เลควูดแลนด์ ผู้ถือหุ้นใหญ่ "ไทยน๊อคซ์"ขายหุ้น 1.35 พันล้านหุ้น ให้คนกันเอง ตระกูลมหากิจศิริ รับเงินกว่า 1.5 พันล้านบาท "ประยุทธ"ชี้เหตุ ผู้ถือหุ้นใหญ่ขายหุ้นจากต้องการเงินเพื่อไปชำระหนี้ที่มี 1 พันล้านบาท-เพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน คาดอีก 2 สัปดาห์เตรียมขายหุ้นที่ซื้อคืน พร้อมตั้งยอดขายปีนี้โต 15% จากปี49 ที่มี 1.49พันล้านบาท
รายงานจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แจ้งว่า บริษัทเลควูดแลนด์ จำกัด ได้มีการขายหุ้นบริษัท ไทยน๊อคซ์ สเตนเลส จำกัด (มหาชน)หรือ INOX ออกมาจำนวน 1,250 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 15.63% ราคาหุ้นละ 1.21 บาท รวมมูลค่า 1,512.5 ล้านบาท เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2550 ให้กับครอบครัวมหากิจศิริ ประกอบด้วย นายเฉลิมชัย มหากิจศิริจำนวน 400 ล้านหุ้น นางสาวอุษณีย์ มหากิจศิริ จำนวน 400 ล้านหุ้น นางสาวอุษณา มหากิจศิริ จำนวน 400 ล้านหุ้น และนางสุวิมล มหากิจศิริ จำนวน 50 ล้านหุ้น ทำให้ภายหลังการขายหุ้นครั้งนี้บริษัท เลควูดแลนด์ เหลือถือหุ้น 1,099.78 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 13.74%
ขณะที่ข้อมูลแบบรายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์ของผู้บริหาร (แบบ 59-2)แจ้งว่า นายประยุทธ์ มหากิจศิริ ได้มีการซื้อหุ้นเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2550 จำนวน 50 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 1.21 บาท และนางสุวิมล มหากิจศิริ ได้มีการซื้อหุ้นจำนวน 50 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 1.21 บาท
นายประยุทธ มหากิจศิริ ประธานกรรมการ บริษัท ไทยน๊อคซ์ สเตนเลส จำกัด (มหาชน)หรือ INOX เปิดเผยว่า การที่บริษัท เลควูดแลนด์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ของบริษัทได้มีการขายหุ้นออกมาให้กับครอบครัวของตน จำนวน ทั้งหมด 1,350 ล้านหุ้น เนื่องจาก ต้องการเงินเพื่อที่จะนำไปชำระหนี้ทั้งหมดที่มี 1,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ เลควูดแลนด์ ไม่มีหนี้และเป็นการเพิ่มสภาพคล่องให้กับบริษัทมากขึ้น โดยการมีหนี้นั้นไม่ใช่เรื่องไม่ดี ซึ่งองค์กรก็ต้องรับเรื่องการมีหนี้ได้ แต่การที่ไม่มีหนี้นั้นถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
ทั้งนี้ แม้ บริษัท เลควูดแลนด์ จำกัด จะมีการขายหุ้นของบริษัทออกมาแต่ก็ยังถือหุ้นอยู่ประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งยังอยู่ในระดับที่สูง และจะไม่มีการขายหุ้นออกมาอีก จากที่ INOX มีการเติบโตที่ดีในอนาคตจากความต้องการใช้สแตนเลสยังอยู่ในระดับที่สูง
สำหรับการที่บริษัทจะมีการนำหุ้นที่ได้มีการซื้อคืนจำนวน 204.29 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 2.55% ออกมาจำหน่ายนั้น คาดว่าจะเริ่มนำออกมาขายได้ในอีก 2 สัปดาห์จากนี้ โดยการที่บริษัทจะนำหุ้นที่ซื้อคืนออกมาขายจากการที่บริษัทต้องการเปิดโอกาสให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนในหุ้นของบริษัทมากขึ้น จากที่บริษัทมีปัจจัยพื้นฐานที่ดี มีอัตราการเติบโตของผลประกอบการที่ดี มีอนาคตที่สดใส จากธุรกิจที่ INOX มีความต้องการใช้ที่สูง
นายประยุทธ กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ายอดยายปี 2550 เพิ่มขึ้น 15% จากปี 2549 ที่มียอดขาย 14,936.82 ล้านบาทจากความต้องการใช้สูง และจากการที่ INOX ได้บริษัท POSCO จำกัด เข้ามาเป็นพันธมิตรเข้ามาสนับสนุนในเรื่องการหาวัตถุดิบมากให้กับบริษัท โดยสัดส่วนในการขายปีนี้บริษัทจะมียอดขายจำหน่ายในประเทศ 50% และยอดขายในต่างประเทศ 50%
รายงานจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แจ้งว่า บริษัทเลควูดแลนด์ จำกัด ได้มีการขายหุ้นบริษัท ไทยน๊อคซ์ สเตนเลส จำกัด (มหาชน)หรือ INOX ออกมาจำนวน 1,250 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 15.63% ราคาหุ้นละ 1.21 บาท รวมมูลค่า 1,512.5 ล้านบาท เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2550 ให้กับครอบครัวมหากิจศิริ ประกอบด้วย นายเฉลิมชัย มหากิจศิริจำนวน 400 ล้านหุ้น นางสาวอุษณีย์ มหากิจศิริ จำนวน 400 ล้านหุ้น นางสาวอุษณา มหากิจศิริ จำนวน 400 ล้านหุ้น และนางสุวิมล มหากิจศิริ จำนวน 50 ล้านหุ้น ทำให้ภายหลังการขายหุ้นครั้งนี้บริษัท เลควูดแลนด์ เหลือถือหุ้น 1,099.78 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 13.74%
ขณะที่ข้อมูลแบบรายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์ของผู้บริหาร (แบบ 59-2)แจ้งว่า นายประยุทธ์ มหากิจศิริ ได้มีการซื้อหุ้นเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2550 จำนวน 50 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 1.21 บาท และนางสุวิมล มหากิจศิริ ได้มีการซื้อหุ้นจำนวน 50 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 1.21 บาท
นายประยุทธ มหากิจศิริ ประธานกรรมการ บริษัท ไทยน๊อคซ์ สเตนเลส จำกัด (มหาชน)หรือ INOX เปิดเผยว่า การที่บริษัท เลควูดแลนด์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ของบริษัทได้มีการขายหุ้นออกมาให้กับครอบครัวของตน จำนวน ทั้งหมด 1,350 ล้านหุ้น เนื่องจาก ต้องการเงินเพื่อที่จะนำไปชำระหนี้ทั้งหมดที่มี 1,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ เลควูดแลนด์ ไม่มีหนี้และเป็นการเพิ่มสภาพคล่องให้กับบริษัทมากขึ้น โดยการมีหนี้นั้นไม่ใช่เรื่องไม่ดี ซึ่งองค์กรก็ต้องรับเรื่องการมีหนี้ได้ แต่การที่ไม่มีหนี้นั้นถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
ทั้งนี้ แม้ บริษัท เลควูดแลนด์ จำกัด จะมีการขายหุ้นของบริษัทออกมาแต่ก็ยังถือหุ้นอยู่ประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งยังอยู่ในระดับที่สูง และจะไม่มีการขายหุ้นออกมาอีก จากที่ INOX มีการเติบโตที่ดีในอนาคตจากความต้องการใช้สแตนเลสยังอยู่ในระดับที่สูง
สำหรับการที่บริษัทจะมีการนำหุ้นที่ได้มีการซื้อคืนจำนวน 204.29 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 2.55% ออกมาจำหน่ายนั้น คาดว่าจะเริ่มนำออกมาขายได้ในอีก 2 สัปดาห์จากนี้ โดยการที่บริษัทจะนำหุ้นที่ซื้อคืนออกมาขายจากการที่บริษัทต้องการเปิดโอกาสให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนในหุ้นของบริษัทมากขึ้น จากที่บริษัทมีปัจจัยพื้นฐานที่ดี มีอัตราการเติบโตของผลประกอบการที่ดี มีอนาคตที่สดใส จากธุรกิจที่ INOX มีความต้องการใช้ที่สูง
นายประยุทธ กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ายอดยายปี 2550 เพิ่มขึ้น 15% จากปี 2549 ที่มียอดขาย 14,936.82 ล้านบาทจากความต้องการใช้สูง และจากการที่ INOX ได้บริษัท POSCO จำกัด เข้ามาเป็นพันธมิตรเข้ามาสนับสนุนในเรื่องการหาวัตถุดิบมากให้กับบริษัท โดยสัดส่วนในการขายปีนี้บริษัทจะมียอดขายจำหน่ายในประเทศ 50% และยอดขายในต่างประเทศ 50%