แบงก์ชาติเผยตัวเลขบัตรเครดิตในระบบสถาบันการเงินปริมาณบัตรเครดิตยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แต่ยอดสินเชื่อคงค้างกลับลดลงกว่า 2 พันล้านบาทเมื่อเทียบกับเดือนก่อน ขณะที่ปริมาณการใช้จ่ายโดยรวมเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยจากธุรกิจธนาคารพาณิชย์ แต่สาขาธนาคารต่างชาติและธุรกิจนอนแบงก์กลับลดลง โดยเฉพาะในส่วนของธุรกิจนอนแบงก์มีปริมาณการใช้จ่ายโดยรวมลดลงกว่า 2 พันล้านบาท สอดคล้องกับปริมาณการใช้จ่ายในประเทศของสาขาธนาคารต่างชาติและธุรกิจนอนแบงก์ยอดลดหวบ เหตุประชาชนชะลอการใช้จ่ายตามภาวะเศรษฐกิจของไทยที่ชะลอตัว
รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)แจ้งว่า ธปท.ได้ประกาศยอดคงค้างการให้บริการบัตรเครดิตแยกตามประเภทบัตรเครดิตล่าสุด ณ วันที่ 31 ม.ค. 50 พบว่า เมื่อเทียบกับเดือนก่อนสถาบันการเงินมียอดสินเชื่อคงค้างลดลง ขณะที่ปริมาณบัตรเครดิตของสถาบันการเงินมีจำนวนเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เช่นเดียวกับปริมาณการใช้จ่ายโดยรวมก็เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย โดยในส่วนของธุรกิจบัตรเครดิตที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน(นอนแบงก์) และสาขาธนาคารต่างประเทศกลับมียอดใช้จ่ายลดลงอย่างมาก โดยเฉพาะในส่วนของปริมาณการใช้จ่ายภายในประเทศ อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับกับระยะเดียวกันของปีก่อนทั้งปริมาณบัตรเครดิต ยอดสินเชื่อคงค้าง และปริมาณการใช้จ่ายรวมมียอดเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ สิ้นเดือนม.ค. 50 สถาบันการเงินมีปริมาณบัตรเครดิตทั้งสิ้น 11,002,807 บัตร เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 102,241 บัตร หรือเพิ่มขึ้น 0.94% และเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนเพิ่มขึ้น 1,025,423 บัตร หรือเพิ่มขึ้น 10.28% โดยในเดือนนี้นอนแบงก์ยังคงมีปริมาณบัตรเครดิตมากที่สุดในระบบสถาบันการเงิน คือ 5,372,741 บัตร รองลงมาเป็นธนาคารพาณิชย์จดทะเบียนในประเทศจำนวน 4,409,919 บัตร และสาขาธนาคารต่างประเทศ 1,220,147 บัตร
ขณะที่ยอดคงค้างบัตรเครดิตของสถาบันการเงินในระบบมีจำนวนทั้งสิ้น 168,775 ล้านบาท หรือลดลง 2,229 ล้านบาท เมื่อเทียบกับเดือนก่อน หรือลดลง 1.30% และเมื่อเทียบกับปีก่อนกลับเพิ่มขึ้น 25,393 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นถึง 17.71% โดยในเดือนนี้นอนแบงก์ก็ยังคงมียอดคงค้างบัตรเครดิตมากที่สุดในระบบ 78,649 ล้านบาท รองลงมาเป็นธนาคารพาณิชย์จดทะเบียนในประเทศ 56,349 ล้านบาท และสาขาธนาคารต่างประเทศ 33,777 ล้านบาท ซึ่งสถาบันการเงินทุกประเภทมียอดคงค้างบัตรเครดิตลดลง โดยเฉพาะสถาบันการเงินในส่วนของสาขาธนาคารต่างประเทศและนอนแบงก์แต่ละประเภทมียอดคงค้างลดลงกว่า 1,000 ล้านบาท
สำหรับปริมาณการใช้จ่ายโดยรวมมีจำนวนทั้งสิ้น 74,097 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 672 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 0.92% และเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนเพิ่มขึ้น 10,242 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 16.04% โดยเดือนนี้ธนาคารพาณิชย์จดทะเบียนในประเทศมีปริมาณการใช้จ่ายโดยรวมมากที่สุดในระบบ 44,695 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,374 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 8.17% จากเดือนก่อน ขณะที่นอนแบงก์โดยนอนแบงก์มีปริมาณการใช้จ่ายรวม 20,759 ล้านบาท หรือลดลง 261 ล้านบาท และสาขาธนาคารต่างประเทศ 8,461 ล้านบาท ลดลง 2,441 ล้านบาท จากเดือนก่อน หรือลดลง 10.52%
โดยเมื่อเข้าไปพิจารณาในส่วนของปริมาณการใช้จ่ายในประเทศกลับเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยประมาณ 167 ล้านบาท จากปัจจุบันที่มีปริมาณการใช้จ่ายในประเทศจำนวน 53,284 ล้านบาท แบ่งเป็นปริมาณการใช้จ่ายในประเทศที่เกิดจากธนาคารพาณิชย์จดทะเบียนในไทยจำนวน 29,873 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มจากเดือนก่อน 2,588 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 9.49% แต่ในส่วนของสาขาธนาคารต่างประเทศและนอนแบงก์กลับลดลง โดยธุรกิจนอนแบงก์ลดลงมากที่สุดถึง 2,152 ล้านบาท หรือลดลง 11.74% ส่วนสาขาธนาคารต่างประเทศลดลง 269 ล้านบาท หรือลดลง 3.60%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวจากปัจจัยลบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการเมือง ราคาน้ำมันที่เริ่มทยอยสูงขึ้นอีกครั้ง หรือแม้แต่การปรับตัวขึ้นของอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตจากระดับ 18% มาเป็น 20% ล้วนแต่จะมีส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต เนื่องจากประชาชนมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่ายในการระมัดระวังการมากขึ้น โดยเฉพาะต่อสินค้าฟุ่มเฟือย หรือสินค้าที่ไม่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน ทำให้ในเดือนนี้ปริมาณการใช้จ่ายโดยรวมลดลงอย่างเห็นได้ชัด
ขณะเดียวกันในวันที่ 1 เมษายน ที่จะถึงนี้ ธปท.จะเริ่มบังคับให้ผู้ประกอบการมีการเรียกเก็บชำระหนี้บัตรเครดิตขั้นต่ำมาเป็น 10% จากเดิม 5% ทั้งลูกค้ารายใหม่และรายเก่า ทำให้ลูกค้าบัตรเครดิตเร่งชำระหนี้กันมากขึ้น ส่งผลให้ยอดสินเชื่อคงค้างลดลงตาม
รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)แจ้งว่า ธปท.ได้ประกาศยอดคงค้างการให้บริการบัตรเครดิตแยกตามประเภทบัตรเครดิตล่าสุด ณ วันที่ 31 ม.ค. 50 พบว่า เมื่อเทียบกับเดือนก่อนสถาบันการเงินมียอดสินเชื่อคงค้างลดลง ขณะที่ปริมาณบัตรเครดิตของสถาบันการเงินมีจำนวนเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เช่นเดียวกับปริมาณการใช้จ่ายโดยรวมก็เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย โดยในส่วนของธุรกิจบัตรเครดิตที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน(นอนแบงก์) และสาขาธนาคารต่างประเทศกลับมียอดใช้จ่ายลดลงอย่างมาก โดยเฉพาะในส่วนของปริมาณการใช้จ่ายภายในประเทศ อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับกับระยะเดียวกันของปีก่อนทั้งปริมาณบัตรเครดิต ยอดสินเชื่อคงค้าง และปริมาณการใช้จ่ายรวมมียอดเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ สิ้นเดือนม.ค. 50 สถาบันการเงินมีปริมาณบัตรเครดิตทั้งสิ้น 11,002,807 บัตร เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 102,241 บัตร หรือเพิ่มขึ้น 0.94% และเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนเพิ่มขึ้น 1,025,423 บัตร หรือเพิ่มขึ้น 10.28% โดยในเดือนนี้นอนแบงก์ยังคงมีปริมาณบัตรเครดิตมากที่สุดในระบบสถาบันการเงิน คือ 5,372,741 บัตร รองลงมาเป็นธนาคารพาณิชย์จดทะเบียนในประเทศจำนวน 4,409,919 บัตร และสาขาธนาคารต่างประเทศ 1,220,147 บัตร
ขณะที่ยอดคงค้างบัตรเครดิตของสถาบันการเงินในระบบมีจำนวนทั้งสิ้น 168,775 ล้านบาท หรือลดลง 2,229 ล้านบาท เมื่อเทียบกับเดือนก่อน หรือลดลง 1.30% และเมื่อเทียบกับปีก่อนกลับเพิ่มขึ้น 25,393 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นถึง 17.71% โดยในเดือนนี้นอนแบงก์ก็ยังคงมียอดคงค้างบัตรเครดิตมากที่สุดในระบบ 78,649 ล้านบาท รองลงมาเป็นธนาคารพาณิชย์จดทะเบียนในประเทศ 56,349 ล้านบาท และสาขาธนาคารต่างประเทศ 33,777 ล้านบาท ซึ่งสถาบันการเงินทุกประเภทมียอดคงค้างบัตรเครดิตลดลง โดยเฉพาะสถาบันการเงินในส่วนของสาขาธนาคารต่างประเทศและนอนแบงก์แต่ละประเภทมียอดคงค้างลดลงกว่า 1,000 ล้านบาท
สำหรับปริมาณการใช้จ่ายโดยรวมมีจำนวนทั้งสิ้น 74,097 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 672 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 0.92% และเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนเพิ่มขึ้น 10,242 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 16.04% โดยเดือนนี้ธนาคารพาณิชย์จดทะเบียนในประเทศมีปริมาณการใช้จ่ายโดยรวมมากที่สุดในระบบ 44,695 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,374 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 8.17% จากเดือนก่อน ขณะที่นอนแบงก์โดยนอนแบงก์มีปริมาณการใช้จ่ายรวม 20,759 ล้านบาท หรือลดลง 261 ล้านบาท และสาขาธนาคารต่างประเทศ 8,461 ล้านบาท ลดลง 2,441 ล้านบาท จากเดือนก่อน หรือลดลง 10.52%
โดยเมื่อเข้าไปพิจารณาในส่วนของปริมาณการใช้จ่ายในประเทศกลับเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยประมาณ 167 ล้านบาท จากปัจจุบันที่มีปริมาณการใช้จ่ายในประเทศจำนวน 53,284 ล้านบาท แบ่งเป็นปริมาณการใช้จ่ายในประเทศที่เกิดจากธนาคารพาณิชย์จดทะเบียนในไทยจำนวน 29,873 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มจากเดือนก่อน 2,588 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 9.49% แต่ในส่วนของสาขาธนาคารต่างประเทศและนอนแบงก์กลับลดลง โดยธุรกิจนอนแบงก์ลดลงมากที่สุดถึง 2,152 ล้านบาท หรือลดลง 11.74% ส่วนสาขาธนาคารต่างประเทศลดลง 269 ล้านบาท หรือลดลง 3.60%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวจากปัจจัยลบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการเมือง ราคาน้ำมันที่เริ่มทยอยสูงขึ้นอีกครั้ง หรือแม้แต่การปรับตัวขึ้นของอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตจากระดับ 18% มาเป็น 20% ล้วนแต่จะมีส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต เนื่องจากประชาชนมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่ายในการระมัดระวังการมากขึ้น โดยเฉพาะต่อสินค้าฟุ่มเฟือย หรือสินค้าที่ไม่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน ทำให้ในเดือนนี้ปริมาณการใช้จ่ายโดยรวมลดลงอย่างเห็นได้ชัด
ขณะเดียวกันในวันที่ 1 เมษายน ที่จะถึงนี้ ธปท.จะเริ่มบังคับให้ผู้ประกอบการมีการเรียกเก็บชำระหนี้บัตรเครดิตขั้นต่ำมาเป็น 10% จากเดิม 5% ทั้งลูกค้ารายใหม่และรายเก่า ทำให้ลูกค้าบัตรเครดิตเร่งชำระหนี้กันมากขึ้น ส่งผลให้ยอดสินเชื่อคงค้างลดลงตาม