xs
xsm
sm
md
lg

หลักธรรมสำหรับสถานการณ์ในไทย (4) : การกำหนดนโยบายด้วยความรัก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ในเทศกาลแห่งความรัก แม้นึกถึงเรื่องนโยบาย ก็ยังอยากจะนึกถึง การกำหนดนโยบายด้วยความรัก

ผมชอบใจภาพยนตร์ชุดตำนานสมเด็จพระนเรศวร ซึ่งช่วยทำให้เราระลึกได้ ถึงความรักชาติ รักแผ่นดิน กตัญญูต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ผู้ทรงนำปวงชนชาวไทยรุ่นบรรพชน ปกป้องแผ่นดินไทยด้วยชีวิตเพื่อชาวไทยสืบมา ขณะเดียวกันก็ให้บทเรียนว่า ทุกครั้งที่ประเทศชาติอ่อนแอ จนประชาชนเดือดร้อน และถึงขั้นเสียเอกราชนั้น ปัจจัยสำคัญคือ การแตกความสามัคคี

ครอบครัวใด องค์กรใด ชนชาติใด ไม่รักสามัคคีกัน ก็ไม่เป็นสุขและขาดพลัง

เวลาที่เราเริ่มโกรธกัน อารมณ์โกรธมักจะทำให้เราเห็นแต่ส่วนผิดของฝ่ายตรงข้าม รักกันน้อยลง พยายามจับผิดเขา เพื่อให้เรารู้สึกว่าเราเป็นผู้ถูกต้อง หลายครั้งจะนำไปสู่การทำร้ายกัน ทำลายกัน หากประเทศมีบรรยากาศเช่นนั้น ก็คงยากที่จะก้าวหน้าอย่างเข้มแข็ง

คนไทยจึงควรตระหนักถึงพระราชดำรัสให้คนไทย “รู้รักสามัคคี” มองกันอย่างเป็นธรรม ไม่มีอคติต่อกัน

แน่นอน ในสังคมแห่งคุณธรรม การไม่เบียดเบียนกัน ความซื่อสัตย์สุจริตต่อกันและกัน ยังต้องเป็นหลักสำคัญเพื่อไม่ให้ใครถูกเอาเปรียบ ความรักสามัคคี จึงไม่ได้แปลว่า ละเลยเรื่องความถูกต้องชอบธรรม หากแต่ต้องมองเรื่องความถูกต้องชอบธรรมด้วยใจที่เป็นธรรม มีเหตุมีผล ไร้อคติ

และความรักความสามัคคีต้องไม่ใช่ว่า ฉันรักคนฝ่ายหนึ่ง และชังคนอีกฝ่ายหนึ่ง ทุกคนยังพึงรักกัน มีจิตใจที่เป็นธรรมต่อกัน แต่พึงรักความถูกต้อง และความสว่าง และชังความผิดบาป และทางแห่งความมืด

สังคมที่ถูกครอบด้วยอำนาจของความบาป ได้แก่ ความโกรธ ความเกลียด การไม่รัก ไม่ให้อภัยกัน การมุ่งร้ายต่อกัน ความทุกข์ใจ ความกังวลใจ สังคมนั้นก็มีความเสี่ยงสูงที่จะตกต่ำลง

และเรื่องนี้ก็คล้ายเรื่องอื่นๆอีกหลายๆเรื่อง คือ ไม่ใช่เรื่องของอัศวินม้าขาวคนใดคนหนึ่งจะเข้ามาแก้ไข แต่เป็นเรื่องที่คนไทยเราทุกคน จะรักกัน พร้อมให้อภัยกัน ที่อาจเคยแตกแยกก็คืนดีกัน สามัคคีกัน มีใจเป็นสุข หนักแน่น รักษาความหวังอยู่เสมอ ให้กำลังใจแก่กันและกัน สนับสนุนกันและกันให้ดำรงอยู่ในความชอบธรรมและทางสว่าง

สังคมไทยขณะนี้ ได้เผชิญปัญหาต่างๆมามากมายแล้ว จึงไม่ควรให้มีการ “แตกแยก” อีกต่อไป แต่ควร “คืนดี” เป็นหนึ่งเดียวกัน คนไทยพึงรักกันและกัน คิดถึงกันและกันเสมอในทุกๆเรื่อง การกำหนดนโยบายใดๆ ก็ควรกำหนดด้วยความรัก โดยเฉพาะความรักต่อคนส่วนรวม

เช่นเรื่องมาตรการ 30% เพื่อช่วยปกป้องค่าเงินบาท คงไม่ได้แปลว่า ฝ่ายตลาดทุนอยากให้เลิกมาตรการ เพียงเพราะเชื่อว่าจะดีต่อตลาดหุ้น แต่ก็ควรคำนึงด้วยว่าค่าเงินแข็งจะเป็นปัญหาต่อผู้ส่งออก ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง

และก็ไม่ควรที่กลุ่มผู้ส่งออกจะคิดเพียงว่า ต้องรักษามาตรการ 30% เพียงเพราะเชื่อว่า เป็นเพียงมาตรการเดียวที่รักษาค่าเงินไม่ให้แข็งค่าเกินไป ไม่ต้องสนใจตลาดทุน

ทั้งนี้ เพราะตลาดทุนไม่ใช่เป็นประโยชน์ของคน 3 แสนคนในวงการหุ้นเท่านั้น แต่บรรยากาศกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ซึ่งหากซบเซาก็จะกระทบต่อการค้าขายของผู้คนเป็นวงกว้าง เราสังเกตกันได้ว่า เวลาหุ้นตก ซบเซา และขาดความหวัง การค้าขายก็ซบเซาไปด้วย

คนขายบ้านก็เคยบอกให้ผมฟังว่า เวลาหุ้นขายดี คนจะรู้สึกดี บ้านก็ขายดี แม้ผู้ซื้อจะไม่ได้เล่นหุ้นก็ตาม คนขายของตามร้านค้า ติดตามดูตลาดทุน เมื่อหุ้นตกหนัก ซบเซา ก็รู้สึกค้าขายเงียบเหงาไปด้วย และหากนำไปสู่ความกลัวว่าเศรษฐกิจจะไม่ดี ประหยัดกัน ไม่จับจ่าย เศรษฐกิจก็จะซบเซา ซึ่งไม่ใช่กระทบเฉพาะผู้ลงทุนในหุ้น แต่กระทบผู้คนเป็นวงกว้าง

ผมว่าความเชื่อในกลไกตลาด จึงเป็นการกำหนดนโยบายที่สมเหตุผลที่สุด ดังที่หลักเศรษฐศาสตร์ถือว่า เป็นผลของพระหัตถ์ที่มองไม่เห็น (Invisible Hand) และเรื่องความต้องการในค่าเงินบาทนั้น ฝ่ายคุมนโยบายสามารถปรับระดับความต้องการเงินบาทได้

ในเมื่อความต้องการเงินบาทที่สูงเป็นปัญหาค่าเงินแข็ง ก็สามารถ “ลดดอกเบี้ย” เพื่อให้ความต้องการเงินบาทลดลง ค่าเงินอ่อนลงถูกใจผู้ส่งออกได้ และวงการตลาดหุ้น รวมถึงตลาดการบริโภคในประเทศก็ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยต่ำอีกด้วย

เพียงแต่นโยบายต่ำ ดูจะสวนนโยบายที่มีต่อเนื่องมาจากช่วงรัฐบาลที่แล้ว ซึ่งหากดอกเบี้ยต่ำ อาจกระทบคนที่ถือบาทมากเป็นหมื่นๆล้านบาท และดอกเบี้ยต่ำก็ทำให้บาทอ่อน คนถือบาทเป็นหมื่นๆล้านก็อาจจะเดือดร้อนเช่นกัน

อีกด้านหนึ่ง ทุกฝ่ายก็ควรคำนึงถึงว่า การที่ดอกเบี้ยต่ำจะมีผลช่วยให้เศรษฐกิจคึกคัก อาจทำให้เงินเฟ้อสูงเป็นปัญหาต่อค่าครองชีพได้ แต่ในสภาวะเช่นนี้ ราคาน้ำมันไม่ได้ “สูงขึ้นมาก” เหมือนเดิม ราคาสินค้า ราคาเกษครเริ่มคงตัวหรืออ่อนตัว ค่าเงินบาทแข็ง และที่สำคัญคือ การบริโภคซบเซาอันอาจเป็นผลกระทบบางส่วนจากการก่อการร้าย

เช่นเดียวกับ การต่อสู้การก่อการร้ายในเหตุการณ์ 11 กันยายน อลัน กรีนสแปนก็ได้ลดดอกเบี้ยต่อเนื่องกันกว่า 10 ครั้ง ทำให้ตลาดหุ้นแข็งแกร่ง และรักษาระดับเศรษฐกิจได้ เพียงแต่ยอมรับว่า คนรวยเดือดร้อนหน่อยเพราะดอกเบี้ยต่ำ แต่ก็เข้าใจได้ว่า ในสภาวะตื่นตระหนก ซบเซา จะหาดอกเบี้ยสูงๆมาจ่ายผู้ฝากเงินก็คงจะยาก

การกำหนดนโยบายที่ดีที่สุด จึงควรให้เป็นไปตามกลไกตลาด เพื่อให้เป็นธรรมต่อทุกฝ่าย จะได้ไม่ถือว่า นโยบายด้านหนึ่งด้านใด จะเอาใจคนกลุ่มหนึ่งโดยละเลยคนกลุ่มอื่นครับ


มนตรี ศรไพศาล
(montree4life@yahoo.com)
กำลังโหลดความคิดเห็น