xs
xsm
sm
md
lg

หลักธรรมสำหรับสถานการณ์ในไทย (5) : เชื่อในแรงแห่งรัก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ในช่วงเทศกาลแห่งความรัก ผมนึกถึงหลักธรรมสำหรับสถานการณ์ในไทยในเรื่อง “เชื่อในแรงแห่งรัก” เพราะความรักเป็นสิ่งยิ่งใหญ่ในชีวิต ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีสุข ที่ใดขาดรัก ที่นั่นมีทุกข์

หากเรารักโลก รักชีวิต เราจะเห็นชีวิตเป็นความสุข มองโลกในแง่บวก มีชีวิตอย่างพอเพียง เรียนรู้ที่จะเป็นสุขทุกสถานการณ์

หากเรารักกันและกัน เราจะเห็นกันในแง่ดี เห็นคุณค่าส่วนดีของกันและกัน รักสามัคคีกัน ดำเนินชีวิตดังอวัยวะของกายเดียวกัน คือเพื่อกันและกัน

หลังจากที่เราเคยมีผู้นำที่ได้สร้างความแตกแยก เพื่อปกปิดความผิดของตัว เรากำลังกลับเข้าสู่ยุคแห่งความ “รู้รักสามัคคี” ดังพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่มีต่อเราปวงชนชาวไทยตลอดมา เพราะความรักความสามัคคีของคนในชาติ ทำให้บ้านเมืองเจริญรุ่งเรือง และการแตกแยกทำลายกัน ทำให้ประเทศถอยหลัง

หลักการความรักมีอยู่ว่า “ความรักนั้นก็อดทนนานและกระทำคุณให้ ความรักไม่อิจฉา ไม่อวดตัว ไม่หยิ่งผยอง ไม่หยาบคาย ไม่คิดเห็นแก่ตนเองฝ่ายเดียว ไม่ฉุนเฉียว ไม่ช่างจดจำความผิด ไม่ชื่นชมยินดีเมื่อมีการประพฤติผิด แต่ชื่นชมยินดีเมื่อประพฤติชอบความรักทนได้ทุกอย่างแม้ความผิดของคนอื่น และเชื่อในส่วนดีของเขาอยู่เสมอ และมีความหวังอยู่เสมอ และทนต่อทุกอย่าง” แบ่งได้เป็น 4 หมวด ดังนี้

1.ความรัก คือ การให้ หมายถึง การกระทำคุณให้ และไม่คิดเห็นแก่ตนเองฝ่ายเดียว

ผมได้โอกาสไปดูภาพยนตร์ “ตำนานสมเด็จพระนเรศวร ภาค 2” ทำให้เห็นถึง พระคุณยิ่งใหญ่ของพระมหากษัตริย์ไทยสืบๆมา สมเด็จพระนเรศวรทรงกู้ชาติด้วยความรักและความเสียสละอันยิ่งใหญ่ พระองค์ทรงดูแลชาวบ้านให้หลบพ้นจากอำนาจอิทธิพลแห่งกรุงหงสาฯ ทรงไม่ละทิ้งพระสหายขุนศึกคู่พระองค์แม้ในสถานการณ์ที่คับขัน

สืบมาจนถึงราชวงจักรี ก็ได้มีการเตรียมให้เสรีภาพด้วยการทรงเลิกระบบทาสแก่ปวงชนชาวไทยมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 พระปิยมหาราช จนมีรัฐธรรมนูญในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งพระองค์ทรงมอบพระราชอำนาจแก่ปวงชนชาวไทย (แต่พระองค์ไม่ประสงค์ให้บุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือ กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งนำอำนาจนั้น เพียงเพื่อประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง)

และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพ่อหลวงองค์ปัจจุบัน ผู้ทรงเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย ก็ทรงได้เป็นหลักแห่งการพัฒนาประชาธิปไตย ประกอบกับการทรงสอนให้ชาวไทยร่วมกันสนับสนุนให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง และไม่ให้คนไม่ดีมีอำนาจก่อความวุ่นวายได้เสมอมา ตลอด 60 ปีที่ผ่านมา พระองค์ได้ทรงนำประเทศชาติให้เจริญรุ่งเรือง ผ่านปัญหาความเดือดร้อนมาหลายครั้งอย่างสันติที่สุด ด้วยพระบารมีของพระองค์ และความรักยิ่งใหญ่ที่พระองค์ทรงมีต่อพสกนิกรของพระองค์โดยแท้

2.ความรัก คือ ความเข้าใจ หมายถึง ไม่อิจฉา ไม่อวดตัว ไม่หยิ่งผยอง ไม่หยาบคาย และ ไม่ฉุนเฉียว

ในสถานการณ์ของบ้านเมืองขณะนี้ เราทุกคนควรน้อมรับหลักการ “รู้รักสามัคคี” กันให้มาก ความแตกต่างทางความคิดย่อมมีได้ในระบอบประชาธิปไตย แต่ไม่ควรเป็นแบบแตกแยก ไม่ควรใช้อารมณ์ในการตัดสินใจ ขณะที่ความรักเป็นทางสว่าง ความโกรธเป็นทางมืด อย่าให้ความโกรธชนะความรัก จะได้มองสถานการณ์ต่างๆได้กระจ่างด้วยความรักและความเข้าใจ

อย่าให้เราก้าวไปสู่ “ซ้ายผิดขวาถูก” หรือ “ขวาผิดซ้ายถูก” แต่ยืนหยัดบน “ถูกเป็นถูก ผิดเป็นผิด” โดยไม่มีอคติ เราควร “รู้รักสามัคคี” รักษาความรักความเข้าใจกันและกัน

3.ความรัก คือ ความอดทน หมายถึง อดทนนาน ไม่ช่างจดจำความผิด ทนได้ทุกอย่างแม้ความผิดของคนอื่น เชื่อในส่วนดีของเขาอยู่เสมอ มีความหวังอยู่เสมอ และ ทนต่อทุกอย่าง

ขณะนี้ คนไทยส่วนไม่น้อย เห็นชัดถึงหลักฐานการฉ้อราษฎร์บังหลวง ทุจริตทั้งเชิงทางตรง และเชิงนโยบายจากรัฐบาลที่แล้ว แต่เราคงต้องยอมรับว่า หลาย ๆ คนเคยหลงไปช่วยรัฐบาลที่แล้ว โดยไม่ได้นึกถึงว่า จะเกิดปรากฏการณ์โกงชาติขนาดนั้น สร้างความแตกแยกขนาดนั้น ทำให้ชาวบ้านเข้มแข็งน้อยต้องพึ่งพานักการเมืองมากขนาดนั้น ถ้าเราไม่เข้าใจหลาย ๆ คนที่อาจเคยหลงทางเหล่านั้น ถือว่าเป็นพวกเดียวกันไปหมด ไม่ให้โอกาสอีกเลย เราก็อาจพ่ายแพ้ต่อ “ความแตกแยก” ได้

ต่อกรณีการที่รัฐบาลได้ให้ ดร. สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ช่วยเหลืองานในการประชาสัมพันธ์หลักการเศรษฐกิจพอเพียงนั้น ในเมื่อ ดร.สมคิด ไม่ใช่ผู้ใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ส่วนตัว ไม่ได้เป็นผู้ก่อหนี้หรือซ่อนหนี้ไปให้คนรุ่นหลัง ไม่ได้เอากิจการสำคัญต่อเรื่องความมั่นคงของแผ่นดิน ไปขายต่างชาติ เราก็น่าจะไม่ช่างจดจำความผิด เชื่อในส่วนดีของเขา และให้โอกาสท่านมาช่วยชาติช่วยแผ่นดินต่อไป ส่วนด้านการตรวจสอบ เช่น กรณีทุจริตกล้ายาง ก็ดำเนินการต่อไป

4.ความรัก คือ การหวังดี หมายถึง ไม่ชื่นชมยินดีเมื่อมีการประพฤติผิด แต่ชื่นชมยินดีเมื่อประพฤติชอบ เพราะการประพฤติมิชอบจะนำชีวิตที่ผิดบาป และไม่กลับใจนั้น ไปสู่นรกบึงไฟ ที่มีแต่การขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

กรณี ดร. สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ จะมาช่วยเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงนั้น ถือว่าเป็นสัญญาณแห่งความรักสามัคคีสมานฉันท์ ขณะที่เราต้องช่วยกันไม่ให้การซื้ออำนาจเพื่อประโยชน์ส่วนตนกลับเข้ามาอีกอย่างแน่นอน แต่สำหรับผู้มีความรู้ ความสามารถ หากยังประสงค์จะทำงานเพื่อส่วนรวมด้วยความรักชาติอย่างจริงใจ เราชาวไทยร่วมชาติก็น่าจะเปิดใจด้วยความยินดี

เมื่อมองไปถึงอดีตผู้นำ เราก็ไม่ควรมีอคติ ช่วยกันภาวนาให้ท่านกลับใจ อำนาจใดที่ท่านใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตัว ต่อหุ้นที่ซุกผ่านแอมเพิลริช ผ่านลูกๆ ผ่านวินมาร์ค และกองทุนที่เชื่อมโยงกัน ก็น่าจะนำผลประโยชน์นั้นคืนต่อแผ่นดิน กระบวนการทุจริตของพวกพ้องหลาย ๆ เรื่องจนเราได้เห็นหลักฐานคาตา ก็ควรจะคืนต่อแผ่นดิน ยุติความพยายามที่จะสร้างความปั่นป่วนต่อประเทศชาติ โดยไปในประเทศต่างๆ เพียงเพื่อต้องการเบี่ยงเบนคดีของตนตามกระบวนการที่กำลังทยอยออกมา

เพราะขณะที่ความรักย่อมประกอบด้วยใจเมตตา แต่ก็ไม่ชื่นชมยินดีในความประพฤติผิด โดยชื่นชมยินดีเมื่อประพฤติชอบ เพื่อให้ประเทศชาติดำรงอยู่ในคุณธรรม จริยธรรม จึงไม่มีใครเบียดเบียนกัน ประชาชนมีความเข้มแข็งเพียงพออย่างแท้จริง ไม่ต้องรอคอยพึงพานักการเมืองตลอดไป

หากเราเชื่อในแรงแห่งรัก เริ่มที่ตัวเรา มีใจรักต่อกันและกัน ปรารถนาดีให้ทุกคนรักกัน เชื่อในแรงแห่งรัก ว่าความรักคือการให้ คือความเข้าใจ คือความอดทน และคือความหวังดี แผ่นดินไทยก็จะมีความรักชนะความโกรธ และก้าวหน้าต่อไปอย่างมีด้วยแรงแห่งรักครับ

มนตรี ศรไพศาล
(montree4life@yahoo.com)

กำลังโหลดความคิดเห็น