“สมหรรษา” ทุ่ม 3 ล้านบาทจัดเงินเปิดตัว “หรรษา ราชดำริ” คอนโดหรู 192 ยูนิต พร้อมอรีล่าบูติคโฮเทล 62 ห้อง มูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท ตั้งซีบี ริชาร์ดฯช่วยขาย ชูจุดเด่นลงทุนซื้อปล่อยเช่าสามารถคืนทุนภายใน 9 ปี
นายสมบูรณ์ ฉายาวิจิตรศิลป์ ประธานบริษัท สมหรรษา จำกัด เจ้าของบริษัทส่งออกเพชร เปิดเผยว่า บริษัทได้เข้าสุ่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ด้วยการพัฒนาอพาร์ตเมนต์และเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ บริเวณใจกลางเมืองจำนวนหลายแห่ง อาทิ กฤษดา แมนชั่น พาร์ค วิวล์ รวมไปถึงโรงแรมในซอยสุขุมวิท 1 และได้พัฒนาโครงการสมหรรษา ราชดำริ ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมระดับไฮเอ็น รวมถึง บูติคโฮเทล ระดับ 5 ดาว มูลค่าโครงการกว่า 3,000 ล้านบาท และได้ทำการพรีเชลไปในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 70 ยูนิต
ล่าสุดโดยบริษัทได้ทุ่มเงินกว่า 3 ล้านบาท เพื่อจัดงานเปิดตัวโครงการคอนโดสมหรรษาอย่างเป็นทางการในวันที่ 3 ก.พ.นี้ เพื่อเป็นการขอบคุณแก่ลูกค้า อีกทั้งได้เชิญแขกที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักอีกกว่า 300 รายเข้าร่วมงาน
นอกจากนี้ บริษัทยังได้มอบหมายให้บริษัท ซีบี ริชาร์ด เอลลิส (ประเทศไทย) จำกัด รับบริหารงานขายและการตลาดให้ เนื่องจากเห็นว่าซีบี ริชาร์ดฯ สามารถช่วยในข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับอสังหาฯสำหรับคนไทยและคนต่างชาติเป็นอย่างดี โดยคาดว่าจะสามารถปิดการขายได้ภายในสิ้นปีนี้
สำหรับโครงการสมหรรษา เป็นการเช่าระยะยาว 30 ปีจากพระคลังข้างที่ ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฎิบัติอยู่แล้วว่า จะต่ออายุสัญญาให้อีก 30 ปี โดยตั้งอยู่บนเนื้อที่3 ไร่ 1 อาคาร สูง 43 ชั้น แบ่งเป็นคอนโดฯ 192 ยูนิต และโรงแรมระดับ 5 ดาว จำนวน 62 ยูนิต คอนโดฯราคาขายเริ่มต้นที่ 90,000-110,000 บาทต่อตารางเมตร อย่างไรก็ดีโครงการดังกล่าวเป็นการขายสิทธิการเช่านาน 30 ปี ซึ่งระดับราคาขายต่ำกว่าโครงการในย่านใกล้เคียงกว่า 30% รวมถึง ลูกค้าที่ซื้อห้องชุดเพื่อปล่อยเช่า บริษัทมีทีมงานที่จะเข้าไปช่วยบริหารให้ ซึ่งผู้ที่ต้องการซื้อเพื่อลงทุนจะสามารถคืนทุนได้ภายใน 9 ปี
นอกจากนี้ ภายในโครงการยังมี อรีล่าบูติคโฮเทล ระดับ 5 ดาว จำนวน 62 ตั้งราคาห้องพักประมาณ 600 เหรียรญสหรัฐ/คืน หรือกว่า 20,000 บาท/คืน คาดงานก่อสร้างจะแล้วเสร็จภายในปี 2552
สำหรับเม็ดเงินลงทุนในโครงการดังกล่าวประมาณ 2,000 กว่าล้านบาท โดยส่วนหนึ่งเป็นสินเชื่อจากธนาคารไทยพาณิชย์ฯจำนวน 1,260 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นเงินลงทุนของบริษัท ซึ่งบริษัทได้ตั้งกองทุนสำหรับก่อสร้างโครงการนี้จนแล้วเสร็จ โดยไม่ต้องเกรงว่าจะไม่มีเม็ดเงินลงทุน ส่วนการลงทุนในอนาคตนั้น บริษัทจะเน้นการดำเนินงานแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยจะต้องสามารถปิดการขายในโครงการปัจจุบันให้ได้ก่อนหรือจะต้องมียอดขายกว่า 80% จึงจะพัฒนาโครงการใหม่ต่อไป
นายสมบูรณ์ ฉายาวิจิตรศิลป์ ประธานบริษัท สมหรรษา จำกัด เจ้าของบริษัทส่งออกเพชร เปิดเผยว่า บริษัทได้เข้าสุ่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ด้วยการพัฒนาอพาร์ตเมนต์และเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ บริเวณใจกลางเมืองจำนวนหลายแห่ง อาทิ กฤษดา แมนชั่น พาร์ค วิวล์ รวมไปถึงโรงแรมในซอยสุขุมวิท 1 และได้พัฒนาโครงการสมหรรษา ราชดำริ ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมระดับไฮเอ็น รวมถึง บูติคโฮเทล ระดับ 5 ดาว มูลค่าโครงการกว่า 3,000 ล้านบาท และได้ทำการพรีเชลไปในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 70 ยูนิต
ล่าสุดโดยบริษัทได้ทุ่มเงินกว่า 3 ล้านบาท เพื่อจัดงานเปิดตัวโครงการคอนโดสมหรรษาอย่างเป็นทางการในวันที่ 3 ก.พ.นี้ เพื่อเป็นการขอบคุณแก่ลูกค้า อีกทั้งได้เชิญแขกที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักอีกกว่า 300 รายเข้าร่วมงาน
นอกจากนี้ บริษัทยังได้มอบหมายให้บริษัท ซีบี ริชาร์ด เอลลิส (ประเทศไทย) จำกัด รับบริหารงานขายและการตลาดให้ เนื่องจากเห็นว่าซีบี ริชาร์ดฯ สามารถช่วยในข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับอสังหาฯสำหรับคนไทยและคนต่างชาติเป็นอย่างดี โดยคาดว่าจะสามารถปิดการขายได้ภายในสิ้นปีนี้
สำหรับโครงการสมหรรษา เป็นการเช่าระยะยาว 30 ปีจากพระคลังข้างที่ ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฎิบัติอยู่แล้วว่า จะต่ออายุสัญญาให้อีก 30 ปี โดยตั้งอยู่บนเนื้อที่3 ไร่ 1 อาคาร สูง 43 ชั้น แบ่งเป็นคอนโดฯ 192 ยูนิต และโรงแรมระดับ 5 ดาว จำนวน 62 ยูนิต คอนโดฯราคาขายเริ่มต้นที่ 90,000-110,000 บาทต่อตารางเมตร อย่างไรก็ดีโครงการดังกล่าวเป็นการขายสิทธิการเช่านาน 30 ปี ซึ่งระดับราคาขายต่ำกว่าโครงการในย่านใกล้เคียงกว่า 30% รวมถึง ลูกค้าที่ซื้อห้องชุดเพื่อปล่อยเช่า บริษัทมีทีมงานที่จะเข้าไปช่วยบริหารให้ ซึ่งผู้ที่ต้องการซื้อเพื่อลงทุนจะสามารถคืนทุนได้ภายใน 9 ปี
นอกจากนี้ ภายในโครงการยังมี อรีล่าบูติคโฮเทล ระดับ 5 ดาว จำนวน 62 ตั้งราคาห้องพักประมาณ 600 เหรียรญสหรัฐ/คืน หรือกว่า 20,000 บาท/คืน คาดงานก่อสร้างจะแล้วเสร็จภายในปี 2552
สำหรับเม็ดเงินลงทุนในโครงการดังกล่าวประมาณ 2,000 กว่าล้านบาท โดยส่วนหนึ่งเป็นสินเชื่อจากธนาคารไทยพาณิชย์ฯจำนวน 1,260 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นเงินลงทุนของบริษัท ซึ่งบริษัทได้ตั้งกองทุนสำหรับก่อสร้างโครงการนี้จนแล้วเสร็จ โดยไม่ต้องเกรงว่าจะไม่มีเม็ดเงินลงทุน ส่วนการลงทุนในอนาคตนั้น บริษัทจะเน้นการดำเนินงานแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยจะต้องสามารถปิดการขายในโครงการปัจจุบันให้ได้ก่อนหรือจะต้องมียอดขายกว่า 80% จึงจะพัฒนาโครงการใหม่ต่อไป