"กอลรี่ ไทย"ผู้นำเข้าวัสดุก่อสร้างจากจีน เร่งสร้างแบรนด์ เปิดตลาดใหม่เพิ่มช่องทางขายเจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลาง เผยไตรมาส2 ขายผ่านโมเดิร์นเทรด แจงปี50สัดส่วนรายได้โครงการ-ผู้รับเหมา 70% ขายปลีก 30% พร้อมทุ่มงบสร้างแบรนด์ 10ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขายปีนี้ 600ล้าน เติบโตจากปี49 กว่า 300% ชูสินค้าคุณภาพเท่าเทียมราคาถูกกว่า 40%
นายยุทธนา แสงโสภา กรรมการผู้จัดการ บริษัท กอลรี่ ไทย อินเตอร์คอนติเนลตัล จำกัด ผู้นำเข้าวัสดุตกแต่งบ้าน วัสดุก่อสร้าง สุขภัณฑ์ และกระเบื้องแกรนนิตจากประเทศจีนมากว่า 10 ปี เปิดเผยว่า ในช่วง2 ปีที่ผ่านมา สินค้านำเข้าจากประเทศจีนมีคุณภาพต่ำกว่าสินค้าที่ผลิตในประเทศ ทำให้สินค้าส่วนใหญ่ที่นำเข้ามาทำตลาดในประเทศ เจาะเน้นกลุ่มลูกค้าในตลาดล่าง โดยใช้กลยุทธ์ ในด้านราคามาเป็นจุดขาย แต่ตลอดระยะเวลา2 ปีที่ผ่านมา ผู้ผลิตสินค้าวัสดุก่อสร้างและตกแต่งบ้านในประเทศจีน มีการปรับปรุงคุณภาพสินค้าให้สามารถแข่งขันกับสินค้าต่างประเทศได้มากขึ้น
ขณะที่ สินค้านำเข้าของบริษัทในช่วงก่อนหน้านี้ จะเน้นเจาะกลุ่มโครงการและบริษัทรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่ ที่มีผลก่อสร้างจากภาครัฐบาลและเอกชน ส่งผลให้ในปี 2549 ที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายรวม 200 ล้านบาท เป็นการขายเข้าโครงการและผู้รับเหมาก่อสร้างทั้งหมด100% อย่างไรก็ตาม ในด้านของการขยายช่องทางการขายให้กว้างขึ้น ทางบริษัทมีแผนจะเข้าไปเจาะตลาดค้าปลีกผ่านร้านค้าโมเดิร์นเทรด เพื่อให้สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้ารายย่อย
นอกจากนี้ ยังได้วางงบประมาณทำตลาดในปีนี้เพิ่มมากขึ้น เพื่อเป็นการสร้างแบรนด์ และสร้างการรับรู้ในแบรนด์ของบริษัทให้เข้าถึงกลุ่มผู้ประกอบการโครงการจัดสรร และบริษัทรับเหมาก่อสร้าง โดยปีนี้บริษัทวงงบการทำตลาดและประชาสัมพันธ์ไว้ 10 ล้านบาท ซึ่งบริษัทจะเน้นการโฆษณาผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ และป้ายโฆษณา (บิล บอร์ด) ตามทางด่วนต่างๆ โดยตั้งเป้าจะสร้างการรับรู้ในกลุ่มลูกค้าโครงก่ารและบริษัทก่อสร้างขนาดใหญ่ได้100% ส่วนกลุ่มลูกค้ารายย่อยคาดว่าน่าจะสร้างการรับรู้ได้ประมาณ 20-30%
สำหรับในปีนี้ บริษัทตั้งเป้าว่าจะมีรายได้จากการขายทั้งปีรวม 600 ล้านบาทแบ่งเป็นรายได้จากการส่งออก 100 ล้านบาท ส่วนที่อีก 500 ล้านจะเป็นรายได้จากการขายในประเทศ โดยสัดส่วนรายได้ในประเทศจะมาจากการขายผ่านโครงการและผู้รับเหมาก่อสร้างประมาณ 70% และรายได้จากการขายผ่านโมเดิร์นเทรด 30% โดยในส่วนของการขายผ่านร้านค้าโมเดิร์นเทรดนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ประกอบการโมเดิร์นเทรดอยู่ คาดว่าจะสามารถสรุปได้ในไตรมาสที่ 2 นี้
" เราจะเจาะตลาดรายย่อยหรือค้าปลีกผ่านร้านค้าโมเดิร์นเทรด ผ่าน โฮมโปร โฮมเวิร์ค ซีเมนต์ไทยโฮมมาร์ท เนื่องจากทางบริษัทยังไม่มีการตั้งตัวแทนจำหน่าย ส่วนการเปิดตัวโชว์รูมสินค้าของบริษัทที่ถนนพระราม3 นี้ เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้า โดยเปิดให้ลูกค้าโครงการ และบริษัทรับเหมาก่อสร้างเข้ามาเลือกสินค้า ก่อนตัดสินใจเลือกใช้สินค้าในโครงการ ทั้งนี้การเปิดตัวโชว์รูมในปีนี้ มีแผนจะเปิดเพียงแห่งเดียวก่อน ส่วนในปี51 เรามีแผนจะเปิดโชว์รูม เพิ่มอีก 1 แห่งที่เกาะสมุย คาดว่าจะเป็นการร่วมทุนกับกลุ่มเพื่อน " นายยุทธนากล่าว
นายยุทธนา กล่าวว่า สาเหตุที่เรามั่นใจว่าจะมีรายได้เติบโตจากปี2549ถึง 300% นั้น เนื่องจากสินค้าของบริษัทมีราคาขายที่ต่ำกว่าลูกค้ากว่า 40% ในขณะที่ระดับคุณภาพของสินค้าสามารถแข่งขันกับคู่แข้งในตลาดได้ และในปีที่ผ่านมา ได้เจรจาและทำสัญญากับลูกค้าโครงการที่จะเริ่มการก่อสร้างโครงวการใหม่ในปีนี้แล้วกว่า 60 โครงการ คาดว่าประมาณไตรมาสที่ 2-3 ของปีนี้ลูกค้าโครงการจะเริ่มทยอยสั่งซื้อสินค้าเข้าสู่โครงการ ส่วนการส่งออกไปต่างประเทศ จะเน้นกลุ่มลูกค้าในโซนเอเชียตะวันออกและประเทศข้างเคียง อาทิ ประเทศลาว ที่จะเข้าไปขยายตลาดร่วมกับบริษัทพันธมิตรซึ่งเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่ อย่างเช่นบริษัทไชน่าสเตท ได้เข้าไปรับเหมาก่อสร้างโครงการสนามกีฬาซีเกมส์ ที่ประเทศลาวจะเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นในปี 2552
นอกจากนี้ บริษัทยังมีพันธมิตรผู้รับเหมาก่อสร้างอีกหลายๆ ราย ที่บริษัทจะอาศัยเข้าไปเจาะตลาดในประเทศอื่นๆได้ โดยก่อนหน้านั้นบริษัทได้ขายวัสดุก่อสร้างเข้าโครงการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ และโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าบีทีเอสและรถไฟฟ้าใต้ดินมาแล้ว ทำให้มีลูกค้าต่างชาติที่เป็นที่พอใจกับคุณภาพและราคาขายสินค้าของบริษัทด้วย
สำหรับ บริษัท กอลรี่ ไทยฯ เป็นผู้นำเข้าสินค้าวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน โดยสินค้าของบริษัทได้รับการนำเข้าไปใช้ในโครงการขนาดใหญ่มากกว่า 300 โครงการ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาทิโครงการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ รถไฟฟ้า บีทีเอส และเอ็มอาร์ที ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน มิลเรเนียม ฮิลตัน โฮเท็ล โครงการคอนโดมิเนียมI-House ส่วนกลุ่มบริษัทรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่ที่เป็นลูกค้าของบริษัท อาทิ บริษัท ซิตี้เรียลตี้ฯ ,บริษัทอิตาเลียนไทยฯ และบริษัทฤทธา เป็นต้น
ทั้งนี้ ในส่วนของการเปิดตัวโชว์รูมใหม่ของบริษัทในครั้งนี้ บริษัทใช้งบประมาณในการลงทุนรวม 20 ล้านบาท โดยโชว์รูมดังกล่าวมีพื้นที่รวม 800 ตารางเมตร ซึ่งนับว่าเป็นศูนย์แสดงสินค้านำเข้าของบริษัททั้งหมด โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็น ห้องรับรอง ส่วนแสดงสินค้า ห้องจำลองสินค้ากระเบื้อง สุขภัณฑ์ และอุปกรณ์ตกแต่ง ซึ่งจะให้บริการลูกค้าแบบวันสตอป ซ็อป -วันสตอปเซอร์วิส
นายยุทธนา แสงโสภา กรรมการผู้จัดการ บริษัท กอลรี่ ไทย อินเตอร์คอนติเนลตัล จำกัด ผู้นำเข้าวัสดุตกแต่งบ้าน วัสดุก่อสร้าง สุขภัณฑ์ และกระเบื้องแกรนนิตจากประเทศจีนมากว่า 10 ปี เปิดเผยว่า ในช่วง2 ปีที่ผ่านมา สินค้านำเข้าจากประเทศจีนมีคุณภาพต่ำกว่าสินค้าที่ผลิตในประเทศ ทำให้สินค้าส่วนใหญ่ที่นำเข้ามาทำตลาดในประเทศ เจาะเน้นกลุ่มลูกค้าในตลาดล่าง โดยใช้กลยุทธ์ ในด้านราคามาเป็นจุดขาย แต่ตลอดระยะเวลา2 ปีที่ผ่านมา ผู้ผลิตสินค้าวัสดุก่อสร้างและตกแต่งบ้านในประเทศจีน มีการปรับปรุงคุณภาพสินค้าให้สามารถแข่งขันกับสินค้าต่างประเทศได้มากขึ้น
ขณะที่ สินค้านำเข้าของบริษัทในช่วงก่อนหน้านี้ จะเน้นเจาะกลุ่มโครงการและบริษัทรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่ ที่มีผลก่อสร้างจากภาครัฐบาลและเอกชน ส่งผลให้ในปี 2549 ที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายรวม 200 ล้านบาท เป็นการขายเข้าโครงการและผู้รับเหมาก่อสร้างทั้งหมด100% อย่างไรก็ตาม ในด้านของการขยายช่องทางการขายให้กว้างขึ้น ทางบริษัทมีแผนจะเข้าไปเจาะตลาดค้าปลีกผ่านร้านค้าโมเดิร์นเทรด เพื่อให้สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้ารายย่อย
นอกจากนี้ ยังได้วางงบประมาณทำตลาดในปีนี้เพิ่มมากขึ้น เพื่อเป็นการสร้างแบรนด์ และสร้างการรับรู้ในแบรนด์ของบริษัทให้เข้าถึงกลุ่มผู้ประกอบการโครงการจัดสรร และบริษัทรับเหมาก่อสร้าง โดยปีนี้บริษัทวงงบการทำตลาดและประชาสัมพันธ์ไว้ 10 ล้านบาท ซึ่งบริษัทจะเน้นการโฆษณาผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ และป้ายโฆษณา (บิล บอร์ด) ตามทางด่วนต่างๆ โดยตั้งเป้าจะสร้างการรับรู้ในกลุ่มลูกค้าโครงก่ารและบริษัทก่อสร้างขนาดใหญ่ได้100% ส่วนกลุ่มลูกค้ารายย่อยคาดว่าน่าจะสร้างการรับรู้ได้ประมาณ 20-30%
สำหรับในปีนี้ บริษัทตั้งเป้าว่าจะมีรายได้จากการขายทั้งปีรวม 600 ล้านบาทแบ่งเป็นรายได้จากการส่งออก 100 ล้านบาท ส่วนที่อีก 500 ล้านจะเป็นรายได้จากการขายในประเทศ โดยสัดส่วนรายได้ในประเทศจะมาจากการขายผ่านโครงการและผู้รับเหมาก่อสร้างประมาณ 70% และรายได้จากการขายผ่านโมเดิร์นเทรด 30% โดยในส่วนของการขายผ่านร้านค้าโมเดิร์นเทรดนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ประกอบการโมเดิร์นเทรดอยู่ คาดว่าจะสามารถสรุปได้ในไตรมาสที่ 2 นี้
" เราจะเจาะตลาดรายย่อยหรือค้าปลีกผ่านร้านค้าโมเดิร์นเทรด ผ่าน โฮมโปร โฮมเวิร์ค ซีเมนต์ไทยโฮมมาร์ท เนื่องจากทางบริษัทยังไม่มีการตั้งตัวแทนจำหน่าย ส่วนการเปิดตัวโชว์รูมสินค้าของบริษัทที่ถนนพระราม3 นี้ เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้า โดยเปิดให้ลูกค้าโครงการ และบริษัทรับเหมาก่อสร้างเข้ามาเลือกสินค้า ก่อนตัดสินใจเลือกใช้สินค้าในโครงการ ทั้งนี้การเปิดตัวโชว์รูมในปีนี้ มีแผนจะเปิดเพียงแห่งเดียวก่อน ส่วนในปี51 เรามีแผนจะเปิดโชว์รูม เพิ่มอีก 1 แห่งที่เกาะสมุย คาดว่าจะเป็นการร่วมทุนกับกลุ่มเพื่อน " นายยุทธนากล่าว
นายยุทธนา กล่าวว่า สาเหตุที่เรามั่นใจว่าจะมีรายได้เติบโตจากปี2549ถึง 300% นั้น เนื่องจากสินค้าของบริษัทมีราคาขายที่ต่ำกว่าลูกค้ากว่า 40% ในขณะที่ระดับคุณภาพของสินค้าสามารถแข่งขันกับคู่แข้งในตลาดได้ และในปีที่ผ่านมา ได้เจรจาและทำสัญญากับลูกค้าโครงการที่จะเริ่มการก่อสร้างโครงวการใหม่ในปีนี้แล้วกว่า 60 โครงการ คาดว่าประมาณไตรมาสที่ 2-3 ของปีนี้ลูกค้าโครงการจะเริ่มทยอยสั่งซื้อสินค้าเข้าสู่โครงการ ส่วนการส่งออกไปต่างประเทศ จะเน้นกลุ่มลูกค้าในโซนเอเชียตะวันออกและประเทศข้างเคียง อาทิ ประเทศลาว ที่จะเข้าไปขยายตลาดร่วมกับบริษัทพันธมิตรซึ่งเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่ อย่างเช่นบริษัทไชน่าสเตท ได้เข้าไปรับเหมาก่อสร้างโครงการสนามกีฬาซีเกมส์ ที่ประเทศลาวจะเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นในปี 2552
นอกจากนี้ บริษัทยังมีพันธมิตรผู้รับเหมาก่อสร้างอีกหลายๆ ราย ที่บริษัทจะอาศัยเข้าไปเจาะตลาดในประเทศอื่นๆได้ โดยก่อนหน้านั้นบริษัทได้ขายวัสดุก่อสร้างเข้าโครงการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ และโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าบีทีเอสและรถไฟฟ้าใต้ดินมาแล้ว ทำให้มีลูกค้าต่างชาติที่เป็นที่พอใจกับคุณภาพและราคาขายสินค้าของบริษัทด้วย
สำหรับ บริษัท กอลรี่ ไทยฯ เป็นผู้นำเข้าสินค้าวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน โดยสินค้าของบริษัทได้รับการนำเข้าไปใช้ในโครงการขนาดใหญ่มากกว่า 300 โครงการ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาทิโครงการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ รถไฟฟ้า บีทีเอส และเอ็มอาร์ที ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน มิลเรเนียม ฮิลตัน โฮเท็ล โครงการคอนโดมิเนียมI-House ส่วนกลุ่มบริษัทรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่ที่เป็นลูกค้าของบริษัท อาทิ บริษัท ซิตี้เรียลตี้ฯ ,บริษัทอิตาเลียนไทยฯ และบริษัทฤทธา เป็นต้น
ทั้งนี้ ในส่วนของการเปิดตัวโชว์รูมใหม่ของบริษัทในครั้งนี้ บริษัทใช้งบประมาณในการลงทุนรวม 20 ล้านบาท โดยโชว์รูมดังกล่าวมีพื้นที่รวม 800 ตารางเมตร ซึ่งนับว่าเป็นศูนย์แสดงสินค้านำเข้าของบริษัททั้งหมด โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็น ห้องรับรอง ส่วนแสดงสินค้า ห้องจำลองสินค้ากระเบื้อง สุขภัณฑ์ และอุปกรณ์ตกแต่ง ซึ่งจะให้บริการลูกค้าแบบวันสตอป ซ็อป -วันสตอปเซอร์วิส