวิบูลย์ ชัยศุจยากร ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและกฎหมาย บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERAWAN กล่าวว่า คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติการขายกิจการอัมรินทร์พลาซ่าโดยเข้าทำสัญญาซื้อขายหุ้นสามัญของบริษัทเอราวัณ ราชประสงค์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยให้แก่ บริษัท เกสร โฮลดิ้ง จำกัด
ทั้งนี้ ลักษณะการดำเนินธุรกิจของเอราวัณ ราชประสงค์ ประกอบธุรกิจให้เช่าพื้นที่ศูนย์การค้าและสำนักงานภายในอาคารอัมรินทร์ พลาซ่า และธุรกิจให้เช่าพื้นที่ศูนย์การค้าภายในอาคาร Erawan Bangkok ซึ่งภายหลังจากการขายสิทธิการเช่าและทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องในอาคารทั้ง 2 แห่งจะประกอบธุรกิจหลัก โดยการให้เช่าพื้นที่ศูนย์การค้าและสำนักงานภายในอาคารอราวัณ ราชประสงค์
สำหรับการเข้าซื้อราคาอยู่ที่ 59.66 บาทต่อหุ้น กำหนดมูลค่าจากการเจรจาโดยยึดหลักเกณฑ์จากมูลค่ายุติธรรมของกิจการประมาณ 500 ล้านบาท ปรับด้วยเงินทุนหมุนเวียนสุทธิและหักด้วยหนี้สิน ทำให้มูลค่ารวมสิ่งตอบแทนอยู่ที่ประมาณ 298.66 ล้านบาท
ส่วนเหตุผลที่ทำรายการดังกล่าวเนื่องจากในช่วงนี้ ERAWAN มีการลงทุนมูลค่าสูงในธุรกิจโรงแรมซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัท จึงมีความจำเป็นต้องหาเงินทุนจากแหล่งต่างๆ เพื่อสนับสนุนการขยายกิจการดังกล่าว การจำหน่ายทรัพย์สินที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหลักของ ERAWAN ได้แก่ธุรกิจให้เช่าพื้นที่อาคารศูนย์การค้าและอาคารสำนักงานในอาคารอัมรินทร์ พลาซ่าให้แก่บุคคลภายนอกจะช่วยลดภาระหนี้สินของ ERAWAN ในช่วงดังกล่าว
นายกษมา บุณยคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ดิ เอราวัณ กรุ๊ป กล่าวว่า การบรรลุข้อตกลงดังกล่าวถือเป็นการตัดสินใจที่อยู่บนพื้นฐานของการประสานประโยชน์ให้กับทั้งสองฝ่าย ซึ่งมีจุดแข็งในการดำเนินงานที่ต่างกัน แต่สามารถจะส่งเสริมและสนับสนุนซึ่งกันและกันได้ในอนาคต
ทั้งนี้ สัญญาเช่าของโครงการอัมรินทร์ พลาซ่า ที่มีกับ เกษร กรุ๊ป ในขณะนี้นั้นเหลือประมาณ 8 ปี จากระยะเวลาทั้งหมด 30 ปี ทางดิ เอราวัณ กรุ๊ป จึงไม่สามารถจะลงทุนปรับปรุงศูนย์การค้าให้ได้ดีกว่านี้มากในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ การขายกิจการส่วนนี้คืนให้แก่เจ้าของที่ดินจะเป็นการเปิดโอกาสให้มีการพัฒนาและปรับปรุงศูนย์การค้าแห่งนี้ ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์แก่ทุกๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง